Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 5 ขั้นตอน, เด็กชาย ภัทรชัย ลาบึง ชั้นม.2/1 เลขที่8…
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 5 ขั้นตอน
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์(Science Process Skill)
เป็นความสามาถความชำนาญในการเลือกและการใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อค้นหา คำตอบหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ
ทักษะขั้นพื้นฐานมี 8 ทักษะ
1.ทักษะการสังเกต
2.ทักษะการวัด
3.ทักษะการคำนวณ
4.ทักษะการจำแนกประเภท
5.ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่าง สเปสกับสเปส และ สเปสกับเวลา
6.ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล
7.ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล
8.ทักษะการพยากรณ์
ทักษะขั้นบูรณาการ มี 5 ทักษะ
9.ทักษะการตั้งสมมติฐาน
10.ทักษะการกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ
11.ทักษะการกำหนดและควบคุมตัวแปร
12.ทักษะการทดลอง
13.ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
วิธีการทางวิทยาศาสตร์
เป็นวิธีการที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์
วิธีการทางวิทยาศาสตร์มี5ขั้นตอน
1.ระบุปัญหา
2.การตั้งสมมติฐาน
3.การทดลอง
4.การวิเคราะห์ข้อมูล
5.การสรุปผล
ทักษะการสังเกต
เป็นความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง5เข่าไปศึกษารายละเอียดของสิ่งที่ศึกษา โดยการสังเกตต้องไม่ใส่ความคิดเห็นลงไป
ทักษะการวัด
หมายถึง การเลือกใช้และใช้เครื่องมือวัดในการวัดหาปริมาณของสิ่งต่างๆออกมาเป็นตัวเลขที่แน่นอนได้อย่างเหมาะสมกับสิ่งที่วัด
ทักษะการจำแนกประเภท
หมายถึง ความสามารถในการแบ่งพวก หรือเรียงลำดับวัตถุ โดยมีเกณฑ์ที่ใช้โดยทั่วไป มี3 อย่างคือ ความเหมือน ความแตกต่าง ความสัมพันธ์
ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่าง สเปสกับสเปส และ สเปสกับเวลา
หมายถึง การหาความสัมพันธ์ระหว่างมิติของวัตถุระหว่างตำแหน่งที่อยู่ของวัตถุ หนึ่งกับอีกวัตถุหนึ่ง และระหว่างการเปลี่ยนตำแหน่งหรือมิติของวัตถุกับเวลาที่เปลี่ยนไป
ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล
เป็นการนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากวิธีการต่าง ๆ มาจัดกระทำให้อยู่ในรูปแบบที่มีความหมายหรือ มีความสัมพันธ์กันมากขึ้น รวมทั้งนำข้อมูลมาจัดกระทำในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แผนภาพ แผนภูมิ ตาราง กราฟ การเขียนบรรยาย สมการ เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจความหมายได้ง่ายขึ้น
ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล
เป็นการใช้ความคิดเห็นจากความรู้หรือประสบการณ์เดิม เพื่ออธิบายข้อมูลที่ได้จากการสังเกตอย่างมีเหตุผล โดยอาศัยข้อมูล หรือสารสนเทศที่เคยเก็บรวบรวมไว้ในอดีต
ทักษะการพยากรณ์
เป็นการคาดคะเนผลลัพธ์ของปรากฏการณ์ สถานการณ์ การสังเกตหรือการทดลองไว้ล่วงหน้า โดยอาศัยข้อมูล หรือประสบการณ์ของเรื่องนั้น ที่เกิดซ้ำ ๆ เป็นแบบรูปมาช่วยในการคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้น
ทักษะการตั้งสมมติฐาน
หมายถึง การตั้งคำถามหรือคิดคำตอบ ล่วงหน้าก่อนการทดลองเพื่ออธิบายหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่าง ๆ ว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรโดย สมมติฐานสร้างขึ้นจะอาศัยการสังเกต ความรู้และประสบการณ์ภายใต้หลักการ กฎ หรือทฤษฎีที่สามารถ อธิบายคำตอบได้
ทักษะการกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ
หมายถึง ความสามารถในการกําหนด ความหมายและขอบเขตของคําหรือตัวแปรต่างๆ ให้เข้าใจตรงกัน สามารถสังเกตและวัดได้
ทักษะการกำหนดและควบคุมตัวแปร
หมายถึง การชี้บ่งตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรที่ต้องควบคุม ในสมมติฐานหนึ่ง การควบคุมตัวแปรนั้นเป็นการควบคุมสิ่งอื่นๆ นอกเหนือจากตัวแปรต้นที่จะทำให้ผลการทดลองคลาดเคลื่อน ถ้าหากว่าไม่ควบคุมให้เหมือนกัน
ทักษะการทดลอง
หมายถึง ความสามารถในการปฏิบัติการ เพื่อทดสอบสมมติฐานที่ตั้งขึ้น โดยใช้ทักษะต่างๆ เช่น การสังเกต การวัด การพยากรณ์ การตั้ง สมมุติฐาน ฯลฯ
ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
หมายถึง การแปลความหมายหรือการบรรยายลักษณะ และสมบัติของข้อมูลที่มีอยู่ และในบางครั้งอาจ ต้องใช้ทักษะอื่นๆ ด้วยเช่น ทักษะการสังเกต ทักษะการคำนวณเป็นต้น เป็นการลงข้อสรุปหา ความสัมพันธ์ของข้อมูลทั้งหมด
ทักษะการคำนวณ
หมายถึง การนับจำนวนของวัตถุและการนำตัวเลขที่นับได้มาคิดคำนวณโดยการ บวก ลบ คูณ หารหรือหาค่าเฉลี่ย
เด็กชาย ภัทรชัย ลาบึง ชั้นม.2/1 เลขที่8