Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Acute Kidney Injury (AKI) & Chronic kidney disease (CKD),…
Acute Kidney Injury (AKI) & Chronic kidney disease (CKD)
โครงสร้างและลักษณะทางกายภาพของไต
ไตมีขนาดปกติประมาณ 10-12 cm. (ถ้าเล็กกว่า 9 cm.➞ไตเสื่อมมานาน)
ตั้งอยู่ในบริเวณ retroperitoneum ระหว่างกระดูกซี่โครงที่ 11 และ 12
การไหลเวียนของเลือดไตอยู่ที่ประมาณ
1200 ml/min
คิดเป็น
25%
ของ cardiac output
โครงสร้างภายในประกอบด้วย
cortex
medulla
pelvis
มี Nephrons จำนวน 1.25 ล้านหน่วยต่อไต
2 ประเภท
cortical
juxta-medullary
เชื่อมต่อกับอวัยวะอื่นๆ
ureters
urethra
bladder
หน้าที่ของไต
ควบคุมสมดุลของ Fluid, Electrolytes, Acid/base
ผ่านกระบวนการกรอง (filtration) ที่ Glomeruli และ Bowman capsules การดูดซึมกลับ (reabsorption), และการหลั่ง (secretion) ion ต่างๆ ที่ Renal tubules
ทําให้เกิดภาวะสมดุลของ กรด-ด่าง,น้ำ,อิเล็กโทรไลท์
(Na+, K+, Cl-, Ca2+, Mg2+, PO43-)
ขับของเสียจากการเผาผลาญ
ยา สารเคมี และสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย
ผ่านทางปัสสาวะ
ของเสียจากการเผาผลาญโปรตีน
Blood Urea Nitrogen (BUN)
Creatinine (Cr)
สร้างฮอร์โมน Erythropoietin
กระตุ้น Bone marrow ในการสร้างเม็ดเลือดแดง
สร้าง Renin
ควบคุมความดันโลหิต
ผ่านการเปลี่ยน angiotensinogen เป็น angiotensin I และ II และทำงานร่วมกับ aldosterone
เปลี่ยน Vitamin D เป็น active form
คือ
Calcitriol (1,25 Dihydroxy Vitamin D₃)
ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสเฟตในลำไส้
สร้าง Prostaglandins และ Kallikrein-kinin
ช่วยในการขยายหลอดเลือดในระหว่างกระบวนการอักเสบ
สร้าง Glucose ในภาวะอดอาหาร
ไตสามารถสร้าง glucose (gluconeogenesis) จาก amino acid
alanine
glutamate
สร้างฮอร์โมนที่ต้านฤทธิ์ของอินซูลิน
glucagon และ parathyroid hormone ในผู้ป่วยไตเสื่อม การขาดฮอร์โมนนี้ทำให้อินซูลินทำงานได้ดีขึ้น จึงใช้ขนาดยาอินซูลินน้อยลงหรือยาลดน้ำตาลชนิดรับประทานในปริมาณน้อยลง
การประเมินหน้าที่ของไต
ทำได้โดยการตรวจค่า
Blood Urea Nitrogen (BUN)
เปลี่ยนแปลงเร็วแต่ไม่ชี้วัดการทำงานของไตอย่างเฉพาะเจาะจงเทียบเท่า SCr เพราะค่า BUN อาจสูงขึ้นได้จากการรับประทานโปรตีนมากหรือภาวะขาดน้ำ
Glomerular Filtration Rate (GFR)
เป็นอัตราการกรองของหน่วยไต ซึ่งประเมินหน้าที่ของไตในหนึ่งนาที
Serum Creatinine (SCr)
เป็น
ตัวชี้วัดการทำงานของไตได้ดีกว่า BUN
โดยเฉพาะเมื่อค่า
SCr เพิ่มเป็นสองเท่า หมายถึง nephron ถูกทำลายไปราว 50%
หรืออัตราการกรองลดลงครึ่งหนึ่ง
Creatinine Clearance
วัดประสิทธิภาพในการขจัด Cr โดยคำนวณจากความเข้มข้นของ Cr ในปัสสาวะเทียบกับในเลือด
สูตร
Creatinine Clearance
= ([Urine Cr) x (Urine Flow Rate/SCr)] / (SCr)
Urine Flow Rate
= volume of urine in 24 hours / 24x60
Urine flow rate คือปริมาตรปัสสาวะที่ถูกขับออกมาต่อ 1 หน่วยเวลา (นาที) ที่คํานวณจากปริมาตร ปัสสาวะใน 24 ชม. (24 ชม. = 24 X 60 = 1,440 นาที)
สามารถประมาณค่า Creatinine Clearance
(ใกล้เคียงกับ GFR) ได้จาก เพศ อายุ น้ำหนัก และ SCr
male
Creatinine Clearance
= [[140-age) x weight(kg))] / (SCr) x72
ค่าปกติของ Creatinine Clearance
97-137 ml/min
Female
Creatinine Clearance
= [[140-age) x weight(kg))] x 0.85 / (SCr) x72
ค่าปกติของ Creatinine Clearance
88-128 ml/min
สาเหตุของภาวะไตบาดเจ็บเฉียบพลัน (AKI)
แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
Pre-renal Cause (มากกว่า 70-75% ของ AKI)
สาเหตุจากการที่เลือดไปเลี้ยงไตลดลง ทำให้การกรองลดลงและเกิดภาวะ Ischemia
เกิดจากปริมาณเลือดในหลอดเลือดลด
ผู้ป่วยเสียเลือด
สูญเสียน้ำจากแผลไฟไหม้
สาเหตุจาก cardiac output ลด
หลังหัวใจหยุดเต้น
หัวใจล้มเหลว
การไหลเวียนโลหิตล้มเหลว
ภาวะ shock
vasodilation
sepsis
Intrarenal (Intrinsic) Cause
เกิดจากเนื้อเยื่อไตได้รับความเสียหาย
การได้รับสารพิษที่ทำลายไต (nephrotoxins)
การติดเชื้อ
ภาวะอักเสบ
ตัวอย่างสาเหตุ
ยาที่เป็นพิษต่อไต
Aminoglycosides
Gentamicin
Kanamycin
Neomycin
NSAIDs, Acetaminophen, Metformin, Quinine, Captopril
