Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ประเภทของวัสดุ, 1.1 โลหะประเภทเหล็ก (Ferous Metal) คือ โลหะที่มีพื้นฐานเป็…
ประเภทของวัสดุ
- อโลหะ (Non Metal) เป็นวัสดุที่มีสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้า (ยกเว้นแกรไฟต์) ฉนวนความร้อน มีอัตราการยืดตัวต่ำ ไม่สามารถตีแผ่เป็นแผ่นบางได้ ซึ่งปัจจุบันวัสดุประเภทอโลหะถูกนำมาใช้มากที่สุดและมีบทบาทในภาคอุตสาหกรรมการผลิต โดยอโลหสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
-
ยาง (Rubber)
เป็นวัสดุที่ได้จากการกรีดน้ำยางจากต้นยางพารา แล้วนำมาผ่านกระบวนการทำเป็นแผ่นยาง และสามารถนำมาแปรรูปใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย เนื่องจากยางเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่น กันน้ำได้ดี ไม่นำความร้อน และไม่นำไฟฟ้า
-
ไม้ (Wood)
เป็นวัสดุแข็งที่ได้จากลำตันของตันไม้ แล้วนำมาแปรรูปเป็นไม้อัดหรือไม้แผ่น เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เนื่องจากไม้เป็นวัสดุที่มีความแข็ง เนื้อไม้สามารถดูดซับเสียงได้ดี นำความร้อนต่ำทำให้ความร้อนจากภายนอกเข้ามาสู่ภายในอาคารได้ยาก เป็นฉนวนป้องกันไฟฟ้าได้ดี และสามารถแกะสลักเป็นลวดลายได้
-
1) วัสดุจากธรรมชาติ (Natural Materials) คือ วัสดุที่เกิดมาจากธรรมชาติ ที่ถูกนำมาใช้โดยอาจอยู่ในสภาพเดิมหรือต้องผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพ เช่น
-
-
พลาสติก (Plastic)
เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่สังเคราะห์ขึ้นใช้แทนวัสดุธรรมชาติบางชนิดเมื่อเย็นจะแข็งตัว เมื่อถูกความร้อนจะอ่อนตัว บางชนิดแข็งตัวถาวร ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- เทอร์มอพลาสติก (Thermoplastic) เป็นพลาสติกที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดในโลก เมื่อได้รับความร้อนจะอ่อนตัว และเมื่อเย็นลงจะแข็งตัว สามารถเปลี่ยนรูปได้ เช่น อะคริลิก ไนลอน พอลิเอทิลีนพอลิโพรพิลีน พอลิสไตรีน มีสมบัติพิเศษ คือ เมื่อหลอมเหลวแล้วสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ตัวอย่างการนำพลาสติกประเภทนี้ไปใช้งาน เช่น ขวดน้ำ ขวดน้ำยาสารเคมี ถุงพลาสติก ปากกาไม้บรรทัด
-
- เทอร์มอเซดติง (Thermosetting plastic) เป็นพลาสติกที่มีสมบัติพิเศษ คือ ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและทนปฏิกิริยาเคมีได้ดี เกิดคราบและรอยเปื้อนได้ยาก คงรูปหลังผ่านความร้อนหรือแรงดันเพียงครั้งเดียว เมื่อเย็นตัวลงจะแข็งมาก ไม่อ่อนตัวและเปลี่ยนรูปร่างมาได้ และไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ตัวอย่างการนำพลาสติกประเภทนี้ไปใช้งาน เช่น ถ้วยชามเมลามีน ที่จับกระทะ กันชนรถ
-
- โลหะ (Metal) เป็นวัสดุที่ได้จากการถลุงแร่ต่าง ๆ เช่น เหล็ก ดีบุก อะลูมิเนียม นิกเกิล โลหะเมื่อถลุงได้จากสินแรในตอนแวกนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นโลหะเนื้อค่อนข้างบริสุทธิ์ ซึ่งโลหะเหล่นี้จะมีเนื้ออ่อนไม่แข็งแรงเพียงพอที่จะนำมาใช้ในงานอุตสาหกรรมได้โดยตรง ต้องผ่านการปรับปรุงสมบัติก่อนการใช้งาน โดยโลหะมีสมบัติเป็นตัวนำไฟฟ้า ตัวนำความร้อน สามารถตีป็นแผ่นให้เป็นแผ่นบางได้ สภาพทั่วไปมีความแข็ง ผิวมันวาวและเหนียว จึงเป็นวัสดุที่ใช้งานด้านโครงสร้าง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1.1 โลหะประเภทเหล็ก (Ferous Metal) คือ โลหะที่มีพื้นฐานเป็นเหล็กประกอบอยู่ เช่น เหล็กกล้าเหล็กเหนียว เหล็กหล่อ เป็นวัสดุโลหะที่นิยมใช้ในงานโดรงสร้างและใช้กันมากที่สุดในวงการอุตสาหกรรม เช่นเครื่องจักร เครื่องทุ่นแรง เครื่องมือเดรื่องใช้ต่าง ๆ เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีดวามแข็งแรง สามารถปรับปรุงคุณภาพและเปลี่ยนแปลงรูปทรงได้หลายวิธี เช่น การหล่อ การตี การกลึง การอัดขึ้นรูป
1.2 โลหะนอกกลุ่มเหล็ก (Nonferrous Metal) คือ โลหะที่ไม่มีส่วนประกอบของเหล็กผสมอยู่ เช่น ดีบุกอะลูมิเนียม สังกะสี ตะกั่ว ทองแดง เงิน ทองคำขาว ทองเหลือง แมกนีเซียม โดยวัสดุประเภทนี้มีคุณสมบัติในด้านความทนทานต่อการกัดกร่อนของกรดและด่าง น้ำหนักเบา นำไฟฟ้า ยืดตัวได้ง่าย และมีความเหนียว บางชนิดมีราคาสูงกว่าเหล็กมาก จึงต้องมีการกำหนดในการใช้งานด้านอุตสาหกรรมที่เหมาะสม เช่น ทองแดงใช้กับงานไฟฟ้า ดีบุกใช้กับงานที่ทนต่อการกัดกร่อน อะลูมิเนียมใช้กับงานที่ต้องการให้มีน้ำหนักเบา
-
-
-
-
2) วัสดุสังเคราะห์ (Synthetic Materials) คือ วัสดุที่สร้างขึ้นใหม่จากการผสมกันของวัสดุหรือสารตั้งแต่2 ชนิดขึ้นไป ด้วยกระบวนการทางเดมีในห้องทดลอง เช่น หลอม กดขึ้นรูป อบด้วยดวามวัอน ซึ่งวัสดุที่สร้างขึ้นใหม่นี้จะมีคุณสมบัติที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลแน่นกว่าเดิม เช่น
-