Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ANATOMY CARDIOVASCULAR SYSTEM - Coggle Diagram
ANATOMY CARDIOVASCULAR
SYSTEM
BLOOD เลือด
หน้าที่
ป้องกันการสูญเสียของเหลวภายในร่างกาย
เมื่อมีการบาดเจ็บเกิดขึ้น
ทำลายสารพิษและเชื้อโรคต่าง ๆ
ขนส่งอาหาร ของเสีย เอนไซม์ ฮอร์โมน
รักษาสมดุลย์ของอุณหภูมิในร่างกาย
ส่วนประกอบ
พลาสมา (Plasma)
มี 55% ของเลือดทั้งหมด
น้ำ (Water)
เป็นตัวทำละลาย และนำโมเลกุลของสารอินทรีย์และอนินทรีย์
ทำหน้าที่เป็นตัวประจายเม็ดเลือด และนำความร้อน
อาหาร (Nutrients)
ใช้ผชิตพลังงาน เพื่อการเติบโตและคงอยู่ของเซลล์
เกลือแร่ (Electrolyte)
เป็นส่วนประกอบของ Extracellular fluid
พลาสมาโปรตีน (Plasma protiens)
สร้างจากตับ พบได้ 3 ชนิด
Globulins
มี 35% ของพลาสมาโปรตีน
มีหน้าที่ทำลายเชื้อโรค เรียกว่า Immunoglobulin หรือ Antibodies
ขนส่งโปรตีน อิออนเล็กๆ ฮอร์โมน หรือสารที่ไม่ละลายน้ำ หรือที่กรองออกจากไต
Fibrinogen and Clotting factors
มี 4% ของพลาสมาโปรตีน
ใหญ่ที่สุด ผอมยาว ทำหน้าที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
โดย Fibrinogen เปลี่ยนไปอยู่ในรูปของ fibrin มีขนาดใหญ่และไม่ละลายน้ำ ทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด
Albumins
: มี 60% ของพลาสมาโปรตีน มีขนาดเล็ก เหมือนบุหรี่
รักษาสมดุลน้ำ ควบคุมแรงดันออสโมติด
และลำเลียงสารบางชนิด เช่น ฮอร์โมน ไขมัน
Lipoprotiens
สามารถละลายน้ำได้ และสามารถขนส่งไขมันไปยังเนื้อเยื่อได้ โดย Albumin และ Globulin จะจับกับไขมัน
เซลล์เม็ดเลือด (Formed Elements)
เป็นเซลล์หรือชิ้นส่วนของเซลล์
สร้างจากไขกระดูกแดง
เซลล์เม็ดเลือดขาว
(Leukocytes) : WBCs
ในเลือด 1 ml จะมี WBCs ประมาณ 6000 - 9000 ตัว
ถ้าน้อยกว่า 2,500 ml เรียกว่า leucopenia
ถ้ามากกว่า 30,000 ml เรียกว่า leukopenia
Agranular leucocyte
(Agranulocytes)
Lymphocytes
แบ่งออกเป็น 3 ชนิด
NK –cells หรือ Large granular lymphocytes ทำหน้าที่ทำลายเซลล์ของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ ป้องกันเซลล์มะเร็ง
B- cells จะเข้าสู่พลาสมา แล้วปล่อย Antibodies ออกมาทำลายสิ่งแปลกปลอม
T – cells เข้าสู่ Pheripheral tissue และจับกับวิ่งแปลกปลอมโดยตรง
มี cytoplasm เพียงเล็กน้อย มีขนาดใหญ่ กลม และนิวเคลียสสีม่วง
ไม่มีแกรนูลใน Cytoplasm ขนาดใหญ่กว่า RBCs เล็กน้อย
มีจำนวน 20-30%
Lymphocyte เป็นเซลล์เริ่มต้นของ Lymphatics System
Monocytes
นิวเคลียสมีรูปร่างคล้ายไตหรือเมล็ดถั่ว
นอกระบบไหลเวียนเรียก monocyte
ว่าเป็น free macrophage
Monocyte จะเคลื่อนที่ไปตามระบบไหลเวียนไม่กี่วัน
ก่อนที่จะไปยัง peripheral tissue
White blood cells หรือ Leucocytes สร้างจากไขกระดูก มีนิวเคลียส
ส่วนใหญ่พบใน peripheral tissue มีไหลเวียนในกระแสเลือดน้อย
Granular leucocyte
(granulocytes)
Neutrophils
เป็นเม็ดเลือดขาวตัวแรกที่มาถึง
ไหลเวียนในเลือด 70% มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 - 15 ซม ใ