Antibiotics/Anti-infectives
Ampho-B
Rifampin
Sulfonamides
Antineoplastic
Cisplatin
Cyclophosphamide
Methotrexate
โลหะหนัก
ตะกั่ว (Lead)
ปรอท (Mercuric chloride)
สารหนู (Arsenic)
ทองแดง (Copper sulfate)
Bismuth
สมุนไพร
มะเฟือง
ลูกเนียง
ชะเอมเทศ
สีสารทึบแสงใช้ในงานเอ็กซเรย์/ สารเภสัชรังสี สารเคมี ยาฆ่าแมลง
กลุ่มเสี่ยงรวมถึงผู้ที่มีภาวะ Autoimmune
Glomerulonephritis
SLE
ผู้ที่มีความผิดปกติในเส้นเลือดไต
ภาวะนี้อาจนำไปสู่การเกิด
Acute Tubular Necrosis (ATN)
Post-renal Cause
เกิดจากการที่น้ำปัสสาวะไหลไม่สะดวก เกิดการคั่งหรือย้อนกลับสู่ไต ทำให้ไตเสียหาย
สาเหตุ
การอุดตันในทางเดินปัสสาวะจากนิ่ว
เนื้องอก
ต่อมลูกหมากโต
การที่กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไม่ดี
ภาวะไตบาดเจ็บเฉียบพลันที่พบได้บ่อย คือ Acute tubular necrosis
มีระยะของ AKI 4 ระยะที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนการพยาบาล
Initial Phase (Onset)
ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มมีสาเหตุของโรคจนพบว่าปัสสาวะออกน้อย
(หลายชั่วโมง-หลายวัน) ตรวจพบระดับ BUN และ Cr สูงขึ้นเล็กน้อย
Oliguric Phase
ปัสสาวะออกน้อย (<400 cc/day) เกิดการคั่งของน้ำและอิเล็กโทรไลต์และNa คั่ง เพราะมีภาวะน้ําเกิน จึงพบภาวะ Dilutionalhyponatremia ค่า Plasma osmolarity สูงกว่า Urine osmolarity มาก
Diuretic Phase
ปัสสาวะออกมาก แต่ BUN และ Cr ลดลงช้า เพราะกลไกการดูดซึมกลับของ renal tubule ยังไม่ปกติ ระยะนี้ต้อง
ระวังภาวะขาดน้ํา (hypovolemia) และ อาจเป็นสาเหตุของ Prerenalazotemia ได้
Recover Phase (Convalescent)
ไตฟื้นตัว แต่ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าเดิม ต้องปรับการรับประทานอาหารกลุ่มโปรตีนสูงและลดเกลือเพื่อควบคุมความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด บางรายอาจฟื้นไม่เต็มที่และกลายเป็นโรคไตเรื้อรัง
อาหารโปรตีนสูง
ไข่ขาว
เนื้อปลา
Kidney Disorder
แบ่งเป็น 2 ชนิด
Chronic Kidney Disease (CKD) - โรคไตเรื้อรัง
ภาวะไตมีความผิดปกติของโครงสร้างหรือการทำงาน โดยอาจมีอัตราการกรองของไต (Glomerular filtration rate/ GFR) ลดลงหรือไม่ก็ได้
เป็นเวลานานกว่า 3 เดือน
หรืออัตราการกรองของไต
น้อยกว่า 60 มล./นาที/พื้นที่ผิวกาย 1.73 ตรม. นานกว่า 3 เดือน
โดยอาจมีความผิดปกติทางพยาธิสภาพของไตหรือไม่ก็ได้ ดังนั้นถ้ามีความผิดปกติเกี่ยวกับไตอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อเนื่องกันนาน
3 เดือน ถือว่าเป็นโรคไตเรื้อรัง
เสียหน้าที่อย่างช้าๆ (นานกว่า 3 เดือน) มักมีสาเหตุจากโรคเรื้อรัง หรือ หลังไตบาดเจ็บเฉียบพลัน
หน้าที่ของไตลดลงเรื่อยๆขนาดไตเล็กลง หากเสียหน้าที่มานาน
Acute Kidney Injury (AKI) - ภาวะไตบาดเจ็บเฉียบพลัน
เกณฑ์การวินิจฉัย Acute Kidney Disease ของ KDIGO Criteria
แบ่งระดับความรุนแรงของ AKI เป็น 3 ระยะ ตามการเปลี่ยนแปลงของค่า SCr และปริมาณปัสสาวะ
ระยะที่ 3
ปัสสาวะ <0.3 cc/kg/hr นานอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
SCr เพิ่มขึ้น ≥3 เท่าของค่าเริ่มต้น หรือ ≥4 mg/dl หรือผู้ป่วยต้องการบำบัดทดแทนไต
ระยะที่ 2
ปัสสาวะ <0.5 cc/kg/hr นานอย่างน้อย 12 ชั่วโมง
SCr เพิ่มขึ้น ≥2 ถึง <3 เท่าของค่าเริ่มต้น
ระยะที่ 1
ปัสสาวะ <0.5 cc/kg/hr นานอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
SCr เพิ่มขึ้น ≥1.5 เท่าของค่าเริ่มต้น หรือ ≥0.3 mg/dl ภายใน 48 ชั่วโมง
การวินิจฉัยโดย
RIFLE Criteria ของ Acute Dialysis Quality Initiative (ADQI)
แบ่ง AKI เป็น 5 ระยะ เพื่อการวินิจฉัยที่รวดเร็วและการดูแลที่เป็นมาตรฐาน
ระยะเวลาการเสียหน้าที่ของไตในการระบุผลลัพธ์ของโรค 2 ระดับ
End Stage Renal Disease (E) - ไตวายระยะสุดท้าย
การสูญเสียการทำงานของไตอย่างต่อเนื่องและต้องการการฟอกไตนานกว่า 3 เดือน
Loss (L) - การสูญเสียการทำงานของไตอย่างยาวนาน
การสูญเสียการทำงานของไตอย่างต่อเนื่องนานกว่า 4 สัปดาห์
ระดับความรุนแรงใน 3 ระยะแรก
Failure (F) - ระดับความล้มเหลว
Cr. เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากค่าเริ่มต้น หรือ Anuria (ไม่มีปัสสาวะ) นานกว่า 12 ชั่วโมง
