COPD with AE with Respiratory failure
COPD
ลักษณะทางคลินิก
เมื่อเคาะปอด ลักษณะโปร่ง Hyperesonance
หลอดลมจะถูกดึงลงไปทำให้ระยะทางระหว่าง cricoid cartilage และ suprasternal notch
สั้นลงคือน้อยกว่า 3 finger – breadths
ขณะที่ผู้ป่วยหายใจเข้า intercostal spaces และ supraclavicle fossa จะบุ๋มลง ทั้งนี้เพราะ
กล้ามเนื้อหายใจหดตัวอย่างรุนแรง และมีผลทำให้ intrapleural pressure ลดต่ำลงมาก
การจัดกลุ่มตามทักษณะทางคลินิก
ผู้ป่วยกลุ่ม pink puffer
เป็นพวกที่มีอาการของโรค Pulmonary emphysema ผู้ป่วยมักมี
รูปร่างผอม และมีอาการหอบเป็นสำคัญ แต่ไอไม่มากตรวจร่างกายจะไม่ค่อยพบ central cyanosis และ มักจะมีทรวงอกลักษณะ hyperinflation การตรวจระดับก๊าซในหลอดเลือดแดงมัก มีค่า PaO2 และ PaCO2 อยู่ในเกณฑ์ปกติยกเว้นในภาวะ acute exacerbation อาจมีค่าPaO2 ต่ำได้
ผู้ป่วยกลุ่ม blue bloater
มีอาการไอมาก ตรวจ ร่างกายจะพบ central cyanosis อาจมีหน้าแข้งบวมและ jugular venous pressure สูง บางรายมี ascites การตรวจระดับก๊าซในหลอดเลือดแดงมัก มีค่า PaO2 ต่ำ
และ PaCO2 สูง , pH อยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้น พวกที่มี acute exacerbation อาจมีค่าPaCO2 สูง ร่วมกับ pH
ต่ำได้
สาเหตุ
click to edit
การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
พันธุกรรม มักพบในคนอายุน้อย
อายุ เมื่ออายุมากขึ้น ความยือดหยุ่นน้อยลง
การสูบบุหรี่ พบผู้ที่สูบบุหรี่มีโอกาสร้อยละ 20
ที่จะเป็นโรคนี้เทียบกับผู้ไม่สูบบุหรี่
มลภาวะ เช่น การหายใจเอาฝุ่น ละอองเข้าไป
สาเหตุอื่นๆ เช่น การเจริญผิดปกติของหลอดลม
การตรวจวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย
A.P. diameter เพิ่มขึ้น ทรวงอกรูปร่างคลา้ยถังเบียร์(barrel chest )
การฟังเสียงลมเข้าปอด จะพบเสียงหวีดหวือหรือเสียงอื่นแทรก หรือมี hyperventilation
จากการตรวจปอดได้ยินเสียง Wheezing
ลูกกระเดือกเคลื่อนที่มากกว่าปกติเกิดจากขณะหายใจเข้าหลอดลมถูกดึงลงมากกว่า
ปกติประกอบกบักระดูกหนา้อกถูกยกสูงขึ้นจึงมองเห็นลูกกระเดือกเคลื่อนขึ้นลงตามการหายใจ
ร่างกายเขียวคล้า เนื่องจากเลือดพร่องออกซิเจน มีความอิ่มตัวออกซิเจนต่ำ
การขยายของทรวงอกขณะหายใจเข้าออกลดลง กระบังลมแบนต่ำลง มีช่องว่าง ใต้กระดูกยอดอกและทางดา้นหลงัเพิ่มข้ึน
การเคาะทรวงอก จะพบช่วงการเคลื่อนไหวของกระบังลมส้ันกว่าปกติเคาะได้เสียงก้องทั่วทรวงอก บริเวณทึบที่หัวใจจะแคบ และเสียงทึบของตับต่ำกว่าตำแหน่งปกติ
การส่งตรวจ spirometry เพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรค
การตรวจวิเคราะห์ก๊าซในเลือดแดง
การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม
CXR
ในผู้ป่วย emphysema อาจพบลักษณะของ hyperinflation
(กระบังลมแบนราบและหัวใจมีขนาดเล็ก)
ในผู้ป่วย cor pulmonale จะพบหัวใจห้องขวาและ pulmonary trunk มีขนาดโตชึ้น และperipheral vascular marking ลดลง
อาการและอาการแสดง
ผู้ป่วยจะมีอาการเมื่อพยาธิสภาพลุกลามไปมากแล้ว อาการที่พบ ได้แก่ หอบ
