Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เทคโนโลยีที่ใช้ในการทำธุรกรรมโดยไม่ต้องผ่านบุคคลที่สาม (Blockchain) -…
เทคโนโลยีที่ใช้ในการทำธุรกรรมโดยไม่ต้องผ่านบุคคลที่สาม (Blockchain)
1.1 ความหมายของ Blockchain
เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Ledger) ที่บันทึกข้อมูลเป็นบล็อก (Block) ที่เชื่อมต่อกันเป็นห่วงโซ่ (Chain) โดยข้อมูลจะถูกแชร์และจัดเก็บเป็นสำเนาไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของสมาชิกทุกคนในเครือข่าย ทำให้มีความโปร่งใสและปลอดภัย
1.2 วิวัฒนาการของเทคโนโลยี Blockchain
แบ่งออกได้เป็นหลายยุคสมัย โดยเริ่มต้นจากการเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin ในยุคแรกๆ และพัฒนาต่อยอดไปสู่การใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น
ยุคที่ 1: Blockchain สำหรับ Bitcoin (2009 - ปัจจุบัน)
จุดเริ่มต้น: เทคโนโลยี Blockchain ถูกนำมาใช้ครั้งแรกกับ Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นโดย Satoshi Nakamoto.
ยุคที่ 2: Blockchain สำหรับ Smart Contracts (2013 - ปัจจุบัน)
จุดเริ่มต้น: Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่นำเสนอแนวคิด Smart Contracts ซึ่งเป็นสัญญาที่สามารถเขียนโปรแกรมและทำงานอัตโนมัติได้เมื่อตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด
ยุคที่ 3: Blockchain สำหรับการปรับขนาดและประสิทธิภาพ (ปัจจุบัน)
จุดเริ่มต้น: มีการพัฒนาบล็อกเชนรุ่นใหม่ๆ ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความสามารถในการปรับขนาดและประสิทธิภาพของบล็อกเชนรุ่นก่อนๆ เช่น Cardano, Nano, และ IOTA.
1.3 หลักการทำงานของเทคโนโลยี Blockchain
การสร้างบล็อก: เมื่อมีการทำธุรกรรมเกิดขึ้น ข้อมูลจะถูกรวบรวมและจัดเก็บในรูปแบบของบล็อก
การเชื่อมโยงบล็อก: แต่ละบล็อกจะถูกเชื่อมโยงกับบล็อกก่อนหน้าโดยใช้แฮช ทำให้เกิดเป็นลูกโซ่ของบล็อกที่เรียกว่า Blockchain
การกระจายข้อมูล: ข้อมูลใน Blockchain จะถูกคัดลอกและส่งไปยังทุกโหนดในเครือข่าย ทำให้ทุกคนในเครือข่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องได้
การยืนยันความถูกต้อง: การเพิ่มบล็อกใหม่เข้าสู่ Blockchain จะต้องได้รับการยืนยันความถูกต้องจากโหมดส่วนใหญ่ในเครือข่าย ซึ่งอาจใช้กระบวนการที่เรียกว่า "Proof-of-Work" หรือ "Proof-of-Stake" เป็นต้น
ความไม่เปลี่ยนแปลง: เมื่อข้อมูลถูกบันทึกใน Blockchain แล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือลบได้ ทำให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือและโปร่งใส
1.4 องค์ประกอบของเทคโนโลยี Blockchain
องค์ประกอบของเทคโนโลยี Blockchain ประกอบด้วย4 องค์ประกอบสำคัญ คือ block, chain, consensus และ validation
Block: เป็นหน่วยข้อมูลพื้นฐานที่เก็บข้อมูล (เช่น ข้อมูลธุรกรรม) ไว้ในรูปแบบของกล่องที่ถูกเข้ารหัส
Chain: เป็นการเรียงต่อกันของ blocks โดยที่แต่ละ block จะเชื่อมโยงกับ block ก่อนหน้าผ่านรหัสแฮชของ block ก่อนหน้า. ทำให้ข้อมูลในแต่ละ block ถูกเชื่อมโยงกันเป็นสายโซ่
Consensus: เป็นกระบวนการที่ทำให้ผู้ใช้ในเครือข่ายตกลงกันเกี่ยวกับข้อมูลที่ถูกเพิ่มเข้าไปใน blockchain. กระบวนการนี้ช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ถูกบันทึกใน blockchain
Validation: เป็นการตรวจสอบข้อมูลในแต่ละ block และการเชื่อมโยงระหว่าง blocks เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลใน blockchain ยังคงถูกต้องและไม่ถูกเปลี่ยนแปลง
1.5 ประเภทของ Blockchain
4 ประเภท ได้แก่ Public Blockchain, Private Blockchain, Consortium Blockchain และ Hybrid Blockchain
Public Blockchain หรือ เครือข่ายบล็อกเชนแบบเปิดสาธารณะ เป็นบล็อกเชนที่เป็น open network ทุกคนสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมได้
private Blockchain หรือ เครือข่ายบล็อกเชนแบบปิด เป็นบล็อกเชนที่สามารถเข้าร่วมได้เฉพาะบุคคลที่ได้รับคำเชิญหรือได้รับการอนุญาตเท่านั้น
Consortium Blockchain เป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่เป็นการนำข้อดีของ Public Blockchain กับ Private Blockchain มารวมกัน
Hybrid Blockchain เป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่นำเอารูปแบบการทำงานของเครือข่ายบล็อกเชนแบบปิดและแบบสาธารณะเข้ามาใช้ร่วมกัน โดยสามารถตั้งค่าระบบแบบปิดเพื่อใช้สิทธิ์ในการได้รับการอนุญาต ควบคู่กับระบบแบบเปิดได้
1.6 รูปแบบของเครือข่าย Blockchain
รูปแบบของเครือข่ายบล็อกเชน (Blockchain) โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก คือ บล็อกเชนสาธารณะ (Public Blockchain), บล็อกเชนส่วนตัว (Private Blockchain), บล็อกเชนแบบรวม (Consortium Blockchain) และบล็อกเชนไฮบริด (Hybrid Blockchain)
บล็อกเชนสาธารณะ (Public Blockchain):
ลักษณะ: เป็นเครือข่ายแบบเปิดที่ใครๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาต
บล็อกเชนส่วนตัว (Private Blockchain):
ลักษณะ: เป็นเครือข่ายที่ควบคุมโดยองค์กรหรือหน่วยงานเดียว ซึ่งอาจอนุญาตให้ผู้ใช้บางรายเข้าร่วมได้
บล็อกเชนแบบรวม (Consortium Blockchain):
ลักษณะ: เป็นเครือข่ายที่ควบคุมโดยกลุ่มองค์กรหรือกลุ่มพันธมิตรที่ร่วมกันสร้างและจัดการ.
บล็อกเชนไฮบริด (Hybrid Blockchain):
ลักษณะ: เป็นการรวมคุณสมบัติของทั้งบล็อกเชนสาธารณะและส่วนตัวเข้าด้วยกัน โดยอาจมีทั้งส่วนที่เป็นสาธารณะและส่วนที่เป็นส่วนตัว.