Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสรีรวิทยาระบบต่างๆ ตามทฤษฎี ในทารกแรกเกิด - Coggle…
การเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสรีรวิทยาระบบต่างๆ ตามทฤษฎี ในทารกแรกเกิด
ระบบหายใจ
ทันทีที่ทารกคลอดกจะเริ่มหายใจเอง
ปอดจะทําหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซ
Sensory stimuli
การจับต้องขณะทําคลอด สิ่งเหล่านี้จะไปกระตุ้นเซลล์ประสาทบริเวณผิวหนัง
ส่งต่อไปศูนย์หายใจที่สมองส่วน Medulla ทําให้เกิดการหายใจ
Chemical stimulus
การผูกรัดสายสะดือทําให้การไหลเวียนของเลือดผ่านรกหยุดลง
มีผลให้ระดับออกซิเจนในกระแสเลือดลดลง และมีคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น
เกิดภาวะเลือดเป็นกรด ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นที่ Carotid and Aortic Chemo receptors
ส่งกระแสประสาทไปศูนย์หายใจที่สมอง ส่วน Medulla ทําให้เกิดการหายใจ
Thermal stimulus
อุณหภูมิที่เย็น จะทําให้เซลล์ประสาทบริเวณผิวหนังของทารกแรกเกิดถูกกระตุ้น
เกิดกลไกการหายใจ เช่นเดียวกับปัจจัยด้านการรับสัมผัส
Mechanic stimulus
ทรวงอกจะถูกบีบรัดด้วยช่องคลอด
ทําให้น้ำคร่ำที่อยูในปอด ถูกบีบออก
เมื่อคลอดออกมาแล้วปอดจะขยายตัวเพื่อกลับคืนสู่สภาพเดิม
อากาศจึงแทนที่เข้าไป จึงถือวาเป็นการหายใจครั้งแรกของทารกแรกเกิด
กรณีศึกษา : มารดาคลอด NL with episiotomy
แรกคลอดทารกร้องดี APGAR นาทีที่ 1 = 9 คะแนน
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
การไหลเวียนโลหิต
เลือดจะไหลกลับเข้าสู่หัวใจห้องบนซ้ายเพิ่มขึ้น
ทําให้ความดันในหัวใจห้องบนซ้ายมากกว่าความดันในหัวใจห้องบนขวา
จึงทําให้ Foramen Ovale ปิดลง ภายในไม่กี่นาทีหลังเกิด
กลายเป็น fossa Oval อย่างสมบูรณ์เมื่อประมาณ 1 ปีหลังคลอด
ปริมาตรของเลือด
Total blood volume ทั้งหมดของทารกแรกเกิดครบกำหนด จะมีประมาณ 80-85 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
ภายหลังเกิดจะมีปริมาตรของเลือดโดยเฉลี่ยเท่ากับ 300
ความดันโลหิต
ทารกแรกเกิดจะมีความดันโลหิตประมาณ 60/40 มม.ปรอท
วันที่ 10 ความดันโลหิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 100/50 มม.ปรอท
ทารกได้ Delay clamp cord หลังคลอด
HR 138 bpm
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ
ไตของทารกแรกเกิดมีจํานวน Glomerulus เท่ากับผู้ใหญ่
Basement membrane ของหลอดเลือดฝอยที่ไต บางกว่าผู้ใหญ่
ทารกแรกเกิดสามารถเก็บปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะได้ประมาณ 16-44 ซีซีในวันแรก
ปริมาณของปัสสาวะที่ ไตสร้างขึ้นประมาณ 20 ซีซี และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงวันละประมาณ 200-300 ซีซี เมื่อถึงปลายสัปดาห์แรก
ทารกปัสสาวะ 14 ครั้ง/ วัน ปัสสาวะสีเหลืองเข้า ไม่มีกลิ่น
ระบบทางเดินอาหาร
ความสามารถในการดูดซึมอาหาร
เอนไซม์โปรตีนและไขมันยังน้อย
ดูดซึมน้ำตาลแลคโตสในนมแม่ได้ดี
การบวนการย่อยและการหลั่งสารย่อย
การย่อยอาหารในกระเพาะอาหารยังไม่เต็มประสิทธิภาพ
น้ำดีจากตับยังมีน้อย การดูดซึมไขมันทำได้ไม่ดี
ทารกได้รับมารดา
อาการสำรอกหลังการได้นมเป็นบางครั้ง
ระบบการขับถ่ายอุจจาระ
ถ่ายขี้เทา (Meconium) ภายใน 24 ชั่วโมง
วันที่ 3 หลังเกิดจะมีการถ่ายเป็นสีเหลืองปนเทา (Transitional stool)
วันที่ 4 หลังเกิดจึงจะมี ลักษณะของสีอุจจาระปกติ (True stool) ตามลักษณะของนมที่ทารกได้รับ