GFR ลดลง > 75%
ปัสสาวะออก < 0.3 cc/kg/ชม. นานกว่า 6 ชั่วโมง
Injury (I) - ระดับการบาดเจ็บ
Cr. เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากค่าเริ่มต้น
GFR ลดลง > 50%
ปัสสาวะออก < 0.5 cc/kg/ชม. นานกว่า 12 ชั่วโมง
Risk (R) - ระดับความเสี่ยง
Cr. เพิ่มขึ้น 1.5 เท่าจากค่าเริ่มต้น
GFR ลดลง > 25%
ปัสสาวะออก < 0.5 cc/kg/ชม. นานกว่า 6 ชั่วโมง
ภาวะที่ไตเสียหน้าที่ไปอย่างเฉียบพลันในการขจัดของเสียรวมทั้ง การเสียความสามารถในการควบคุมน้ำ กรด-ด่าง และ อิเล็กโทรไลท์ ผลตามมาที่พบบ่อยคือ volume overload, metabolic acidosis, hyperkalemia, hypo-hypernatremia และการสะสม nitrogen waste products ต่างๆ
ไตมีโอกาสกลับมาทำหน้าที่ได้ดังเดิมหาก ได้รับการจัดการดูแลที่มีประสิทธิภาพและการตอบสนองของผู้ป่วยดี
เสียหน้าที่อย่างรวดเร็ว(ชม.-วัน) มีสาเหตุจาก 3 กลุ่ม คือ Pre-renal, intra- renal, Post-renal
ไตอาจกลับมาทำหน้าที่ได้เช่นเดิมและบางส่วนของผู้ป่วยกลายเป็น CKD
เมื่อไตทำหน้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ มีผลต่อร่างกายอย่างไร?
ควบคุมสมดุล Fluid
ภาวะน้ำเกิน (Fluid overload)
ควบคุมสมดุล Electrolytes
ภาวะอิเล็กโทรไลต์เกิน โดยเฉพาะ K, Mg, และ P สูง
ควบคุมสมดุล Acid/base
เกิดภาวะกรดในเลือดสูง (Metabolic acidosis)
ขับของเสีย
มีการคั่งของของเสีย โดยเฉพาะสารไนโตรเจน ทำให้เกิด Azotemia หรือ Uremia
สร้าง Erythropoietin
การสร้างเม็ดเลือดแดงลดลง ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง (Anemia)
เปลี่ยน Vitamin D ให้เป็นรูป Active
การดูดซึมแคลเซียมลดลง ส่งผลให้เกิด Osteodystrophy
หลั่ง Renin
เสียสมดุลการควบคุม Na และ K ส่งผลต่อความดันโลหิต
ภาวะของเสียคั่งในร่างกาย
เมื่อไตไม่สามารถขจัดของเสีย → ของเสียคั่ง
Azotemia
พบการคั่งของเสียไนโตรเจนในเลือด
Uremia
มีอาการจากการคั่งของเสีย
อ่อนเพลีย กล้ามเนื้อไม่มีแรง
เบื่ออาหาร ขมในปาก คลื่นไส้ อาเจียน
ง่วง ซึม หงุดหงิด สมาธิลด มือสั่น
คันตามผิวหนัง (pruritus)
เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดทำงานช้าลง
เยื่อหุ้มปอด (Pleuritis) และหัวใจอักเสบ (Pericarditis)
การแก้ไข
ควบคุมอาหาร โดยเฉพาะการจำกัดโปรตีน
การฟอกไต (Dialysis) เมื่อจำเป็น
การวินิจฉัย AKI
การซักประวัติและตรวจร่างกาย
ซักประวัติเกี่ยวกับโรคของระบบอื่น
เบาหวาน (DM)
ความดันโลหิตสูง (HT)
การติดเชื้อ
การสูญเสียน้ำหรือเลือด
การใช้ยา/สารเคมี
ตรวจร่างกายเพื่อประเมินภาวะน้ำในร่างกายและวัดสัญญาณชีพ
ประเมินอาการที่สัมพันธ์กับภาวะ acidosis
การหายใจแบบ Kuss-Maul’s
ซีด
เลือดออกง่าย
เบื่ออาหาร
อ่อนเพลีย
คลื่นไส้
สับสน
อาการทางระบบประสาทอื่นๆ
สูญเสียความทรงจำ
ชัก
ไม่รู้สึกตัว
การตรวจปัสสาวะ
Pre-renal AKI
ความถ่วงจำเพาะและ urine osmolality สูง + โซเดียมในปัสสาวะต่ำ เนื่องจาก
ไตพยายามเก็บน้ำและโซเดียม
Intra-renal AKI
ความถ่วงจำเพาะและ urine osmolality ไม่เพิ่ม + โซเดียมในปัสสาวะสูง เนื่องจาก nephron
เสียหน้าที่ในการทำให้ปัสสาวะเข้มข้นและดูดกลับโซเดียมไม่ได้
การตรวจเลือด
SCr และ BUN:
ค่า SCr และ BUN สูงขึ้นตามระยะของ AKI โดยค่า BUN:Cr สูงกว่า 20:1 ใน Pre-renal AKI และคงที่ใน Intra-renal AKI
Electrolyte imbalance:
ภาวะโปตัสเซียมสูง (hyperkalemia) ทำให้เกิดกล้ามเนื้อกระตุกและเสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น tall T-wave และ QRS duration ที่ยาวขึ้น
ระดับแคลเซียมและกรดยูริค:
ช่วยในการแยกสาเหตุและประเมินระยะของโรค
การตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม
การตรวจทางรังสีวินิจฉัย เพื่อค้นหาสาเหตุที่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงของ AKI
ในกรณีที่มี hyperkalemia ควรรีบตรวจ EKG 12 lead เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของไฟฟ้าหัวใจ
แนวทางการดูแลรักษา AKI
ค้นหา จัดการแก้ไขสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิด AKI เพื่อหยุดการเสียหน้าที่ของไต
pre-renal
intra-renal
post-renal cause
รักษาสมดุลน้ำและอิเล็กโทรไลต์
แก้ไขภาวะขาดน้ำ (hypovolemia)
ภาวะน้ำเกิน (fluid overload)
ภาวะโพแทสเซียมสูง (hyperkalemia)
