Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
มะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer), ผู้ป่วยเพศหญิง อายุ 54 ปี - Coggle…
มะเร็งปากมดลูก
(Cervical Cancer)
อาการและอาการแสดง
เลือดออกกระปริดกระปรอย หรือการตกเลือดทางช่องคลอด
เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
ระยะเริ่มต้น
ไม่มีอาการผิดปกติ
ระยะลุกลาม (Advance disease)
ปวดท้องน้อย ปวดหลัง ร้าวไปก้นกบ หรือต้นขา, ปัสสาวะเป็นเลือด,
ถ่ายเป็นเลือด, มีอุจจาระหรือปัสสาวะออกมาทางช่องคลอด
ผู้ป่วยมีอาการปวดร้าวบริเวณช่วงท้องด้านล่างร้าวไปด้านหลัง และลงไปตันขา
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 1 ไม่สุขสบายเนื่องจากปวดท้องร้าวไปด้านหลังขณะได้รับยาเคมีบำบัด
ประเมินความเจ็บปวด โดยใช้แบบประเมินความเจ็บปวด (Pain scale)
ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะความดันโลหิต และชีพจร เพื่อประเมินความรุนแรงของอาการปวด
แนะนำให้ผู้ป่วยบรรเทาอาการปวดด้วยการทำ Deep breathing exercise หรือทำกิจกรรมที่ผู้ป่วยชอบ เพื่อบรรเทาอาการปวด
ดูแลให้ได้รับยาแก้ปวดกลุ่ม Opioid คือ Morphine 10 mg 1 เม็ด ทุก 8 ชั่วโมง ตามแผนการรักษา เพื่อบรรเทาอาการปวด
ปัจจัย
พันธุกรรม
ไม่มีประวัติพันธุกรรม
สตรีที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 17 ปี
มีสามีหรือคู่นอนหลายคน
สตรีที่มีบุตรมากกว่า 4 คนขึ้นไป
ผู้ป่วยมีสามีมาแล้ว 2 คน และมีลูกคนแรกตอนอายุ 20 ปี มีลูกชาย 2 คน
ผู้ป่วยไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
ติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์
การรับประทานยาคุมกำเนิดมานาน 5-10 ปี
ผู้ป่วยรับประทานยาคุมกำเนิดมาเป็นระยะเวลา 23 ปี ปี พ.ศ. 2540-2563
ติดเชื้อเริม
สตรีที่เคยได้รับฮอร์โมนดีอีเอส หรือไดเอทิลสติลเบสโทรล (DES or Diethylstilbestrol)
การแพร่กระจาย
การแพร่กระจายทางต่อมน้ำเหลือง
• ต่อมน้ำเหลืองกระดูกเชิงกรานขวา ขนาด 3x1.8 cm
• ต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้าซ้าย (Lt.supraclavicular LN metastasis) ซึ่งมีขนาด 10 cm
การแพร่กระจายผ่านทางกระแสเลือด
การลุกลามโดยตรง
การรักษา
การผ่าตัดแบบการตัดปากมดลูกเป็นรูปกรวยแบบกว้าง
การตัดมดลูกและปากมดลูกออก (Hysterectomy)
การผ่าตัดอวัยวะในอุ้งเชิงกรานแบบกว้าง (Pelvic Exenteration)
การบำบัดแบบรังสีรักษา (Radiotherapy)
การฉายรังสีภายนอก
การให้รังสีภายใน
ผู้ป่วยได้รับการฉายแสง โดยฉายแสง 25 ครั้ง
และตามด้วยการใส่แร่รังสีระยะใกล้ (HDR) 3 ครั้ง วันที่ 25 กรกฎาคม 2567
10 กุมภาพันธ์ 2568 ฉายแสง 10 แสง
เคมีบำบัดหรือยาเคมีบำบัด (Chemotherapy)
25 มิถุนายน 2567 รักษาด้วยเคมีบำบัด
รอบที่ 2 ครั้งที่ 1 22 มกราคม 2568
รอบที่ 2 ครั้งที่ 1 26 มีนาคม 2568
รอบที่ 2 ครั้งที่ 3 22 เมษายน 2568
Day 1 ผู้ป่วยได้รับ CISplatin 75 mg in NSS 250 IV drip in 2 hr.
Day 1-3 ผู้ป่วยได้รับ 5-Fluorouracil (5-FU) IV chemotherapy
ซึ่งอาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน กลืนลำบาก
ยา 5-Fluorouracil (5-FU) มีสูตรโครงสร้างคล้าย Uracil ออกฤทธิ์โดยตรงต่อวงจรชีวิตของเซลล์ที่ระยะ S เป็นระยะที่เซลล์สร้าง (synthesis) DNA เพิ่มขึ้นเท่าตัว เพื่อใช้ในการแบ่งเซลล์ ตัวยาเองไม่มีฤทธิ์เมื่อถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์แล้วจะถูกเปลี่ยนเป็นสารที่มีฤทธิ์โดยเอนไซม์ pyrimidine phosphoribosyl transferase จึงมีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์ RNA และ DNA ของเซลล์มะเร็ง
ผลข้างเคียง มีอาการคลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ปากเป็นแผล ลิ้นอักเสบ ผมร่วง เม็ดเลือดขาวต่ำ ผิวหนังมีสีเข้มขึ้น
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 2 ผู้ป่วยและญาติวิตกกังวลเนื่องจากพร่องความรู้เกี่ยวกับอาการข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนหลังจากได้รับยาเคมีบำบัด
สร้างสัมพันธภาพ โดยการแนะนำตัวและแจ้งวัตถุประสงค์ของการพูดคุยคุยอย่างจริงใจ เพื่อทำเพื่อทำความรู้จักและสร้างความไว้วางใจ
ให้ความรู้ คำแนะนำ แก่ผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับยาเคมีบำบัด เพื่อสร้างความเข้าใจและลดความวิตกกังวล
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยและญาติได้ระบายความรู้สึก โดยนักศึกษาพยาบาลเป็นผู้รับฟังที่ดี เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติระบายผ่อนคลายความรู้สึกลง
1 more item...
ยา CISplatin ยาจะไปทำปฏิกิริยากับ DNA (Deoxyribonucleic acid) และส่วนประกอบที่สำคัญอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของเซลล์ทำให้เกิดการจับคู่ผิดของโมเลกุลใน DNA คือ guanine จะจับคู่กับcytosine แทนที่จะเป็น thymine เป็นผลทำให้รหัสบนยีนผิดปกติ มีการทำลายโครงสร้างของ guanine
การวินิจฉัย
การตรวจภายใน หากพบก้อนผิดปกติที่ปากมดลูก แพทย์จะตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap smear)
การตรวจด้วยการส่องกล้องปากมดลูกร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
พบก้อนเนื้อที่ปีกมดลูกด้านขวา ขนาด 9.2x5.8x6.2 cm และมีก้อนเนื้อแข็งขนาดใหญ่ยื่นออกมาในบริเวณปีกมดลูกด้านขวา ไม่มีอาการปวด
• ต่อมน้ำเหลืองกระดูกเชิงกรานขวา ขนาด 3x1.8 cm
• ต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้าซ้าย (Lt.supraclavicular LN metastasis) ซึ่งมีขนาด 10 cm
ผลทางห้องปฏิบัติการ
CA-125 = 447.42 U/mL
การตรวจอื่น ๆ ได้แก่ การขูดภายในปากมดลูก การตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า การตัดปากมดลูกออกเป็นรูปกรวยด้วยมีด
การป้องกัน
ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV ด้วยการป้องกันขณะมีเพศสัมพันธ์ ใช้ถุงยางอนามัย ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ รวมทั้งไม่สูบบุหรี่
การฉีดวัคซีนป้องกัน ควรฉีดวัคซีนตั้งแต่วัยก่อนมีเพศสัมพันธ์ การฉีดวัคซีนให้ได้ผลป้องกันที่ดีที่สุด คือ ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัย 9-26 ปี วัคซีนจะออกฤทธิ์ป้องกันการติดเชื้อ HPV อย่างน้อย 5.5 ปี และมีประสิทธิผลทางการป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกประมาณ ร้อยละ 70
ดูแลสุขภาพ ตรวจสุขภาพร่างกายเป็นประจำ และตรวจปากมดลูก ด้วย Cervical Screening Test
ระยะของมะเร็งปากมดลูก
ระยะที่ 1เซลล์มะเร็งจะอยู่ภายในปากมดลูกเท่านั้น
• Stage 1A มะเร็งที่มองเห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์หรือโคลโปสโคป เท่านั้น
• Stage 1A1 มะเร็งมีความลึกน้อยกว่า 3 มม.
• Stage 1A2 มะเร็งมีความลึกระหว่าง 3 ถึง 5 มม.
• Stage 1B มะเร็งมีความลึกตั้งแต่ 5 มม. ขึ้นไป แต่ยังจำกัดอยู่ที่ปากมดลูก
• Stage 1B1 มะเร็งมีความกว้างไม่เกิน 2 ซม.
• Stage 1B2 มะเร็งมีความกว้างระหว่าง 2 ถึง 4 ซม.
• Stage 1B3 มะเร็งมีความกว้าง 4 ซม. หรือมากกว่า
ระยะที่ 2 มะเร็งแพร่กระจายไปยังส่วนบนของช่องคลอดหรือเนื้อเยื่อข้างปากมดลูก
• Stage 2A มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังส่วนบนของช่องคลอด
• Stage 2A1 มะเร็งมีขนาดไม่เกิน 4 ซม.
• Stage 2A2 มะเร็งมีขนาดใหญ่กว่า 4 ซม.
• Stage 2B มะเร็งแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อข้างปากมดลูก แต่ยังไม่ลุกลามถึงผนังอุ้งเชิงกราน
ระยะที่ 3 มะเร็งแพร่กระจายไปยังเศษหนึ่งส่วนสามของช่องคลอด หรือไปยังเนื้อเยื่อด้านข้างของบริเวณอุ้งเชิงกราน (เรียกว่าผนังอุ้งเชิงกราน) หรือไปยังต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียง
• Stage 3A มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังเศษหนึ่งส่วนสามของช่องคลอด
• Stage 3B มะเร็งแพร่กระจายไปที่ผนังอุ้งเชิงกราน และกดทับท่อที่นำปัสสาวะจากไตไปยังกระเพาะปัสสาวะ (ท่อไต) หากเนื้องอกไปกดทับท่อไต ปัสสาวะอาจสะสมในไต (ภาวะไตบวม)
• Stage 3C มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียง
• Stage 3C1 มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในกระดูกเชิงกราน
• Stage 3C2 มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง ข้างเส้นเลือดแดงใหญ่ เรียกว่าต่อมน้ำเหลืองพาราเอออร์ติก
ระยะที่ 4 มะเร็งแพร่กระจายไปยังกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้หรือเกินบริเวณอุ้งเชิงกราน
• Stage 4A มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังอวัยวะใกล้เคียง เช่น กระเพาะปัสสาวะและลำไส้
• Stage 4B มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะที่อยู่ไกลจากปากมดลูก เช่น ปอด ตับ หรือกระดูก
ผู้ป่วยอยู่ในระยะ 4B คือ มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะที่อยู่ไกลจากปากมดลูก คือ ปอด
ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยเมื่อต้องพูดหรือปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน
พยาธิสภาพ
เชื้อ Human papillomavirus (HPV) เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเนื้องอกที่ปากมดลูก
เชื้อ HPV ติดต่อผ่านการสัมผัสโดยตรง โดยส่วนใหญ่ผ่านทางเพศสัมพันธ์
เชื้อ HPV เข้าสู่เซลล์เยื่อบุผิวของปากมดลูก จะเข้าไปรวมกับ DNA ของเซลล์
เชื้อ HPV สายพันธ์ุที่มีความเสี่ยงสูงจะสร้างโปรตีน E6 และ E7 ซึ่งรบกวนการทำงานของโปรตีนควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ (tumor suspressor proteins) เช่น p53 และ Rb
การรบกวนการทำงานของโปรตีนเหล่านี้ทำให้เซลล์มีการแบ่งตัวผิดปกติและไม่สามารถควบคุมได้
การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ (Cervical Intrapithelial Neoplasia: CIN) การติดเชื้อ HPV เรื้อรังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุผิวปากมดลูก ซึ่งเรียกว่า CIN
CIN แบ่งเป็น 3 ระดับ : CIN 1, CIN 2 และ CIN 3 โดย CIN 3 เป็นระดับที่รุนแรงที่สุดและมีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งสูง หากไม่ได้รับการรักษา เซลล์ที่ผิดปกติจะพัฒนากลายเป็นมะเร็ง
เซลล์มะเร็งจะเจริญเติบโตและลุกลามไปยังเนื้อเยื่อรอบข้างและอวัยวะอื่น ๆ สามารถแพร่กระจายผ่านระบบน้ำเหลืองและกระแสเลือดไปยังอวัยวะอื่น เช่น ปอด ตับ กระดูก
1 more item...
ตรวจพบได้โดยการตรวจ pap smear
ผู้ป่วยเพศหญิง อายุ 54 ปี
อาการปัจจุบัน
ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตนเองได้เล็กน้อย มีอาการเหนื่อยเมื่อต้องพูดหรือขยับตัว ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอโต 3 ก้อนสีดำคล้ำ กดไม่เจ็บ On IV เป็น 5-Fluorouracil 1570 mg in NSS 1000 ml in 24 hr ไม่มี Phlebitis มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน กลืนลำบาก รับประทานอาหาร 1/2 ถาด บ่นปวดช่วงท้องด้านล่าง ร้าวไปด้านหลังและลงไปที่ต้นขา pain score 7/10