เหนื่อยซึ่งจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไอเรื้อรังหรือมีเสมหะโดยเฉพาะในช่วงเช้า อาการอื่นที่พบได้ คือ แน่น
หน้าอก หรือหายใจมีเสียงหวีด ในกรณีที่มีอาการ ไอออกเลือด หรือเจ็บหน้าอก จะต้องหาโรคร่วมหรือ
การวินิจฉัยอื่นเสมอ ที่ส าคัญ คือ วัณโรค มะเร็งปอด และหลอดลมพอง (bronchiectasis)
COPD with AE
ข้อบ่งชี้ที่บอกว่า exacerbation ที่รุนแรง
- อัตราการหายใจมากกว่า 26 คร้ัง / นาที หรือมีอาการหอบเหนื่อยขณะพัก
- อตัราชีพจรมากกวา่ 110 คร้ัง / นาที
- มีการใช้กล้ามเนื้อเสริมการหายใจ
- peak expiratory flow rate ( PEFR ) < 100 ลิตร / นาที
การกำเริบของโรคเฉียบพลัน (Acute exacerbation of COPD) โดยบางครั้งบางคราวผู้ป่วยจะมีอาการหอบมากขึ้น มีเสมหะมากขึ้น หรือเสมหะเปลี่ยนสีจากใสๆ เป็นขาวขุ่นหรือเหลืองได้ การกำเริบนี้มักเกิดจากการติดเชื้อในทางเดินหายใจ บางครั้งผู้ป่วยจะหอบมากจนต้องเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉิน หรืออาจจะถึงขั้นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล หากโรคกำเริบบ่อยๆ คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยจะแย่ลง และทำให้โรคดำเนินไปเร็วขึ้น แต่เราสามารถป้องกันหรือลดการกำเริบของโรคได้ด้วยการรักษาที่ถูกต้อง เช่น การให้ยาลดการอักเสบของหลอดลม หรือการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น
ผู้ป่วยที่มีลักษณะอาการ และอาการแสดง ดังนี้
ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องช่วยหายใจ(accessory muscle)มากขึ้นหรือมีอาการของกล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรง
เช่น respiratory paradox หรือ respiratory alternans, พูดไม่เป็นประโยค
- มีซึม หรือสับสน หมดสติ
- ชีพจรมากกว่า 120 ครั้ง หรือมีภาวะ hemodynamic instability
- มีอาการแสดงของภาวะหัวใจห้องขวาล้มเหลวที่เกิดขึ้นใหม่
- PaCO2 45 mm Hg และ pH < 7.35
- O2 sat < 90% หรือ PaO2 60 mm Hg
การรักษาในระยะกำเริบ
acute exacerbation ที่มีความรุนแรงน้อย
- เพิ่มขนาดและความถี่ของยาขยายหลอดลมชนิดพ่นหรือใช้ยาผสมระหว่าง Beta-2 agonist
และ anticholinergic - คอร์ติโคสตีรอยด์ ให้พิจารณาเป็นราย ๆ โดยให้
เป็น prednisolone ขนาด 20-30 มิลลิกรัมต่อวัน นาน 5-7 วันยาต้านจุลชีพ ให้พิจารณาเป็นราย ๆ โดยให้เป็นชนิดรับประทาน นาน 7-10 วัน
acute exacerbation รุนแรง
- กำรให้ออกซิเจน ควรให้ cannula โดยตั้งอัตราการไหล 1-3 ลิตร/นาที
- ยาขยายหลอดลม
2.1 ควรใช้ Beta-2 agonist หรือ Beta-2 agonist ร่วมกับ anticholinergic
Beradual MDI 2 puff ทุก 6 hr
2.2 Xanthine derivatives
- คอร์ติโคสตีรอยด์
- ยาต้านจุลชีพ
Tazocin 4.5 g IV ทุก 6 hr
พยาธิสภาพ