ภาวะกรดเกิน (acidosis)
การรักษาสมดุลของแคลเซียม ฟอสเฟต แมกนีเซียม
ในภาวะไตทำงานผิดปกติ
serum phosphate↑ เนื่องจากขับ phosphate ออกทางปัสสาวะไม่ได้
serum Ca2+↓ เนื่องจาก Active vit D ลงลด การดูดซึม Ca2+ จากทางเดินอาหารลดลง
serum Mg 2+↑
มีการกระตุ้น parathyroid hormone↑ เพื่อลด serum phosphate และ ↑ Ca2+ โดยสลาย แคลเซียมจากกระดูก (กระดูกบางลง)
ผู้ป่วยไตทำงานผิดปกติ จะมีภาวะฟอสเฟตสูง
แมกนีเซียมสูง แคลเซียมต่ำ
ประคับประคองการทำงานของไต
ป้องกันภาวะแทรกซ้อน (Oxygen, ventilation support) หยุดหรือหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่เป็นพิษต่อไต
ขจัดและป้องกันการสะสมของเสีย
พิจารณาการฟอกไต (Dialysis) เพื่อแก้ไขความผิดปกติในระยะที่ AKI มีความรุนแรง
ความผิดปกติที่อาจพบในผู้ป่วย AKI
ภาวะน้ำเกิน
อาการและอาการแสดง: บวม น้ำหนักเพิ่ม (> 1 kg/day), Intake > Output, ปัสสาวะออกน้อยลง, Urine specific gravity สูงขึ้น
การจัดการ/แก้ไข
Body weight
I/O ละเอียด รอบคอบ
จำกัดน้ำและโซเดียม (oral fluid 1,000 cc/day)
ให้ O2
ให้ Diuretic ตามแผนและติดตามผลของยา
ติดตามผลตรวจ Urine specific gravity
ติดตามประเมินบวม (รอบท้อง ขา) ยกบริเวณที่บวมสูงขึ้น เพื่อเพิ่ม venous return
อาการและอาการแสดง: หายใจตื้น หอบเหนื่อย
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามประเมินเสียงปอด, Vital signs
อาการและอาการแสดง: Pulmonary
congestion (X-ray)
crepitation, CHF
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามประเมินเสียงปอด, Vital signs
ติดตามผล chest X-ray
อาการและอาการแสดง: Hct, Hb, ต่ำ ขาดสมดุล BUN, Electrolyte
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามผล CBC, BUN, Electrolyte
อาการและอาการแสดง: Hypertension, pulse เบาเร็ว, CVP, JVP สูง
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามประเมิน Vital signs, CVP,JVP, ชีพจรส่วนปลาย
อาการและอาการแสดง: ซึม สับสน กระสับกระส่าย กังวล
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามประเมินระดับความรู้สึกตัว จัดสิ่งแวดล้อมสงบปลอดภัย
เสียสมดุล อิเล็กโทรไลท์
K↑
อาการและอาการแสดง: หัวใจเต้นผิดจังหวะ,Cardiac output ↓,Heart block, EKG มี peaked T waves (K>6), K >7.5 หัวใจหยุดเต้น
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามประเมินระดับ K
ติดตามประเมินการเต้นของหัวใจ EKG 12 leads
ฉีด Insulin + glucose iv
รับประทาน Kalimate สวน Kalimate, Ca.gluconate iv ช้าๆ
ลด K intake (งด มะเฟือง ทุเรียน กล้วย ส้ม มะขาม มะละกอ ฝรั่ง ปลาทู ขนุน มะเขือเทศ มะม่วง แคนตาลูป ลูเกด)
หลีกเลี่ยงการให้ยาที่ไม่ขับ K (Aldactone)
การฟอกไต (dialysis)
อาการและอาการแสดง: กล้ามเนื้ออ่อนแรง ความรู้สึก/ปฏิกิริยา
ตอบสนองลดลง ตะคริวที่ท้อง Reflex ลดลง
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามประเมิน motor power
ช่วยเหลือกิจกรรม ป้องกันอุบัติเหตุ
อาการและอาการแสดง: เจ็บแปลบตามตัว
การจัดการ/แก้ไข
สังเกตอาการ
Mg↑
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามระดับ Mg, Phosphate, Electrolyte ที่เกี่ยวข้อง (Ca, Phosphate), acidosis
หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกถั่ว มะม่วงหิมพานต์ อัลมอนด์ หรือ ยาที่มีส่วนประกอบของแมกนีเซียม เช่น Milk of Magnesium (MOM)
ให้ 10% Ca gluconate IV
การฟอกไต (dialysis)
อาการและอาการแสดง: หายใจช้าหรือหยุดหายใจ
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามประเมินการหายใจ จัดท่าให้หายใจสะดวก
อาการและอาการแสดง: อ่อนเพลีย ง่วงซึม หมดสติ
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามระบบประสาท ระดับความรู้สึกตัว
อาการและอาการแสดง: หัวใจเต้นเบา และ ช้า BP ต่ำ หน้าแดง
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามประเมิน vital signs อาจให้ Neostigmine เพื่อเพิ่ม nerve conduction
อาการและอาการแสดง: Reflex ลดลง กล้ามเนื้ออ่อนแรง
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามระบบประสาท ระดับความรู้สึกตัว
Phosphate↑
อาการและอาการแสดง: มีแคลเซี่ยมเกาะตามอวัยวะต่างๆ, Secondary