หญ่กว่า RBC 2 เท่า
หลังจากกินเชื้อโรคก็จะตาย แตกสลายและปล่อยเคมีออกมา
มีผลต่อ neutrophil ข้างเคียง
มีนิวเคลียสหลาย lope เรียกว่า Polymorphonuclear leucocytes
หรือ PMN
ทำหน้าที่จับและย่อยแบคทีเรีย อายุสั้น 12 ชม
ใน Cytoplasm จะมีแกรนูล ภายในมี Lysosomal enzyme และ bacteriacidal compound
Basophils
เคลื่อนที่ผ่าน endothelium cell ของหลอดเลือดไปยังบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ และปล่อยแกรนูลออกมา ในแกรนูลมีสาร Histamine
มี 1% เป็นเซลล์ที่มีแกรนูลมาก ติดสี Basic dyes มีสีม่วงหรือน้ำเงิน
Eosinophils
มีจำนวนเพิ่ม เมื่อเกิด Allergic reactions หรือมีเชื้อพยาธิในร่างกาย
เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Acidophils เพราะว่าติดสี Eosin
เป็น Acidic red dyes
Phogocytic cells ทำหน้าที่จับกินสิ่งแปลกปลอม กระตุ้นด้วย antibodies ในระบบไหลเวียน
มี 2-4% มีขนาดใกล้กับ Neutrophil แต่ติดสีแดง มีนิวเคลียส 2 lope
หน้าที่:
ทำลายเชื้อโรค ทำลายสิ่งแปลกปลอม เช่น สารพิษ ของเสีย เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย มีอายุสั้น
การสร้างเม็ดเลือด
(Hemopoiesis)
เซลล์เม็ดเลือดเริ่มปรากฏเมื่อ 3 week และจะเพิ่มตัวและจำนวนมากขึ้น
Embryonic cells จะเปลี่ยนเป็น Stem cell มีหน้าที่สร้างเม็ดเลือด
ในผู้ใหญ่ ไขกระดูกเป็นอวัยวะสำคัญในการสร้างเม็ดเลือด
ERYTHROPOIESIS
เป็นการสร้าง erythrocyte ที่ไขกระดูก
ผู้ใหญ่ ส่วนที่สร้างเม็ดเลือดคือ bone marrow หรือ myeloid tissue
พบในซี่โครง
ในการสร้างเม็ดเลือดจะต้องการ Amino acid, Iron, Vitamin B12
การสร้างเม็ดเลือดแดงจะถูกควบคุมโดยฮอร์โมน Erythropoiesis –
stimulating hormone หรือ erythropoietin (EPO)
กลไกป้องกันการสูญเสียเลือด
การหดตัวของหลอดเลือด
การมีเกล็ดเลือดมายึดติด
กลไกการเเข็งตัวของเลือด
เกล็ดเลือด (Platelets)
Megakaryocyte สร้าง structure protiens และ
membranes หลุดออกมาเป็นเกล็ดเลือก
หน้าที่: ขนส่งสารเคมีที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด โดยการปล่อย Enz และ factors และสร้าง Pacth ในบริเวณที่ผนังเลือดถูกทำลาย ทำให้เลือดไหลน้อยลง และทำให้ก้อนเลือดที่อุดตันแผลแข็งแรง
Platelets (~350,00/1ML) จะอยู่ในระบบไหลเวียนได้ประมาณ
10-12 วัน ก่อนถูกทำลายโดย Phagocytes
ปริมาณเกล็ดเลือดที่ต่ำกว่าปกติ เรียกว่า Thrombocytopenia
เกล็ดเลือดเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการแข็งตัวของเลือด เรียกว่า Hemostasis ประกอบด้วย Plasma protein , Cell และ Tissue ต่างๆ
Hemostasis ป้องกันการสูญเสัยเลือดจาก vessels ที่ถูกทำลาย
มีหลายขั้นตอน และหากมีการขัดขวาง อาจทำให้เกิดความผิดปกติของกระบวนการได้
เซลล์เม็ดเลือดขาว
(Erythrocytes) : RBCs
หมู่เลือด (Blood type)
Agglutinins and
cross reactions
หมู่เลือด A ในพลาสมาจะมี Anti – B agglutinogen
หมู่เลือด O ในพลาสมาจะมี Anti – A และ Anti - B agglutinogen