เป็นการอักเสบที่เกิดจาก neutrophil, CD8 lymphocyte และ macrophage ร่วมกันสร้างสาร tumor necrosis factor, leukotriene B4, interleukin-8 ออกมาทำลายเนื้อปอด มีการเพิ่มทั้งจำนวนและขนาดของ goblet cell ภายในเยื่อบุหลอดลมจนเกิดการสร้างเมือกมาอุดตันทางเดินหายใจ มีการทำลายเซลล์ endothelium ของผนังหลอดลมจนทำให้การทำงานของเยื่อบุและขนอ่อนของหลอดลม (mucociliary clearance) เสียไปจนไม่สามารถกำจัดแบคทีเรียและเมือกออกไปได้ ตลอดจนมีการทำลายเนื้อปอดและถุงลมจนเสียความยืดหยุ่นของปอด ร่วมกับมีหลอดลมอุดตันจนทำให้เวลาหายใจออกเกิดมีหลอดลมตีบได้
การอุดตันของหลอดลมและหลอดเลือดในปอดก็ทำให้การแลกเปลี่ยนแก๊สเสียไป ดังนั้น อาจพบทั้งภาวะขาดออกซิเจนและภาวะเลือดคั่งคาร์บอนไดออกไซด์ร่วมกัน ตลอดจนภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรังจะทำให้ผนังหลอดเลือดในปอดหนาตัวขึ้นจนเกิดความดันเลือดในปอดสูงที่เรียกว่า pulmonary hypertension ซึ่งถ้ามีภาวะเลือดข้นและหัวใจซีกขวาวาย (right side heart failure) ร่วมด้วยที่เรียกว่า cor pulmonale ตามมาในท้ายสุด
ความหมาย
ลักษณะสำคัญของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
คือ หลอดลม เนื้อปอด และหลอดเลือดปอดเกิดการอักเสบเสียหายเนื่องจากได้รับแก๊สหรือสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเป็นเวลานาน ส่งผลให้หลอดลมค่อยๆ ตีบแคบลงหรือถูกอุดกั้นโดยไม่อาจฟื้นคืนสู่สภาพปกติได้อีก
Respiratory failure
พยาธิสภาพ
ร่างกายได้รับการกระตุ้นจากสาเหตุต่างๆทำให้มีการหลั่งสาร mediator หรือ cytokine ต่างๆ2 เช่น tumor necrosis factor, interleukin (IL)-1, IL-6, IL-8 เป็นผลให้มีการทำลายเนื้อเยื่อถุงลม มีการขยายตัวของหลอดเลือดฝอยรอบถุงลม มีเม็ดเลือดขาว เช่น neutrophil เคลื่อนที่เข้ามาใน ถุงลมทำให้เกิดปฏิกิริยาของการอักเสบ และมีของเหลวโปรตีนสูง รั่วออกจากหลอดเลือดเข้ามาสะสมในถุงลมและ interstitium ทำให้เห็นคล้ายเป็น hyaline membrane ในถุงลม การอักเสบที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของ surfactant ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ ทำให้ถุงลมแฟบ ความยืดหยุ่นของปอดลดลง เนื้อปอดแข็ง การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนบกพร่องอย่างมาก เนื่องจากลมหายใจเข้าไม่สามารถเข้าไปถึงถุงลมได้ เกิดเป็น intrapulmonary shunt
สาเหตุ
เกิดจากหลอดลมตีบตัน หอบหืด หลอดลมอักเสบรุนแรง เนื้อปอดถูกทำลาย เช่น ภาวะปอดอักเสบมาก ๆ มีน้ำหรือลมในช่องเยื่อหุ้มปอดมาก ๆ กล้ามเนื้อการหายใจเสียหน้าที่ เช่น โรคไขสันหลังอักเสบ (Poliomyelitis), Myasthenia gravis ศูนย์หายใจในเมดัลลาเสียหน้าที่ เช่น มีเลือดออกในสมอง ได้รับพิษจากยา มีภาวะพร่องออกซิเจน
ความหมาย
ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน เป็นภาวะที่ปอดไม่สามารถทำงานแลกเปลี่ยนออกซิเจนให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายและมีผลให้เกิดการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และเกิดภาวะออกซิเจน (O2) ในเลือด
ชนิดของภาวะหายใจล้มเหลว
TypeI,Acutehypoxicrespiratoryfailure(AHRF)
Type II, Ventilatory failure
TypeIII,perioperativerespiratoryfailure
TypeIV,Shock
การตรวจวินิจฉัย
การเกิดภาวะหายใจล้มเหลวแบบเฉียบพลัน.