hyperparathyroidism, osteodystrophy
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามประเมินระดับ Phosphate, Electrolyte ที่เกี่ยวข้อง (Ca, Mg), acidosis
ให้ยาขับปัสสาวะหรือยาช่วยจับ Phosphate( Phosphate binder: CaCO3, Alumin) ให้ Ca และ vitamin D ช่วยจับ Phosphate
อาการและอาการแสดง: ไม่สุขสบายในท้อง (ท้องอืด ท้องผูก)
การจัดการ/แก้ไข
ดูแลความไม่สุขสบายของระบบทางเดินอาหารหลีกเลี่ยงอาหารที่มี Phosphateสูง
(ผลิตภัณฑ์จากนม เมล็ดพืชเปลือกแข็ง ถั่วลิสง เม็ดทานตะวัน ธัญพืช เครื่องใน ไข่แดง)
อาการและอาการแสดง: ชัก
การจัดการ/แก้ไข
ประเมินและป้องกันอาการชัก ให้ยากันชัก
Calcium↓
อาการและอาการแสดง: กระตุก กล้ามเนื้อบิดตัว ตะคริว (ท้องเกร็ง) ชัก
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามประเมินระดับ calcium ที่ลดลง, Electrolyteที่ เกี่ยวข้อง (Phosphate, Mg), alkalosis
ให้เกลือแคลเซี่ยม CaCO3, CaCl, Ca gluconate
ให้สารน้ำหลอดเลือดดำ
ยาขับปัสสาวะ
อาหารที่มีแคลเซี่ยมสูง เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนม (งาดำ มีแคลเซียมสูงกว่าถึง 6 เท่า) ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง กะปิ ปลากระป๋อง
ให้วิตามิน D เพื่อป้องกัน calcium สลายออกจากกระดูก
แก้ไขภาวะ hypomagnesemia
อาการและอาการแสดง: บุคลิกภาพเปลี่ยน หงุดหงิด ซึมเศร้า
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามประเมิน ให้การช่วยเหลือ ป้องกันการบาดเจ็บและอุบัติเหตุ
อาการและอาการแสดง: หัวใจบีบตัวลดลง BP ต่ำ
ติดตามประเมิน บันทึก ให้การช่วยเหลือ
ภาวะกรดเกิน/ เลือดเป็นกรด (metabolic acidosis)
อาการและอาการแสดง
pH <7.35 bicarbonate < 22 mmol/l
หายใจหอบ ลึก (Kussmual‘s breathing)
เจ็บหน้าอก ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ
Cardiac output ลดลง
ปวดศีรษะ ซึม ชัก
เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
การจัดการ/แก้ไข
ติดตามประเมิน การหายใจ การเต้นหัวใจ
ระดับความรู้สึกตัว vital signs ผล ABG
จัดท่า ดูแลความสุขสบาย
ดูแลความสะอาดช่องปากและฟัน
จัดการเรื่องชนิด/มื้อของอาหาร สิ่งแวดล้อม
ให้
NaHCO3
ตามแผนการรักษา
การรักษา AKI
Renal Replacement Therapy (RRT)
การบำบัดด้วยการทดแทนหน้าที่ไตมี 3 วิธี
เป็นการรักษาภาวะไตสูญเสียหน้าที่ โดยการทดแทนหน้าที่ของไต
(อวัยวะต่างๆ อาจเป็นอันตราย และล้มเหลวหากไม่มีการทดแทนหน้าที่ไต)
Dialysis
Peritoneal Dialysis
(PD / การล้างไตทางหน้าท้อง)เป็นกำรขจัดของเสียผ่านทางหน้าท้อง
Acute peritoneal dialysis (APD):
การล้างไตทางหน้าท้องชั่วคราว 72 ชม. สำหรับ AKI
Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis (CAPD):
การล้างไตทางหน้าท้องอย่างต่อเนื่องสำหรับ CKD
Membrane:
ใช้ Peritoneal membrane
ข้อห้าม:
Hx. ผ่าตัด/มีความผิดปกติในช่องท้อง มี ostomy แผลเรื้อรังหน้าท้อง
เวลาที่ใช้:
CAPD 4-5 cycles/day
Access:
Peritoneal Catheter (ชื่อการค้า Tenckhoff catheter)
ภาวะแทรกซ้อน
Peritonitis
Hyperglycemia
Protein loss
Catheter occlusion
ปฏิบัติการ:
ทำโดย pt เองหรือญาติที่ได้รับการฝึก
เครื่องมือ/อุปกรณ์:
อุปกรณ์ไม่ซับซ้อนมากนัก สามารถทำเองได้ทั้งที่บ้านหรือที่ทำงาน
เป็นการถ่ายเทน้ำ/ อิเล็กโทรไลท์/ ของเสีย/ สารพิษ จากPlasma โดย การให้ซึมผ่าน membrane มาผสมกับ Dialysate fluid (น้ำยาล้างไต) และขจัดออกจากร่างกายโดย การระบาย Dialysate fluid ทิ้ง
ข้อบ่งชี้
Volume overload:
ไม่ตอบสนองต่อการใช้ยาขับปัสสาวะ มีภาวะ Pulmonary congestion, Heart Failure, hypertension ที่ควบคุมไม่ได้
Uremia
: สับสน, ซึมลง, กล้ามเนื้อสั่น/ กระตุก, คลื่นไส้/อาเจียนรุนแรง
Severe hyperkalemia:
Dysrhythmia
Severe acidosis:
Kussmual’s respiration, Dyspnea
Severe hyperphosphatemia
GI bleeding:
Prolong coaglulogram
Pericarditis:
Fever, Chest pain
Hemodialysis
(HD/ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม) เป็นกำรขจัดของเสียโดยการนำเลือดผ่านชุดตัวกรองและเครื่องไตเทียม
Membrane:
ใช้ Artificial membrane (Dialyzer)
ข้อห้าม:
มีความผิดปกติ หัวใจ/หลอดเลือด หรือปัญหาการไหลเวียนโลหิต
