Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ที่มีสิ่งแปลกปลอม เข้าตา หู คอ และจมูก, กนกรัตน์ ไตรสุวรรณ…
การพยาบาลผู้ที่มีสิ่งแปลกปลอม
เข้าตา หู คอ และจมูก
จมูก
(Foreing bodies in nose)
สิ่งแปลกปลอมชนิดเน่า มีกลิ่น
แบ่งได้ 3 ประเภท
ก๊าซที่ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน เกิดอาการวิ่งเวียน หน้ามืด เป็นลมหมดสติ ถึงแก่ความตายได้ เช่นคาร์บอนมอนนอกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจน ไนโตรเจน ปัญหาการจราจรคับคั่ง อากาศเป็นพิษเมื่อหายใจเข้าไปก๊าซจะแย่งที่กับออกชิเจนในการจับกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงทำให้เม็ดเลือดแดงไม่สามารถไปเนื้อเยื่อทั่วร่างกายได้ร่างกายจึงมีอาการของการขาดออกซิเจน ถ้าช่วยเหลือไม่ทันจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต
ก๊าซที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจได้แก่ คอ หลอดลม และปอด ถ้าได้รับในปริมาณมากอาจทำให้ตายได้ เช่น ซัลเฟอร์โดออกไซด์ ไม่มีสีแต่มีกลิ่นฉุน พบได้ในโรงงานอุตสาหกรรม ใช้ทำกรดกำมะถัน
ก๊าซที่ทำให้อันตรายทั่วร่างกาย ก๊าซอาร์ซีน ไม่มีสี กลิ่นคล้ายกระเทียม พบได้ในโรงงานอุตสาหกรรมใช้ทำแบตเตอรี่ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เม็ดเลือดแดงแตก ปัสสาวะเป็นเลือด ดีซ่าน ตาเหลือง ตัวเหลือง
การปฐมพยาบาล
กลั้นหายใจและรีบเปิดประตูหน้าต่าง เพื่อให้อากาศถ่ายเท มีอากาศบริสุทธิ์เข้ามาในห้อง ปิดท่อก๊าซ หรือขจัดต้นเหตุของพิษนั้นๆ
นำผู้ป่วยออกจากบริเวณที่เกิดเหตุไปยังที่มีอากาศบริสุทธิ์
ประเมินการหายใจและการเต้นของหัวใจ ช่วยฟื้นคืนชีพโดยการ CPR ในกรณีที่ผู้ป่วยหมดสติและหยุดหายใจและนำส่งโรงพยาบาล
สิ่งแปลกปลอมชนิดกลม เกลี้ยง
อาการ
ถ้าติดอยู่ในรูจมูกจะมีอาการคัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ และจามในระยะแรก ถ้าทิ้งไว้สักระยะหนึ่งน้ำมูกจะมีสีเหลือง มีกลิ่นเหม็น เป็นแผล มีหนอง เลือดออก
การปฐมพยาบาล
อย่าใช้นิ้วหรือไม้แคะออก เนื่องจากจะทำให้วัตถุนั้นเลื่อนลึกลงไปอีก
ให้ปิดจมูกอีกข้างหนึ่งไว้แล้วสั่งแรงๆ อาจทำให้วัตถุนั้นหลุดออกมาได้
ถ้าวัตถุอยู่ลึกมาก สั่งไม่ออก ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลเพราะแพทย์จะช่วยนำออกโดยเครื่องมือที่งอเป็นตะขอ(Nasal hook) เขี่ยวัตถุนั้นออกมา
หู
(Foreing bodies in ear)
สิ่งแปลกปลอมวัตถุ(ไม่มีชีวิต)
อย่าใช้มือแคะ หรือไม้แคะหู เพราะจะทำให้วัตถุลึกลงไป
เอียงหูข้างที่มีให้ต่ำลง นอนตะแคงและกระตุกใบหน้าไปด้านนั้นเบาๆ วัตถุจะค่อยๆเลื่อนออกเอง
ถ้าวัตถุที่ลงไปยังไม่ออก ให้รีบส่งโรงพยาบาล
สิ่งแปลกปลอมตัวแมลง(สิ่งมีชีวิต)
หยอดน้ำอุ่น/น้ำมันมะกอก ให้แมลงตายลอยขึ้นมา ถ้ามีประวัติหูน้ำหนวก ห้ามหยอดน้ำ จะเกิดการอักเสบ
ใช้ไม้พันสำลีสะอาด ทำความสะอาด
ถ้าแมลงตายและไม่ลอยขึ้น อาจเพราะแมลงตัวใหญ่/ลงลึกกว่าเดิม รีบนำส่งโรงพยาบาล
ตา
(Foreing bodies in eye)
สิ่งแปลกปลอมชนิดธรรมดา
(ของแข็ง ฝุ่น ขนตา)
อย่าขยี้ตา
ลืมตาในน้ำสะอาดหรือล้างด้วยน้ำอุ่น NSS 0.9% หรือBoric acid 3%
ถ้ามองเห็นสิ่งแปลกปลอมอยู่ให้เปิดเปลือกตาขึ้น ใช้มุมผ้าบางๆที่สะอาดหรือใช้สำลีพันปลายไม้เขี่ยออก