ภาพถ่ายรังสีทรวงอกพบว่ามี infiltrate จนทำให้เนื้อปอดดูขาวทั้ง 2 ข้าง.
จากการตรวจปอดได้ยินเสียง Wheezing
ไม่มีความผิดปกติของหัวใจ โดยไม่พบว่ามี left atrial hypertension หรือวัด pulmonary artery wedge pressure ได้ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 18 มม.ปรอท.
มีภาวะพร่องออกซิเจนอย่างรุนแรง โดยคำนวณอัตราส่วนของค่า PaO2/FiO2 ได้น้อยกว่าหรือเท่ากับ 200 มม.ปรอท.
อาการและอาการแสดง
อาการที่เกิดจากโรคที่ทำให้เกิดภาวะการหายใจล้มเหลว เช่น ไข้ ไอ เหนื่อย จากโรคปอดบวม
อาการที่เกิดจากการขาดออกซิเจน(Hypoxemia)
ระบบหายใจ
ภาวะขาดออกซิเจน หายใจเร็วข้ึน หายใจหอบเหนื่อย ถ้ามีภาวะพร่องออกซิเจนรุนแรงมาก อาจเกิดภาวะ Cheyne-stokes breathing หรือ apnea cyanosis
ระบบหัวใจ และหลอดเลือด
กระตุ้น sympathetic system ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง
เมื่อเกิดภาวะพร่องออกซิเจนมากข้ึน การบีบตัวของกล้ามเน้ือหัวใจลดลง ความดันโลหิตลดลง หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดง เพิ่มข้ึน เลือดหนืด ความต้านทานของหลอดเลือดปอดสูงข้ึน
ระบบประสาท
ระยะแรกของการขาดออกซิเจน มีอาการกระสับกระส่าย สับสน ไม่มีสมาธิ
ระยะขาดออกซิเจนรุนแรง มีอาการซึมถึงขั้นหมดสติ รูม่านตาอาจขยาย
ไม่ตอบสนองต่อแสงอาจมีกล้ามเน้ือกระตุก และอาการชักทั้งตัวได้
ระบบไต
กระตุ้น rennin angiotensin axis ทำให้มีการสร้าง erythropoietin เพิ่ม ข้ึน ระยะแรกของการขาดออกซิเจนมีปัสสาวะออกลดลง < 0.5-1 ml/kg/hr
ระบบผิวหนัง
เหงื่อออก ตัวเย็น ตัวเขียว(cyanosis)
อาการที่เกิดจากคาร์บอนไดออกไซด์คั่ง (Hypercapnia)
ระบบประสาท ส่วนกลาง
ซึมง่วงนอน(drowsiness)สับสน (confusion) ไม่มีสมาธิ
ระบบหายใจ
กระตุ้น central chemoreceptor ทำให้เพิ่มการหายใจ เพื่อเพิ่มการระบาย CO2 ออกจากร่างกาย มีอาการหายใจเร็วตื้น
ระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือด
ผิวหนังมีลักษณะแดง และอุ่น ชีพจรเต้นแรง ความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะมากในเวลากลางคืนเพราะมีhypoventilationมากกว่าเวลากลางวัน จอ ประสาทตาบวม จากความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มข้ึนมาก
การรักษา
การป้องกัน และรักษาภาวะแทรกซ้อนจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ ได้แก่ ภาวะปอดแตก จากการใช้เครื่องช่วยหายใจ ความดันโลหิตลดลง เลือดออกในทางเดินอาหาร และการติดเชื้อ ในโรงพยาบาล
การดูแลรักษาด้านโภชนาการ สารน้ำ และเกลือแร่
ถ้าไม่มีข้อห้าม ควรให้อาหารทางกระเพาะอาหารผ่าน nasogastric tube เพื่อให้ได้พลังงานที่เพียงพอและ ไม่ควรให้สารน้ำมากเกินไป เพราะอาจทำให้มีการรั่วของสารน้ำเข้าไปถุงลมมากขึ้น
การดูแลทางเดินอากาศ
ทำทางเดินหายใจของผู้ป่วยเปิดโล่ง ไม่มีการอุดกลั้น เพื่อให้มีออกซิเจนผ่านเข้าออกทางเดินหายใจของผู้ป่วยได้ตลอดเวลา
ยา
ยานอนหลับ, ยาลดความเจ็บปวด, ยาคลายกล้ามเนื้อ ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง เมื่อมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน ยาอื่นๆ เช่น activated protein C, steroid, nitric oxide, surfactant