เวลาที่ใช้:
ครั้งละประมาณ 3-4 ชม. 2-3 ครั้ง/สัปดาห์
Access:
Double lumen/ AVG/ AVF
ภาวะแทรกซ้อน
Hypotension
Emboli
Blood loss
Over heparinization
Bleeding
Disequilibrium syndrome พบน้อยกว่า HD
ปัญหาการติดเชื้อ (Peritonitis)
มีข้อจำกัดในการรับประทานอาหารน้อยกว่า HD
มีการสูญเสียโปรตีน ทางน้ำยาล้างไต สูงกว่า HD
หากใช้น้ำยา dialysis fluid ที่มีความเข้นข้น glucose สูง จะเกิด hyperglycemia ได้
ปฏิบัติการ:
ทำโดยจนท.ที่ต้องได้รับการฝึกอบรม
เครื่องมือ/อุปกรณ์:
ใช้เครื่อง HD และต้องทำใน HD Unit
ภาวะแทรกซ้อน
ปัญหาการติดเชื้อและการอุดตันของเส้นเลือด catheter-related bloodstream infections (CRBSIS)
Dialysis Disequilibrium Syndrome (DDS)
เกิดจากมีการขจัดยูเรียออกจาก ร่างกายหรือเกิดจากการแก้ไขภาวะความเป็น กรดด่างเร็วเกินไป (การเปลี่ยนแปลงของ osmolarity และระดับสารเคมี ระหว่าง พลาสมา และ เซลล์สมอง)
กระสับกระส่าย ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ตามัว กล้ามเนื้อกระตุก สับสน ถ้ารุนแรงมากอาจชักหรือหมดสติได้ อาจ และอาจ พบอาการเจ็บแน่นหน้าอก หรือการเต้นของหัวใจผิดปกติขณะฟอกเลือด
ปัญหา Cardiovascular Disease สูง
Kidney Transplantation (KT/ การปลูกถ่ายไต)
KT สำหรับ โรคไตเรื้อรัง (CKD) เท่านั้น
Vascular Access
(เส้นนำเลือด/ หลอดเลือดเพื่อฟอกเลือด)
ชั่วคราว:
Central vein catheter (double-lumen catheter ใช้วัสดุแตกต่างจากชนิดถาวร)
ถาวร:
Tunneled Cuffed catheter (TCC), A-V fistula (AVF), A-V Graft (AVG)
การดูแลผู้ป่วยที่ใส่ AV-Fistula & Graft
No BP measure on same arm as fistula & graft
Protect arm from injury
No IV on same arm as fistula & graft
A thrill will be felt – this is normal
สำหรับการแทง double-lumen Catheter นิยมใช้ตำแหน่ง Right internal jugular vein, Subclavial vein และ femoral vein
เส้นเลือดสำหรับการฟอกเลือด มี 3 ชนิด คือ
arteriovenous fistula, AVF(การผ่าตัดต่อเส้นเลือดแดงกับเส้นเลือดดำ)
มักทำการผ่าตัดบริเวณแขนของผู้ป่วย (เป็นเส้นเลือดจริง) การผ่าตัดแบบนี้ เหมาะสมสำหรับการฟอกเลือดที่สุด เพราะว่าโอกาสการติดเชื้อ และเส้นเลือดอุด ตันน้อย แต่มีข้อเสียคือต้องใช้เวลาระยะหนึ่งหลังผ่าตัด (12 wks) จึงจะใช้งาน ได้
arteriovenous graft, AVG (การผ่าตัดต่อเส้นเลือดเทียม)
การผ่าตัดใช้เส้นเลือดเทียมเชื่อมต่อระหว่างเส้นเลือดแดงกับเส้นเลือดดำบริเวณแขน ข้อดีของการผ่าตัดแบบนี้คือสามารถใช้เส้นเลือดหลังผ่าตัดได้เร็ว แต่มีข้อเสียคือ ปัญหาการติดเชื้อ และเส้นเลือดอุดตันได้สูงกว่าการผ่าตัดต่อเส้นเลือดจริง
PERM/ Permanent Catheter / double lumens = Vein (int jugular/ subclavian / femoral vein)
การปฏิบัติตัวในการดูแลเส้นเลือดที่ใช้ในการฟอกเลือด
ยกแขนข้างที่ทำผ่าตัดให้สูงกว่าระดับหัวใจเพื่อป้องกันและลดการบวมของมือและแขนข้างนั้นไม่ควรยกของ หนัก หลีดเลี่ยงเสื้อที่รัดแขน นาฬิกาหรือสร้อยข้อมือที่รัดแขน หรือนอนหลับทับแขนข้างนั้น
ห้ามฉีดยาหรือแทงเส้นเลือด เพื่อให้น้ำเกลือเจาะเลือด หรือวัดความดันโลหิตแขนข้างที่ทำผ่าตัด เส้นเลือด ไว้ เพราะจะทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดได้
ดูเรื่องภาวะเลือดออกที่แผล และหมั้นคลำเสียงการสั่นของเส้นเลือด นอกจากนี้ต้องระวังไม่ให้เกิดภาวะปริมาณสารน้ำในร่างกาย ต่ำ (Hypovolemia) เพราะจะทำให้เกิดภาวะอุดตันของรอยตัดต่อเส้นเลือดได้
หลังการผ่าตัด 2-3 วัน ให้ผู้ป่วยเริ่มทำการออกกำลังแขนเพื่อช่วยให้เส้นเลือดโตเร็วขึ้นโดยให้ผู้ป่วยใช้มือข้าง นั้นบีบลูกบอลยางในมือ บีบค้างไว้ นับ 1-10 เป็นระยะๆ
หลีกเลี่ยงความร้อนจัดหรือเย็นจัด
ถ้าแขนบวมแดงร้อน หรือมีอาการปวดผิดปกติให้พบแพทย์เป็นการด่วน
ตัดไหมแผลหลังผ่าตัด 10-14 วัน
ทำความสะอาดแขน โดยฟอกสบู่วันละครั้งและทาน้ำยารักษาไม่ให้ผิวหนังแตกหรือแห้งหลังจากตัดไหมดแล้ว
ข้อห้ามการทำ CAPD
ข้อห้ามสัมพัทธ์
มีสิ่งแปลกปลอมในช่องท้องมาก่อน เช่น ใส่เส้นเลือดเทียม
มีไส้เลื่อนที่ยังไม่แก้ไข หรือมีช่องทางติดต่อระหว่างช่องท้องกับอวัยวะภายนอก
อ้วนมาก (BMI > 35 กก./ตร.ม)
มี Recurrent diverticulitis หรือการอักเสบของลำไส้บ่อยๆ
