Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Schizophrenia Paranoid type - Coggle Diagram
Schizophrenia Paranoid type
เกณฑ์การวินิจฉัย DSM 5
A. มีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 2 ข้อ และนาน 1 เดือน โดยอย่างน้อยต้องมีข้อ 1-3 อยู่ 1 อาการ ได้แก่ 1.อาการหลงผิด (Delution) 2. อาการประสาทหลอน (Hallucination) 3. Disorganize speech 4. Disorganize behavior 5. Negative symtoms
เทียบกับผู้ป่วย
Delusion แบบ Bizarre Delusion ผู้ป่วยมักจะพูดถึงเรื่องพระศิวะยกทัพมาทำให้เกิดศาสนาขึ้น ความเชื่อเรื่องการติดอยู่ในลูปต้องวนกลับมาเจอกันอีกครั้งเพราะยังทำภารกิจไม่เสร็จ และการรับรู้ผ่านจักระ 7 สีมีทิศทางเราผ่านหน้าผากและขมับ
Hallucination แบบ Auditory hallucination ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ หัวเราะเยาะ พูดนินทาพูดจาท้าทาย (Voice discussing)
B. มีความบกพร่องทางสังคม การงานหรือการดูแลตนเอง
ผู้ป่วยมีบุคลิกภาพพูดน้อย ยอมคน ไม่ชอบเข้าสังคม ไมีมีเพื่อนสนิท
มีพฤติกรรมชอบเก็บตัวอยู่ในบ้าน
ทะเลาะกับพี่สาวบ่อยครั้ง
C. มีความผิดปกตินานต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งภายใน 6 เดือน ต้องมีอาการตามข้อ A นานอย่างน้อย 1 เดือน
ผู้ป่วยมีอาการ 5 ปีก่อนมาโรงพยาบาลในปี 2557 หลังใช้ยาบ้านานเป็นเวลา 2 ปี เริ่มมีอาการหวาดระแวงกลัวคนจะมาทำร้าย หลอนได้ยินเสียงคนหัวเราะเยาะ พูดนินทาพูดจาท้าทาย ซึ่งมีอาการในข้อ A มากกว่า 1 เดือน
D. อาการไม่ได้เกิดจากสาเหตุทางร่างกาย ยา หรือสารเสพติด
สาเหตุ
ปัจจัยด้านชีวภาพ
แบ่งออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ พันธุกรรม ระบบสารชีวเคมีในสมอง กายวิภาค และประสาทสรีรวิทยา
จากกรณีศึกษาผู้ป่วยมีความผิดปกติด้านระบบสารชีวเคมีในสมองที่ไม่มีความสมดุล คือ ผู้ป่วยใช้สารเสพติด คือ ยาบ้า ยาบ้า สาร เสพติดชนิดนี้เข้าไปทำลายสมองส่วน Cerebral Cortex และเข้าไปกระตุ้นสมองให้หลั่ง Dopamine มากกว่าปกติ ทำให้สมดุลของสารสื่อประสาทเสียไป จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงของความคิด อารมณ์และพฤติกรรม
ปัจจัยด้านครอบครัว
เชื่อว่าสภาพครอบครัวมีผลต่อการกำเริบของโรค กลุ่มอาการเกิดจากหลาย ๆ สาเหตุ เช่นในครอบครัวมีการใช้อารมณ์ต่อกันสูง (High Expressed-Emotion ; High EE) ได้แก่ การตำหนวิพากษ์วิจารณ์ (Critism) มีท่าทีไม่เป็นมิตร (Hostility) จู้จี้หรือยุ่งกับผู้ป่วยมากเกินไป (Emotional Overinvolment)
จากกรณีศึกษาในครอบครัวของผู้ป่วยมีความกดดัน คาดหวังให้ผู้ป่วยดูแลครอบครัวได้ ในครอบครัวมีลูกชาย 2 คน พี่สาว 6 คน บิดาและพี่ชายเสียไปแล้ว ทำให้ครอบครัวเหลือผู้ป่วยเพียงคนเดียวที่เป็นผู้ชายและส่วนใหญ่ผู้ป่วยเติบโตมากับมารดาและพี่สาว ทำให้มีบุคลิกภาพที่พูดน้อย ยอมคน ไม่ชอบเข้าสังคมและไม่ชอบมีปัญหากับใคร เนื่องจากในครอบครัวมารดาและพี่สาวไม่ชอบให้ผู้ป่วยมีปากมีเสียง ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงไม้อยากมีปัญหาจึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้
ปัจจัยด้านสังคม
เชื่อว่าผู้ป่วยโรคจิตพบมากในครอบครัวที่มีเศรษฐานะต่ำ ทำให้สภาพสังคมต่ำลงกว่าเดิม (Downward drift hypothesis) หรือสภาพสังคมที่บีบคั้นให้เป็นโรคจิตเภทมากขึ้น (Social causation hypothesis)
ครอบครัวเศรษฐานะไม่ดี ผู้ป่วยต้องทำงานช่วยครอบครัวหาเงินตั้งแต่เด็ก และผู้ป่วยอยู่ในกลุ่เพื่อนที่มีการใช้สารเสพติด ดื่มสุรา
การรักษา
การรักษาด้วยยา (Pharmacotherapy)
ยากลุ่ม Antipsychotic drugs
Rispridone 2 mg. 1 x 2 po pc เช้า, hs (กลุ่มใหม่)
ยากลุ่ม Antianxiety drugs
Diazepam 5 mg. 1 x 1 po pc hs
Lorazepam 1 mg. 1 TAB po PRN for insomnia
ยากลุ่ม Anticholinergic drugs
Benzhexol GPO 2 mg. 1 x 1 po pc เช้า
ยากลุ่ม Vitamin
Vit B1 100 mg. 2 x 2 po pc
การรักษาทางจิตใจ (Psychosocial treatment)
ผู้ป่วยได้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มบำบัด ได้แก่ กลุ่มอาชีวบำบัด กลุ่มศิลปะบำบัด กลุ่มให้ความรู้สอนสุขภาพจิต กลุ่มอ่านหนังสือพิมพ์ กลุ่มผ่อนคลายความเครียด กลุ่มทักษะสังคม กลุ่มนันทนาการ และกลุ่มทำอาหาร
ลักษณะอาการทางคลินิก
กลุ่มอาการด้านบวก (Positive symptoms)
Delusion แบบ Bizarre Delusion ผู้ป่วยมักจะพูดถึงเรื่องพระศิวะยกทัพมาทำให้เกิดศาสนาขึ้น ความเชื่อเรื่องการติดอยู่ในลูปต้องวนกลับมาเจอกันอีกครั้งเพราะยังทำภารกิจไม่เสร็จ และการรับรู้ผ่านจักระ 7 สีมีทิศทางเราผ่านหน้าผากและขมับ
Hallucination แบบ Auditory hallucination ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ หัวเราะเยาะ พูดนินทาพูดจาท้าทาย (Voice discussing)
Disorganize behavior แรกรับที่ ER ผู้ป่วยเนื้อตัวสกปรก หนวดเครารุงรัง ไม่สนใจดูแลตนเอง อาละวาด ทำลายข้าวของภายในบ้าน
กลุ่มอาการด้านลบ (Negative symptoms)
ไม่พบอาการผิดปกติ
กลุ่มอาการด้านความคิด การรับรู้ (Cognitive symptoms)
ไม่พบอาการผืดปกติ
กลุ่มอาการด้านอารมณ์ (Affective symptoms)
ผู้ป่วยมีอารมณ์หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว (aggressive) รู้สึกผิดเมื่อได้ปาขวดใส่กำแพง (feel guilty)
อาการอื่น ๆ
ไม่พบอาการผิดปกติ
ระยะการดำเนินโรค
Premorbid phase
ผู้ป่วยมีพฤติกรรมแยกตัวมักเก็บตัวอยู่ในบ้าน
Prodromal phase
5 ปีก่อนมาโรงพยาบาลผู้ป่วยมีพฤติกรรมแยกตัวจากสังคม สนใจตัวเองน้อยลงหนวดเครารุงรัง เนื้อตัวสกปรก ใส่เสื้อผ้าซ้ำกันหลายวัน ไม่ชอบทำความสะอาดร่างกาย (ข้อมูลจากแฟ้มผู้ป่วย)
ผู้ป่วยมีอารมณ์หงุดหงิดง่าย มีความเชื่อว่าอาการหูแว่วเกิดจากการทำสมาธิ อาการจะดีขึ้นหากได้มองช้อนสีดำ ผู้ป่วยบอกว่าอาการเป็นมาตั้งแต่ทำงานกับพี่เมื่อ 5 ปีก่อน
Active phase
ผู้ป่วยมีอาการ Delusion แบบ Bizarre Delusion Hallucination แบบ Auditory hallucination Disorganize behavior ผู้ป่วยบอกว่าอาการเป็นมา 5-6 ปีแล้ว อาการเป็นมากขึ้นหลังหยุดยาเอง
Residual phase
ผู้ป่วยแยกตัวไม่เข้าสังคม มักจะมีปัญหากับพี่สาวและอาละวาดบ่อยครั้งเมื่อมารดาไม่ให้เงินไปซื้อสารเสพติด
ผู้ป่วยบอกว่ามีอาการนอนไม่หลับ หลับ ๆ ตื่น ๆ หลับได้ไม่ดี มีอาการหวาดระแวงกลัวคนมาทำร้าย