การใช้เครื่องช่วยหายใจ
ซึ่งจะทำหน้าที่แทนกล้ามเน้ือหายใจ ในการสนับสนุนการทำงานของระบบหายใจ ช่วยเพิ่ม PaO2 และลด PaCO2 ช่วยให้กล้ามเน้ือท่ีล้าในการหายใจได้พัก
การแก้ไขภาวะ hypoxemia และ hypercapnia
การทำให้มีออกซิเจนไปยังเน้ือเยื่อต่างๆของร่างกายอย่างเพียงพอโดยทั่วไประดับที่เหมาะสมคือ (Hypoxemia , PaO2 < 60 mmHg)2 หรือมีการคั่ง ของคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด (Hypercapnia, PaCO2 > 50 and pH < 7.3) หากไม่สามารถ แก้ไขภาวะพร่องออกซิเจนหรือภาวะคาร์บอนไดออกไซด์คั่งได้ พิจารณาช่วยหายใจโดยการใช้เครื่องช่วยหายใจ
พร่องกิจวัตรประจำวัน/เสี่ยงภาวะแทรกซ้อนจากการนอนนาน
ข้อมูลสนับสนุน
กิจกรรมการพยาบาล
การประเมินผล
ผู้ป่วยได้รับการดูแลตามมาตรฐาน , good personal hygiene ไม่เกิดภาวะ DVT
ข้อมูลสนับสนุน
S : -
O : นอนบนเตียงตลอดเวลา , NAF = 8 คะแนน , ADL=2 คะแนน , GCS = E1V1M1 , BDS = 8 คะแนน
เกณฑ์การประเมิน :
วัตถุประสงค์ : เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยเกิดภาะแทรกซ้อนจากการนอนนาน
- พลิกตะแคงตัวผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมง
- สังเกตรอยแดงตามปุ่มกระดูกต่างๆดูแลผิวหนังให้ชุ่มชื่น
- ประเมินความตึงตัวของกล้ามเนื้อ
- Support ปุ่มกระดูกต่างๆ ด้วยหมอนนุ่ม
- ประเมิน Barden score ทุก 3 วัน ตามแนวทาง
- ดูแลความสะอาดหลังขับถ่ายและดูแลผ้าปูที่นอนให้เรียบตึง
- Passive exercise
- ยกขาสูงกว่าหัวใจ 20 องศา 10 นาที ทุก 2-4 ชั่วโมง
- งอเท้าและหมุนข้อเท้าทุก 2-4 ชั่วโมงข้างละ 5 นาที
10.กระดกข้อเท้าข้างละ 5 นาทีจำนวน 15 ครั้ง/นาที ทก 2-4 ชั่วโมง
11.ประเมินและดูแลตอบสนองความต้องการดูแลชั้นพื้นพื้นฐานแก่ผู้ป่วย
- personal hygiene care, oral care
- ประเมิน pressure sore
ไข้
ข้อมูลสนันสนุน
S : -
O : at 07.00น. T : 38.2 at 10.00น.T : 37.7
วัตถุประสงค์ :
เกณฑ์การประเมิน : อุณหภูมิร่างกายอยู่ในเกณฑ์ 36.5-37.5
กิจกรรมการพยาบาล
- เช็ดตัวลดไข้ ประคบเย็น
- ติดตามวัดไข้ซ้ำ
- ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับ paracetamol (500) 1x1 po prn q4-6 hr
การประเมินผล
หลังให้การพยาบาล T : 38.3 c ดูแลให้ paracetamol 500 mg iv observe ต่อ
มีภาวะพร่องออกซิเจนเนื่องจากการหายใจไม่มีประสิทธิภาพ
เกณฑ์การประเมิน : ผู้ป่วยสามารถหายใจได้ดีมีประสิทธิภาพ
การประเมินผล
ผู้ป่วยหายใจสัมพันธ์กับเครื่อง RR = 26 /m MTV = 455-469 ml SpO2 = 96-100% Lung wheezing both lung secretion ขาวขุ่นปนเหลืองมีพอควร EKG monitor show sinus rhythm ไม่มีภาวะพร่องออกซิเจน
กิจกรรมการพยาบาล
1.มีภาวะพร่องออกซิเจนเนื่องจากการหายใจไม่มีประสิทธิภาพ
วัตถุประสงค์ : ผู้ป่วยสามารถแลกเปลี่ยนก๊าซได้ดีขึ้น
ข้อมูลสนันสนุน
S : -
O : cxr (1/10/67) : No new infiltration , sputum gram (25/09/67) Acinetober baumanii (XDR) , lung sound : wheezing both lung , ABG (1/10/67) : pH 7.49 , pCO2 44 mmHg , pO2 136 mmHg , HCO3 33.5 mmol/L , sO2c 99%
click to edit
1.สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะพร่องออกซิเจน เช่น dyspnea
2.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษา ดูแล ventilator mode A/C PRCV RR 26 bpm FiO2 0.6 PEEP 8 VT 450 ตามแผนการรักษา
3.record v/s ทุก 1 ชั่วโมง keep SpO2 88-92%
4.ประเมิน lung sound
5.ดูแล suction clear air way
6.ติดตามผล ABG ตามแผนการรักษา
7.จัดท่านอน semi Fowler
8.ดูแลได้รับ on Dormicum 50 mg + NSS 100 ml iv drip 20 ml/hr., Fentanyl 1000 mcg + 5%DW 100 ml iv drip 45 ml/hr ตามแผนการรักษา double check. ยา control drop rate by infusion pump,observe Phlebitis extravasetion , hypotension
9.ดูแลให้ได้รับ colistin 150 mg iv q 12 hr ตามแผนการรักษา
10.ดูแลให้ได้รับยาพ่น Berodual forte 1 NB q4hr + spilotto 2 puff OD + Colistin 80 mg NB q 8 hr
เสียสมดุลของสารน้ำและ electrolyte ในร่างกาย
ข้อมูลสนับสนุน
S : -
O : Lab (01/10/67): BUN 12 mg/dL, Creatinine + eGFR 0.96 mg/dl, Sodium 135 mmol/L, Potassium 3.3 mmol/L, Chloride 99 mmol/L, CO2 content 32 mmol/L Calcium in serum 8.1 mg/dL, Magnesium in serum 1.9 mg/dl, Phosphorus in serum 5.1 mg/dL (28/09/67) Albumin in serum 2.0 g/dL , pitting edema 2+ , scrotum บวม
วัตถุประสงค์ : เพื่อให้คนไข้มี electrolyte balance
เกณฑ์การประเมิน : ไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะ electrolyte imbalance
กิจกรรมการพยาบาล
- Observe อาการแสดงภาวะน้ำเกิน เสียสมดุลสารน้ำและเกลือแร่ อาการอ่อนเพลีย ซึม สับสน ชักเกร็งหายใจเหนื่อยหอบ บวม เสมหะเหลว
- Record V/S, Monitor EKG observe arrhythmia
- ประเมินภาวะบวม ลักษณะความตึงตัว ความยึดหยุ่นของผิวหนัง lung crepitation เพิ่ม
- ดูแลให้ได้รับ BD (1:1) 150 ml *5 feed + น้ำตาม 30 ml/feed
5.ดูแลให้ได้รับ Elixer KCL 30 ml po stat ตามแผนการรักษาของแพทย์
- Record urine out put
การประเมินผล
ผู้ป่วย unconscious response to pain E2VtM1 , pupil 3 mmISTLBE, ไม่มีอาการชักเกร็ง กระตุกEKG monitor show sinus rhythm no PVC,urine สีเหลืองเข้มออก 420 ml/8hr, I/O = 2,804/1,210 ml/day
อ้างอิง
กนกพจน์ จันทร์ภิวัฒน์ (2563) แนวทางการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉยอายุรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร ; สำนักพิมกรุงเทพเวรสาร
วิจิตร กูสุมภ์ (2560) การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตแบบองค์รวม กรุงเทพ ; สำนักพิมพ์ห้างหุ้นส่วนวามัญนิติบุคคล
กันตพรอยอดไชย (2564) การพยาบาลผู้ใหญ่ 2 สงขลา;สำนักพิมพ์นีโอน้อย
อรวรรณ แผนคง การพยาบางผู้สูงอายุ (2562) นนทบุรี
Bonekl,solane ,J.B.,Bruse M. (2016). Assessment in COPD with ling function European respiratory journal 1635-1644