มีการผ่าตัดนำกระเพาะหรือลำไส้ออกทางหน้าท้อง
ไม่มีผู้ดูแลในการทำ CAPD ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถดำเนินการ รักษาได้ด้วยตนเอง
ข้อห้ามสมบูรณ์
มีรอยโรคบริเวณผิวหนังหน้าท้องที่ไม่สามารถวางสายได้
มีพังผืดภายในช่องท้องมาก
มีสภาพจิตบกพร่องอย่างรุนแรง ซึ่งอาจกระทบต่อการรักษาด้วยวิธี CAPD
การจำแนกภาวะไตผิดปกติ
มีลักษณะตามข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้
ตรวจพบความผิดปกติดังต่อไปนี้อย่างน้อย 2 ครั้งในระยะเวลา 3 เดือน
ตรวจพบอัลบูมินในปัสสาวะ (albuminuria)
ตรวจพบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ (hematuria)
มีความผิดปกติของเกลือแร่ (electrolyte) ที่เกิดจากท่อไตผิดปกติ
ตรวจพบความผิดปกติทางรังสีวิทยา
ตรวจพบความผิดปกติทางโครงสร้างหรือพยาธิสภาพ
มีประวัติการได้รับผ่าตัดปลูกถ่ายไต
ระยะของโรคไตเรื้อรังและแนวทางการดูแล
ระยะที่1(G1)
eGFR≥90%
คำนิยาม: ปกติหรือสูง
Clinical Action Plan
วินิจฉัยและรักษาสาเหตุ
รักษาโรคร่วม
ประเมินปัจจัยเสี่ยงของ CKD
การประเมินเพื่อชะลอความเสื่อมไต
การประเมินเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของ CVD
ระยะที่ 2 (G2)
eGFR60-89%
คำนิยาม: ลดลงเล็กน้อย
Clinical Action Plan
การประเมินความก้าวหน้าโรค
ระยะที่ 3a (G3a)
eGFR45-59%
คำนิยาม: ลดลงเล็กน้อย-ปานกลาง
Clinical Action Plan
ปรับยาตามความเหมาะสม
ระยะที่ 3b (G3b)
eGFR30-44%
คำนิยาม: ลดลงปานกลาง-มาก
Clinical Action Plan
การประเมินและรักษาภาวะแทรกซ้อน
ระยะที่ 4 (G4)
eGFR15-29%
คำนิยาม: ลดลงมาก
Clinical Action Plan
การเตรียมส าหรับ RRT
ระยะที่ 5 (G5)
eGFR15%
คำนิยาม: โรคไตระยะสุดท้าย
Clinical Action Plan
การเตรียมสำหรับ RRT
กลุ่มเสี่ยง CKD
อายุมากกว่า 60
มีความดันโลหิตสูง
มีโรคหลอดเลือด
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
มีโรคเกี่ยวกับไตอยู่เดิม
สมาชิกในครอบครัวเป็นโรคไต
ติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะซ้ำหลายครั้ง
รับประทานยาบางชนิด หรือสัมผัสสารเคมีบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน
สัญญาณโรคไต
แบบแผนปัสสาวะเปลี่ยนแปลง
เหนื่อย เพลีย อ่อนล้า ซีด ผิวแห้งคัน
เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
มือ เท้า มีอาการชา หนัก หรือบวม ตะคริว
ง่วง ซึม เพลีย ความจำหรือสมาธิลดลง
complications
fluid and electrolyte imbalances
Cardiovascular: CHF, MI, arrhythmias, pericarditis
Pulmonary: Hypoxia ,congestion
GI: nausea, vomiting, and anorexia
Infection
Neurologic :lethargy, somnolence, reversed sleep-wake cycle, and cognitive or memory
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
CBC : ซีด
ปัสสาวะ : proteinuria
BUN, SCr
eGFR
creatinin clearance
ชาย 97-137 c.c./ min
หญิง 88-128 c.c./ min
Electrolyte
Acidosis
Calciumในเลือดจะต่ำ
Phosphate ในเลือดสูง
ขนาดไตโดยอาจจะใช้ ultrasound หรือ CT KUB
แนวทางการรักษา CKD
การควบคุมความดันโลหิต ควรน้อยกว่า 130/80 mmHg
จำเป็นต้องใช้ยาอย่างน้อย 2 ชนิดร่วมกันโดยเฉพาะ กลุ่ม ACEIs หรือ Angiotensin receptor blockers (ARBs) ร่วมกับยาลดความดันกลุ่มอื่นหรือยาขับปัสสาวะ
(ACEI อาจทำมีภาวะ hyperkalemia จึงมีข้อจำกัดสำหรับ CKD)
การควบคุมสมดุลน้ำ
ป้องการเกิดภาวะขาดน้ำในผู้ป่วยระยะ G1-G3 และในผู้สูงอายุ ป้องกันภาวะน้ำเกินในระยะ G4-G5 ให้สารน้ำทดแทน อย่างระมัดระวัง และประเมินภาวะหัวใจล้มเหลว
การควบคุมสมดุลอิเล็คโทรไลท์
ที่สำคัญคือ hyperkalemia หากมีภาวะ hyperphosphatemia ร่วมกับ hypocalcemia รักษาโดย CaCO3 หรือ Calcium acitrate ซึ่งเป็น phosphate binder
ควบคุมสมดุลกรด โดยการให้ Sodamint (NaHCO3)
การควบคุมอาหาร รับอาหารที่มีพลังงานอย่างเพียงพอ
อายุ< 60 ปี ควรได้พลังงาน 35 Kcal/Kg/วัน
อายุ ≥ 60 ปี ควรได้พลังงาน 30-35 Kcal/Kg/วัน เพื่อป้องกันการสลายตัวของกล้ามเนื้อ และภาวะของเสียคั่งมากขึ้น
ผู้ป่วยในระยะ G4-5 ควรได้อาหารโปรตีนคุณภาพสูงปริมาณต่ำ 0.8 gm/kg/day
การเฝ้าระวังปัญหาจาก drug metabolism เนื่องจากไตขับออกได้ลดลง
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อชะลอความเสื่อมของไต