ถ้าสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในเปลือกตาบน ให้จับและดึงเปลือกตาบนด้วยนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้พับหนังตาบนด้วยไม้พันสำลี บอกให้ผู้บาดเจ็บมองลงต่ำจะเห็นบริเวณเปลือกตาบนและดวงตา จากนั้นใช้ผ้าสะอาดเขี่ยสิ่งแปลกปลอมออกมา
เมื่อสิ่งแปลกปลอมที่เข้าตาออกมาเรียบร้อยแล้ว ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำอุ่น NSS 0.9% ปริมาณมากๆ
สิ่งแปลกปลอมชนิดฝังคาในตา
(สะเก็ดเงิน เศษเหล็ก)
อย่าขยี้ตา หรือพยายามเขี่ยสิ่งแปลกปลอมออกเอง
ให้หลับตาและใช้ผ้าก๊อซสะอาดปิดตาไว้ เพื่อยึดไม่ให้เคลื่อนไหว
รีบนำส่งโรงพยาบาล
กรด หรือด่าง
(ปวดแสบร้อน บวมแดง)
รีบลืมตาในน้ำสะอาด หรือล้างด้วยน้ำต้มสุกอุ่น หรือ NSSม0.9% ปริมาณมากๆ
ล้างนานๆ อาจจะใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที เพื่อให้กรดและด่างเจือจาง หรือให้รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
กรณีที่บ้านอยู่ห่างจากโรงพยาบาลมาก ใช้เวลาเดินทางนาน ให้ใช้ยาปฏิชีวนะชนิดขี้ผึ้งป้ายตา เช่นขี้ผึ้งป้ายตาคลอแรมเฟนนิคอล (Chloramphenicol eye ointment) เพื่อป้องกันไม่ให้เปลือกตาติดกัน ถ้ามีอาการปวดตามากให้รับประทานยาแก้ปวด
คอ
ความหมาย
การอุดกั้นทางเดินหายใจตั้งแต่จมูก (nose) ปาก (mouth)
คอหอย (pharynx) ลงไปถึงกล่องเสียง (lanynx)
อาการและอาการแสดง
ไอมากทันทีทันทีทันใด ท่าคล้ายอาเจียน พูด/ร้องไม่มีเสียง หายใจลำบาก (dyspnea) ร่วมกับเสียง Stidor หน้าเขียว ความดันโลหิตต่ำ ชีพจรและอัตราการหายใจเร็วกว่าปกติ ระดับออกซิเจนลดลง ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันถ่วงที่ผู้ป่วยอาจเกิดหัวใจหยุดเต้น เสียชีวิตได้
อุดกั้นทางเดินหายใจส่วนต้นแบบบบางส่วน (Partal upper ainway obstruction) ถ้ามีการอุดกั้นทางเดินแค่บางส่วนผู้ป่วยยังคงหายใจเองได้หรือหายใจมีเสียงหวีด(Wheezing) และพูดมีเสียงออกมาได้
การปฐมพยาบาล
ประเมินและตรวจสอบวัตถุสิ่งแปลกปลอมว่าคืออะไร จากนั้นตรวจร่างกายและประเมินผู้ป่วยเบื้องต้น โดยทตสอบให้ผู้ป่วยออกเสียงหรือไอออกมาให้มีเสียงได้หรือไม่ และประเมินว่าภาวะเขียว (Cyanosis) หายใจลำบากหรือรวมถึงผู้ป่วยทำท่ากาท่ากเมือไว้ที่ลำคอหรือไม่(Universal sign for choking)
ห้ามใช้มือแคะหรือล้วง เพราะจะทำให้เนื้อเยือบริเวณที่มีสิ่งแปลกปลอมฝังอย่บ่วม แดง แลเอาออกยากขึ้น อาจมีการอักเสบและมีการติดเชื้อตามมาได้
หากผู้ป่วยไม่สามารถไอออกมามีเสียงได้ให้ทำกาการช่วยเหลือโดยผู้ช่วยเหลือยืนด้านหลังผู้ป่วย สอดมือเข้าข้างหลังได้วงแขนของผู้ป่วย กำมือข้างที่ถนัดวางไว้เหนือสะดือใต้ลิ้นปี และใช้มืออีกข้างหนึ่งประกบเข้าหากัน แล้วกระทั้งเข้าหาตัวผู้ป่วยเป็นแนวขึ้น 5 ครั้ง (Heimlich maneuver)
สังเกตอาการว่ามีสิ่งแปลกปลอมออกมาจากคอผู้ป่วยหรือไม่ หากไม่มีสิ่งแปลกปลอมออกมาให้ทำต่อไปเรื่อยๆเป็นรอบ รอบ รอบละ 5 ครั้ง จนสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมา
ถ้ามองไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมหรือสิ่งแปลกปลอมไม่ออกมา ควรนำส่งโรงพยาบาลทันที หรือโทร 1669
กนกรัตน์ ไตรสุวรรณ 6402101002