หมู่เลือด AB ในพลาสมาจะไม่มี Anti – B agglutinogen
หมู่เลือด B ในพลาสมาจะมี Anti – A agglutinogen
หมู่ RH
O – Negative or O - Positive
Rh positive มี Rh agglutinogen หรือ Rh factor
Rh negative ไม่มี Rh agglutinogen หรือ Rh factor
แบ่งเป็นหมู่ต่าง ๆ
หมู่เลือด O จะมี Agglutinogen Oที่ผนังเซลล์
หมู่เลือด AB จะมี Agglutinogen AB ที่ผนังเซลล์
หมู่เลือด B จะมี Agglutinogen B ที่ผนังเซลล์
หมู่เลือด A จะมี Agglutinogen A ที่ผนังเซลล์
Antigen มีลักษณะเฉพาะ
มีอยู่อย่างน้อย 50 ชนิด มี 3 ชนิด
Agglutinogen D (Rh)
Agglutinogen B
Agglutinogen A
ที่ผนัง RBC มี Glycoprotiens หรือ Glycolipids อยู่
เรียกว่า aggutinogens หรือ surface antigens
Hemoglobin
ใน RBCs 1 เซลล์ ประกอบด้วย Hb ประมาณ 280 ล้านโมเลกุล
RBC เจริญเต็มที่จะมีผนังเซลล์หุ้มรอบ cytoplasm
ภายในมี น้ำ และโปรตีน
ฮีโมโกลบิน 1 โมเลกุล ประกอบด้วย
เหล็ก จับกับคาร์บอนไดออกไซด์
Heme 1 โมเลกุล ประกอบด้วย เหล็กที่จับและปล่อยกับออกซิเจน
โปนตีน 4 ยูนิต แต่ละยูนิตประกอบด้วย Heme 1 โมเลกุล
Hb ทำให้เซลล์สามารถนำออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์
Hb เป็นเม็ดสีแดง จึงทำให้เลือดสีแดง
Hematocrit
ปริมาตรของเม็ดเลือดแดง เรียกว่า Hematocrit
ชาย: 45 % หญิง: 42 %
เมื่อนำเลือดมาปั่น เม็ดเลือดแดงจะตกตะกอนอยู่ชั้นล่าง
พลาสมาอยู่ชั้นบน ระหว่างชั้นมีเกล็ด
RBC life span and Circulation
ปริมาณเม็ดเลือดแดงขึ้นอยู่กับอายุ กิจกรรมต่าง ๆ ภูมิอากาศ ระดับความสูงของที่อยู่อาศัย (ออกซิเจนในที่สูง) และพยาธิสภาพของโรคที่เกิดกับร่างกาย
มีอายุ 120 วัน เคลื่อนที่ได้ 700 ไมล์ หลังเดินทางเซลล์จะแตก
และถูกทำลาย โดย Phagocytic cell
จำนวนเม็ดเลือดแดงจะมีประมาณ 4.3 - 5.8 ล้านเซลล์
ชาย: 5.1 - 5.8 ล้านเซลล์
หญิง: 4.3 - 5.2 ล้านเซลล์
ไม่มี mitochondria นำออกซิเจนไปเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้ดี
ไม่มี Ribosome และ nuclei จึงไม่มีการสร้างโปรตีน
ระหว่างการเติบโต จะเสียส่วนต่าง ๆ ภายในเซลล์
เหลือแต่โครงสร้าง
หน้าที่: ขนส่งออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์
โดยจับกับ hemoglobin
เป็นเซลล์แบน ตรงกลางเว้าเข้าหากัน ไม่มีนิวเคลียส
มีอายุ 120 วัน มีความยืดหยุ่นสูง บิดตัว หรืองอตัวได้
กระบวนการสร้างเม็ดเลือดขาว
(Leukopoiesis)
Granulocyte สร้างและเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์
ใน myeloidtissue
Monocyte จะเปลี่ยนแปลงใน BM เข้าสู่ระบบไหลเวียนและเจริญเต็มที่เป็น free macrophage ใน peripheral tissue
Lymphocyte เริ่มต้นใน BM เรียกว่ากระบวนการ lymphopoiesis และจะเข้าไปอยู่ใน Thymus
B – cell และ NK - cell สร้างจาก BM
T – cell สร้างใน Thymus
หลังจากการสร้างเซลล์เหล่านี้
จะเคลื่อนเข้าสู่ม้าม tonsils lymphnods
เรียก BM และ Thymus ว่าเป็น
primary lymphoid organs
เรียกม้าม tonsils lymphnods
ว่าเป็น secondary lymphoid organs