การรับประทานอาหาร
การงดสูบบุหรี่
การงดดื่มสุรา
ลดน้ำหนัก
ออกกำลังกาย
ในระยะ G4 ควรได้รับคำแนะนำถึงทางเลือก วิธีการรักษา รวมทั้งข้อดี ข้อเสียของการบำบัดทดแทนไตแต่ละชนิด
ผู้ที่ต้องรับการทำ HD จะต้องได้รับการเตรียมเส้นเลือด (vascular access) สำหรับการฟอกเลือดอย่างน้อย 4 เดือน โดยควรเลือก arteriovenous fistular (AVF) เป็นอันดับแรก
ผู้ที่รับการทำ PD ควรใส่สาย Peritoneal Catheter ทางหน้าท้องเตรียมไว้ก่อนเริ่ม dialysis และฝึกทำจนชำนาญ
CKD stage 5 ที่เริ่ม RRT = ESRD (End stage Renal Disease)
การรักษา 3 วิธี
HD (Hemodialysis)
ทำ 2 หรือ 3 ครั้ง /สัปดาห์ (ใช้เวลา 4-5 ชม/ครั้ง)
PD (Peritoneal Dialysis) หรือ CAPD (Continuous Ambulatory
Peritoneal Dialysis) ส่วนใหญ่ทำ 4-5 รอบต่อวัน น้ำยาจะค้างอยู่ในช่องท้องนานราวๆ 5-6 ชม./ รอบ
KT (Kidney Transplantation)
เป้าหมายของการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
ตรวจคัดกรองและส่งปรึกษาอายุรแพทย์โรคไตได้อย่างเหมาะสม
ชะลอการเสื่อมของไต
ประเมินและรักษาภาวะแทรกซ้อนของโรคไตเรื้อรัง
ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
เตรียมผู้ป่วยเพื่อการบำบัดทดแทนไต
เป้าหมายของการพยาบาล
แก้ไขภาวะไม่สมดุลต่างๆ
ช่วยถนอมประสิทธิภาพของไต
ค้นหาและป้องกันการติดเชื้อ ค้นหาภาวะเลือดออก
ดูแลประคับประคองจิตใจ
ช่วยพัฒนาความสามารถในการดูแลตนเอง
ประเมินเป็น รู้จักเฝ้าระวัง ร่วมมือกับแผนการรักษา
ดูแลจัดการให้สุขสบาย ให้ความรู้/คำแนะนำ/กำลังใจ
Nursing Diagnosis ที่พบได้
ภาวะน้ำเกิน, ภาวะขาดน้ำ
ไตได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ (renal blood flow ลดลง)
ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
เนื้อเยื่อได้รับอันตรายจากภาวะ Uremia
ทนต่อกิจกรรมได้ลดลง
ติดเชื้อ หรือมีโอกาสติดเชื้อ
การดูแลตนเองบกพร่อง
ไม่สามารถจัดการ (ร่วมมือ) กับแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบประสาท/การรับรู้/ความรู้สึก/การรับความรู้สึกเปลี่ยนแปลง
ผิวหนังเสียคุณสมบัติ/ เสียความยืดหยุ่น/ บวม
กลัว กังวล เศร้า ปรับตัวได้ไม่เหมาะสม
คุณค่าในตัวเองลด ภาพลักษณ์เปลี่ยนแปลง
ข้อมูลเกี่ยวกับโรคไตเรื้อรัง
การตรวจรักษาตั้งแต่เริ่มจะช่วยชะลอการเสื่อมของไต
สาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญคือโรคหัวใจ (CVD)
Glomerular filtration rate (GFR) เป็นตัวชี้วัดการทำงานของไต
HT ทำให้เกิดโรคไต ในขณะเดียวโรคไตเรื้อรังก็ทำให้เกิด HT
การตรวจพบไข่ขาวในปัสสาวะแสดงว่าเริ่มเป็นโรคไตแล้ว
กลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้สูงอายุ, HT, DM, ครอบครัวเป็นโรคไต
ตรวจหาโรคไต: BP, Proteinuria การตรวจเจาะเลือด
ข้อบ่งชี้ในการเปลี่ยน CAPD เป็น HD
น้ำยารั่วออกจากช่องท้อง เป็นประจำ
เยื่อบุช่องท้องเป็นพังผืด
ซึมเศร้ารุนแรง
การผ่าตัดวางสาย peritoneal Cath ไม่สำเร็จ
เกิด peritonitis และต้องเอาสายออก เกิน 2 ครั้ง
มีรอยโรคของผิวหนัง/ การอักเสบ
อาหารสำหรับผู้ป่วย CKD
ใช้โปรตีนจากไข่ขาวและเนื้อปลาเป็นหลัก
จำกัดอาหารที่มีปริมาณโปแตสเซียมสูง คือ ผักใบ เขียว และผลไม้ ได้แก่ มะเฟือง มันฝรั่ง ฟักทอง มะเขือเทศ กล้วย ส้ม ลูกพรุน ลูกเกด ฝรั่ง
จำกัดน้ำดื่ม เนื่องจากการดื่มน้ำมากจะทำให้เกิดภาวะน้ำเกินในร่างกาย เกิดอาการบวม และความดันโลหิตสูง และเกิดปัญหาได้บ่อยขณะทำการฟอกเลือดคือ การเกิดตะคริว และความดันโลหิตต่ำ
หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม เนื่องจากความเค็ม หรือโซเดียมจะกระตุ้นให้ผู้ป่วยหิวน้ำบ่อยจะ เกิดภาวะน้ำเกินภายในร่างกาย อาการบวม และความดันโลหิตสูงตามมา
จำกัดอาหารที่มีปริมาณฟอสเฟตสูง ได้แก่ นม เนย ถั่ว ขนมปัง น้ำอัดลมสีเข้ม อาหารทีผ่านกระบวนการ เช่น อาหารแช่แข็ง ไส้กรอก
ปริมาณน้ำดื่มแต่ละวัน = ปริมาณปัสสาวะของเมื่อวาน + 500 มิลลิลิตร
การคำนวณปริมาณ fluid intake ในแต่ละวัน
ผู้ป่วย CAPD
ปริมาณปัสสาวะของเมื่อวาน + ปริมาณน้ำที่ดึงออกจาก CAPD เมื่อวาน+Insensible loss (500 ml)
ผู้ป่วย HD
ปริมาณปัสสาวะของเมื่อวาน + Insensible loss (500 ml)
การเพิ่มของน้ำหนักตัวไม่ควรเกิน 1 กก / วัน
นางสาวสุพิชฌาย์ ประทายนอก กลุ่มB รหัส6511175 :<3: