Case กรณีศึกษา เด็ก อายุ 3เดือน15 วัน

Salmonella

Febrile convulsion

Diarrhea

Meningitis

ภาวะแทรกซ้อน

การรักษา

รักษาตามอาการ

เฝ้าระวังไข้สูง

V/S ปกติ

ให้สารน้ำ

รักษาด้วยยา

Diazepam

Pt. Diazepam
เพื่อรักษาอาการชัก

ลดอาการบวมของสมอง

Prednisolone

Dexamethazone

V/S

Pt.มี v/s

ยากันชัก

ยาปฏิชีวนะ

  1. Penicillin
  2. Gentamycin
  3. ceftriazone
  4. ciprofloxacin

Pt. ceftriazone
ciprofloxacin

Salmonella เป็นเชื้อแบคทีเรียนที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในลำไส้ เกิดการดึงน้ำจากผนังลำไส้เขาสู่โพรงลำไส้รบกวนการดูดซึมน้ำและอิเลคโตรลัยท์ จากนั้นกล้ามเนื้อบริเวณลำไส้บีบตัวอย่างแรงหลายครั้งส่งผลให้อุจจาระที่ ขับออกมามีลักษณะเหลวและต้องถ่ายหลายครั้งเพื่อเป็นการกำจัดของเสีย ออกจากร่างกายจึงเกิดภาวะขาดสารน้ำและอิเลคโตรลัยท์ การดูดซึมอาหารลดลงเด็กมีอาการขาดสารอาหาร

เพื่อ ฆ่าเชื้อ salmonella ที่เป็นแกรมบวก

Pt.เฝ้าระวังอาการไข้สูง
pt ได้ยาลดไข้ Brufen syrup เพื่อลดไข้ให้สารน้ำ 5%D/N/4

การตรวจโดยทั่วไป

การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) เป็นการใช้รังสีเอกซเรย์ในการสร้างภาพฉายบริเวณสมอง

การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI scan) เป็นการใช้คลื่นวิทยุร่วมกับคลื่นสนามแม่เหล็กแรงสูงช่วยสร้างภาพถ่ายโครงสร้างภายในสมองและเนื้องอกที่เยื่อหุ้มสมอง แต่จะให้ความละเอียดที่มากกว่า

ตรวจด้วยเครื่องถ่ายภาพรังสี (PET scan) หากตรวจพบว่ามีเนื้องอกในสมอง แพทย์อาจส่งตรวจอวัยวะอื่นๆ ร่วมด้วย เพื่อหาตำแหน่งของเซลล์มะเร็งที่อาจแพร่ลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ต่อไปได้

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจวินิจฉัย (Biopsy) หาความผิดปกติของเนื้อเยื่อว่าเป็นเนื้องอกที่อยู่ในขั้นและระดับความรุนแรงใด เป็นเนื้อร้ายหรือไม่ เพื่อวางแผนการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป

การตรวจที่ผู้ป่วยได้รับ

1•การซักประวัติ
2.จากอาการและอาการแสดงการตรวดน้ำไขสันหลัง โดยการเจาะหลัง (lumbar puncture) พบว่า น้ำไขสันหลังมีลักษณะ น้ำตาลต่ำ เม็ดเลือดขาวในน้ำไขสันหลังสูงสูง (มากว่า 1,000 เซลล์/ลูกบาศก์มิลลิเมตร) แรงตันน้ำไขสันหลังสูงสูงสูง โดยปกติ น้ำโขสันหลังจะใส ไม่มีสี มีแรงตันน้ำไขสันหลัง 70-200 มิลลิเมตรน้ำ น้ำตาล 40-100 มิลลิกรัม/เคชิลิตร โปรตีน 15-40 มิลลิกรัม/เดซิลิตร และเม็ดเลือดขาว 0-5 เซลล์/ลูกบาศก์มิลลิเมตร

โรคอุจจาระร่วงที่เกิดจากการติด เชื้อนั้นสาเหตุมาจากแบคทีเรีย ได้แก่ เชื้ออหิวาตกโรค เชื้อบิด(Shigella),Vibrio parahaemolyticus, Salmonella, E.coli, Campylobacter, Yersinia ฯลฯ โปรโตชัว และอาจเกิดจากเชื้อปรสิต ในลำไส้ เช่น Giardia, Amoeba ฯลฯ หรือจาก เชื้อไวรัสหลายชนิด นอกจากนี้โรค ติดเชื้อ อื่น ๆ เช่น มาลาเรีย หัด หนอนพยาธิบางชนิด หรือสารเคมี
บางอย่าง ทำให้เกิดอุจจาระร่วงได้

สาเหตุ

พยาธิสภาพ

ความหมาย

ภาวะที่มีการถ่ายอุจจาระเป็นส่วนน้ำของอุจจาระมากกว่าส่วนเนื้อ และถ่ายจำนวนมากกว่า 3 ครั้ง/ วัน หรือมีมูกเลือดปนอย่างน้อย 1 ครั้ง/วัน มักจะกลั้นอุจจาระไว้ได้ไม่นาน หรือไม่ได้เลย

อาการและอาการแสดง

-อาเจียน

-ไข้

แบบประคองอาการ

Simple febrile convulsion

พยาธิ

การมีไข้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเมตาบอลิซึมของเซลล์ประสาทสมอง ทำให้เซลล์ประสาทไวต่อการเกิดอาการชักได้มากขึ้น มีลักษณะชักเกร็งหรือเกร็งร่วมกับกระตุกทั้งตัว ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับอายุและการเจริญเติบโตของสมองด้วย สมองที่เจริญเต็มที่มากขึ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงของเมตะบอลิซึมหลังจากที่เกิดไข้น้อยหลังโอกาสที่จะเกิดอาการชักน้อยลง

ชักเกร็งหรือกระตุกทังตัว มักเป็นครังเดียว

ไม่มีความผิดปกติของระบบประสาททังขณะ ก่อน และหลังชัก

ไม่พบความผิดปกติของคลืนสมอง (EEG)

ชักนาน 2-3 นาที ไม่เกิน15 นาที

Complex febrile convulsion

มีประวัติชักจากไข้สูงในครอบครัว

หลังชักอาจมีอัมพาตแขน/ขา ข้างหนึง และมีความผิดปกติของ
ระบบประสาทขณะก่อนและหลังชัก

มีพบความผิดปกติของคลืนสมอง

ชักหลายครังในการมีไข้คราวเดียว

มีประวัติครอบครัวเป็นลมบ้าหมู
(Epileptic seizure)

ชักนาน 10-15 นาที

สาเหตุ

อาการชักที่เกิดขึ้นขณะมีไข้ เนื่องจากเป็นโรคติดเชื้อชนิดใดชนิดหนึ่ง

โดยไม่รวมถึงการติดเชื้อของสมองและเนื้อเยื่อหุ้มสมอง

พบมากในเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 5 ปี (พบมากที่สุดในช่วง 3 ปีแรก)

ไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส ขึ้นไป

ส่วนใหญ่มักมีใช้จากโรคติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด หัด ไข้

ผื่นกุหลาบในทารก ท้องเดินจากไวรัส เป็นต้น นอกจากนี้

ยงเกิดจากบิดช็เกลลา ทอนซิลอักเสบ หขั้นกลางอักเสบ

เฉียบพลัน หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน และปอดอักเสบ

อาการ

การรักษา

  1. ถ้าพบเด็กขณะมีอาการชัก ให้ถอดเสื้อผ้าเด็กออกแล้วใช้ผ้า ชบน้ำก๊อกโปะทั้งตัว เปลี่ยนผ้าชบน้ำใหม่ทก 2 นาที ถ้าชัก นานเกิน 15 นาที ให้ใดอะซีแพม ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ หรือ เหน็บทางทวาร ถ้าไม่หยุดชัก หรือมีอาการซึมไม่ค่อยรู้สึกตัว หรืออาเจียนมาก ควรส่งโรงพยาบาลด่วน
  1. ในกรณีที่เด็กหยดชักแล้ว ควรค้นหาสาเหตุของอาการชัก และ ให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ ควรส่งเด็กไปโรงพยาบาลโดย เร็ว ถ้าเด็กมีอาการชักเป็นครั้งแรก เด็กมีอายต่ำกว่า 6 เดือน หรือมากกว่า 5 ปี หรือมีอาการชักจากไข้ชนิดซับซ้อน

การตรวจ

ประเมินจากอายุ ประวัติการชัก พัฒนาการ และประวัติการชัก จากใช้ในครอบครัว ที่สำคัญ คือ ต้องแยก ภาวะอ็มๆ โดยเฉพาะ การติดเชื้อในระบบประสาทส่วนกลางออกให้ได้ก่อน

1.การติดเชื้อของระบบประสาท (เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมอง อักเสบ) เป็นภาวะที่ต้องแยกให้ได้ร้อยละ 40 ของเด้กอายุน้อย กว่า 1 ปี ที่เป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบไม่มีอาการแสดงของ การระดายเยื่อหุ้มสมอง ดังนั้นต้องอาศัยประวัติการตรวจร่างกา ยอื่นๆ ประกอบ เช่น ระดับความรู้สึกตัว ความโป่งดิ่งของ กระหม่อม หากแยกไม่ได้ ต้องพิสูจน์โดยการตรวจน้ำ ไขสันหลัง

2.อาการหนาวสั่น (Shaking chil) เป็นกลไกการตอบสนอง เมื่อมีใช้ตามปกติ แต่บ่อยครั้งผู้ปปกครองเข้าใจผิดคิดว่าเด็กชัก ลักษณะการสั่นจะเป็นจังหวะ (fhythnic oscllation) ตามข้อต่อต่างๆ ไม่มีการกระตุกที่ใบหน้าหรือกล้ามเนื้อที่ใช้ในการ หายใจ อาการสั่นเป็นจังหวะทั้งตัว โดยที่ระดับความรู้สึกตัวไม่ เปลี่ยนแปลง ท่าให้แยกจากอาการชักได้

3.อาการชักในเด็กที่มีโรคลมซักอยู่เดิม โดยครั้งนี้มีนี้มีภาวะไข้เป็น ปัจจัยเหนี่ยวนำให้เกิดอาการชักได้ง่ายกว่าภาวะปกติ

Pt
ผู้ป่วยเพศชาย อายุ 3 เดือน 15 วัน
มีไข้ 39.9องศาเซียลเซียส
มีอาการชักซ้ำ
ชักครั้งแรกก่อนมาโรงพยาบาล
ชักครั้งสองที่โรงพยาบาล

เด็กจะมีใช้ ร่วมกับอาการของโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น เป็นหวัด เจ็บคอ ไอ ท้องเดน เป็นบิด เป็นต้น แล้วต่อมามีอาการ ชัก(ส่วนใหญ่จะชักแบบกระตกทั้งตัว) ตาค้าง กัดฟันฟัน กัดลิ้น นานครั้งละ 2-3 นาที (มักไม่เกิน 5-15 นาที) โดยมากจะชัก เพียง 1 ครั้ง หลังจากนั้นจะไม่ชักซ้ำอีก ลักษณะการที่ชัก ที่พบมากคือ generalized tonic-clonic ระยะเวลาชักเป็นเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 1-2 นาที ไข้มากกว่าหรือเท่ากับ 39 องศาเซลเซียส

Pt ผู้ป่วยมีอาการชักเกร็ง กระตุกทั้งตัว นาน 2 นาที ตาเหลือกค้าง
และชักซ้ำ หลังรักษา 48 ชั่วโมง ผู้ป่วยมีอาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว 3 นาที
มีไข้ 39.9 องศาเซลเซียส

Pt. มีการตรวจLP. เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอาการชัก
โดยดูจะค่า CSF

อุจจาระเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำ

ภาวะขาดน้ำ

1.ประวัติอาการและประวัติรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม และลักษณะอุจจาระ สี กลิ่น
2.การตรวจร่างกาย เช่น ตรวจชีพจร ตรวจหน้าท้อง รวมถึงประเมินภาวะขาดน้ำและเกลือแร่

การวินิฉัย

การรักษา

การป้องกันภาวะทุพโภชนาการ

การใช้ยาปฏิชีวนะและยาต้านอุจจาระร่วง

การป้องกันและการรักษาภาวะขาดน้ำ

1.ยาฤทธิ์ดูดซับ (Adsorbents) แนวคิดของการ ใช้ยากลุ่มนี้ คือ ยาจะ ดูดซับเชื้อ แบคทีเรีย ไวรัส สารพิษต่าง ๆ รวมทั้งกรดน้ำดี บางคนเชื่อ ว่า ยานี้เข้าไปเคลือบเยื่อบุลำไส้เป็นการ ป้องกัน มิให้เกิดอันตรายต่อลำไส้

2.ยาที่ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ ยาในกลุ่มนี้ไม่แนะนำให้ใช้ในการ รักษาโรคอุจจาระร่วง เฉียบพลันในเด็ก เนื่องจากมีพิษ ต่อระบบประสาท ถ้าให้เกินขนาด และในกรณี invasive diarrhea ทำให้เชื่อ เข้าผนัง ลำไส้ได้มากขึ้น นอกจากนี้ในเด็กอาจมี ความไวต่อยานี้สูงมากจนเกิด ภาวะพิษได้ จึงไม่สมควรใช้ ในเด็ก ประโยชน์ที่จำกัดของยากลุ่มนี้คือ อาจใช้ในรายที่มีอาการ ปวดท้องเป็นอาการเด่นร่วมด้วย ซึ่งถ้าใช้ ต้อง ระมัดระวังให้ขนาดที่ถูกต้อง

3.ยาที่ดูดซึมน้ำ (Hydrophilic agents) ยาในกลุ่มนี้จะดูดซึมน้ำเข้า มาในตัวยา ทำให้เห็นว่าอุจจาระมีเนื้อ มากขึ้น ดูเหมือนอาการอุจจาระ ร่วงดีขึ้น แต่มีการศึกษาพบว่าจะมีการสูญเสีย เกลือแร่และน้ำไปไปใน อุจจาระมากขึ้นเพราะยาดูดซึมเอาไว้ยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ Plantage seed และ Polycarbophil

1.การทดแทนน้ำและอีเล็คโหรลัยท์เป็นสิ่งจ่าเป็นอย่างยิ่งในผู้ป่วยโรค อุจจาระร่วง ได้มีการรักษา โดยให้สารน้ำทางปากและต่อมามีการ ศึกษา ยืนอันวาการดูดซึมของโซเดือมเกิดขึ้นถ้ามีน้ำตาลอยู่ด้วย โดยโชเดืยม จับคู่กับกลูโคสดูดซึมเข้าเยื่อบุลำไส้ด้วยกันน้ำจะถูกดึงเข้าไปด้วย

2.การรักษากกระขาดด้วยสารนำทางปาก ในเด็กที่มีภาวะชาดน้ำน้อยถึง ปานกลาง โดยจะเน้นการแก้ไขกาวะขาดน้ำ (dencit) ใน 4-6 ชั่วโมงแรก ด้วยสารละลายน้ำตาลเกลือแร่หรือโอยาร์เอส (ORS) บริมาณของสารน้ำ สำหรับแก้ไขกาวะน้ำในช่วง 4 ชั่วโมงแรกต่อด้วย maintenance ให้คิด ปริมาณดังนี้ คือ ขาดน้ำน้อย ให้สารน้ำทางปาก 50 มล.กก. ใน 4 ชม. แรกและให้ maintenance 100 มล.กก. จนดรบ 24 ชั่วโมง ขาดน้ำปานกลาง ให้สารน้ำทางปาก 100 มล.กก. ใน 4 ชม. แรกและ ให้ maintenance 100 มล. กก. จนครบ 24 ช้าโมง) ขาดน้ำมาก ให้สารน้ำทางปากให้เร็วและมากที่สุดพร้อมทั้งส่งต่อโรง พยาบาลเพื่อให้สารน้ำทางหลอดเลือด (TV, fuid)

  1. ป้องกันภาวะทุพโภชนาการโดยการให้อาหารระหว่างมีอาการอุจจาระร่วงและหลังจากหายแล้ว การให้อาหารแก่เด็กระหว่างท้องร่วงและหลังจากหายเพื่อป้องกันการขาดอาหาร เริ่มอาหารหลังจากให้ORSทางปากแล้ว 4 ชั่วโมง
  1. ถ้าไม่ได้เลี้ยงด้วยนมแม่ให้ปฏิบัติดังนี้ เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือนกินนมผสม ผสมตามปกติ แต่แบ่งให้เด็กกินครึ่งเดียวสลับกับสารละลายน้ำตาล เกลือแร่ORS อีกครึ่งหนึ่งปริมาณเท่ากับนมที่เคยกินตามปกติ เด็ก 6 เดือนขึ้นไปให้อาหารที่มีประโยชน์ซึ่งเตรียมเป็นอาหารเหลวที่ย่อยง่ายเช่นโจ๊ก ข้าวต้มผสมกับผัก ปลาต้ม

ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ

CBC: WBC 38,000 เซล/มล., Hgb 9.5 กรัม/ดล., HCT 26.7%, MCV 73.4, MCHC 35.6,

platelets count 433,000 เซล/มล. Neutrophil 54%, Lymphocyte 26%, Band from 16%,

Monophil 4%

จากผลตรวจทางห้องปฏิบัติการบ่งบอกว่ามีภาวะซีด
Hct.26.7%
MCV 73.4
MCHC 35.6
Hbg 9.5 g/dL

ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ข้อที่ 3 มีภาวะซีด

ข้อมูลสนับสนุน
S: แม่ผู้ป่วยบอกว่ามีอาการอ่อนเพลีย
O: Hb= 9.5 g/dl. HCT =26.7% MCV =73.4 fL. MCHC =35.6


วัตถุประสงค์
ไม่มีภาวะซีดลดลง


เกณฑ์การประเมิน
1.ไม่มีอาการอ่อนเพลีย

  1. Hb=11-16 g/dl
    3.Hct=30-40%
    4.MCV 98-108 fL.


กิจกรรมการพยาบาล

  1. ประเมินอาการอ่อนเพลียภาวะซีดเพื่อทำให้ทราบถึงภาวะซีดให้การพยาบาลอย่างถูกต้อง
  2. ประเมินผู้ป่วยโดยวัดv/s ทุก4 ชั่วโมงวัดค่าอิ่มตัวของออกซิเจนเพื่อสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากภาวะซีด
  3. ประเมินความสามารถในการ ทำกิจกรรมเพื่อวางแผนการพยาบาล ได้ ถูกต้อง
    4.ประเมินผู้ป่วยในขณะให้เลือดและหลังให้เลือดโดยวัดv/s และ Hct เพื่อติดตามอาการและอาการเปลี่ยนแปลงของภาวะซีด
    5.ดูแลให้การช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวันเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ
    6.ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการHb,Hct เพื่อประเมินภาวะซีดตามแผนแผนการรักษาของแพทย์

จากการศึกษาพบว่าเด็กมีอาการไข้ ตัวร้อน ไม่มีน้ำมูกถ่ายเหลวเป็นน้ำมากกว่าเนื้อ 3 ครั้ง การวินิฉัยสุดท้ายพบ Salmonella Serotype Panama meningitis

ข้อวินิฉัยทางการพยาบาล
ข้อที่ 2 มีภาวะไม่สมดุลของน้ำและอิเล็กโทรไลด์

วัตถุประสงค์
ไม่มีภาวะ Hyponatremia


เกณฑ์การประเมิน
1.ผู้ป่วยไม่มีอาการอ่อนเพลีย
2.Sodium=135-145 mmol/L
3.สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
T 36.5-37.4 RR 50-60 ครั้ง/นาที
PR 120-160 ครั้ง/นาที BP90-139/60-89 mmHg

กิจกรรมการพยาบาลเเละเหตุผล


1.ประเมินสัญญาณชีพทุก 4ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการเปลี่ยนเเปลง
2.ประเมินอาการของภาวะhyponatremai ได้เเก่ อ่อนเพลีย ชัก กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดกล้ามเนื้อ เพื่อติดตามอาการเปลี่ยนแปลง
3.สังเกตอาการตึงตัวของผิวหนัง อาการปากเเห้งเพื่อประเมินอาการขาดน้ำ
4.ประเมินปริมาณน้ำเข้าออกจากร่างกายทุก4ชั่วโมงเพื่อประเมินสมดุลน้ำในร่างกาย
5.ดูแลให้ได้รับสารน้ำ 5%D/N/4 ตามแผนการรักษาแพทย์
6.ติดตามประเมินผลตรวจทางห้องปฏิบัติการได้แก่ Na เพื่อประเมินภาวะสมดุลของน้ำและอิเล็กโทรไลต์ ระดับโซเดียมในเลือดมากกว่า 145 mmol/L อาจมีอาการ คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ สับสน กล้ามเนื้ออ่อนแรง ระดับโซเดียมใยเลือดต่ำกว่า 135 mmol/L อาจมีอาการ ซีด ไม่รู้สึกตัว ชัก ในกรณีที่ต่ำกว่า 110 mmol/L ถือเป็นระดับวิกฤต
อาจเสียชีวิตได้

ผู้ป่วย มีไข้สูง38.9 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดอาการชักเกร็ง กระตุกทั้งตัว นาน2นาที หลังจากได้รับการรักษา 48 hr.ผู้ป่วยมีอาการผู้ป่วยมีไข้สูงขึ้นอีกครั้ง 39.9 องศาเซลเซียสทำให้เกิดอาการชักซ้ำ ชักเกร็งกระตุกทั้งตัว นาน3นาที

ข้อวินิจฉัยที่ 4
มีโอกาสเกิดภาวะชักซ้ำเนื่องจากมีไข้สูง

วัตถุประสงค์
1.ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะชัก
2.ผู้ป่วยไม่เกิดอุบัติเหตุ


เกณฑ์การประเมิน
1.สัญญาญชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
T 36.4-37.2 Ċ
PR 120-160 /min
RR 50-60/min
BP 90-60 mmHg
2.ไม่ตกเตียง ไม่มีรอยฟกซ้ำหรือบาดแผล

กิจกรรมการพยาบาล

1.บันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมงถ้ามีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียสให้เช็ดตัวถ้าไข้สูงกว่า38.5 องศาเซลเซียสให้เช็ดตัวลดไข้ภายหลังการเช็ดตัวลดไข้ครึ่งชั่วโมงวัดใช้ซ้ำถ้าใช้ยังสูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียสให้ยาลดไข้ตามแผนการรักษาเพื่อป้องกันการซักจากใช้สูง

  1. ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดถ้ามีอาการชักจะได้รับการช่วยเหลือได้ทันท่วงที
  1. ดูแลให้การพยาบาลขณะที่มีอาการซักจากไข้สูง อาการซักจากใช้สูงเพื่อป้องกันอันตรายจากการชักดังนี้

3.1 คลายเสื้อผ้าผู้ป่วยออกให้หลวมโดยเฉพาะรอบคอเพื่อให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวก

3.2ดูแลเรื่องของระบบทางเดินหายใจเด็กให้สะดวกโดยจัดให้นอนตะแคง ศีรษะต่ำกว่าลำตัว ดูดเสมหะถ้ามีเสมหะหรือน้ำลายมากเพื่อ ป้องกันการสำลักเสมหะเข้าปอดหรือให้ออกซิเจนเมื่อเด็กมีอาการเขียวขณะมีอาการชัก

3.3 ไม่ผูกยึดเด็กหรือจับเด็กขณะที่มีอาการชักเพื่อป้องกันการเกิดข้อไหล่หลุดหรือกระดูกหัก

3.4ระมัดระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขณะมีอาการชักเช่นการตกเตียงการกระทบกระแทกกับขอบเตียงกระดูกหักหรือข้อเคลื่อนเป็นต้น

  1. สังเกตและบันทึกระยะเวลาของการซัก ลักษณะการซัก
  1. สังเกตริมฝีปาก วัดปลายมือปลายเท้า ลักษณะการหายใจ 02 sat
  1. รายงานแพทย์เพื่อให้การรักษาที่เหมาะสม
  1. ดูแลให้เด็กนอนหลับพักผ่อน ภายหลังจากมีอาการซัก และไม่รบกวนเด็กโดยไม่จำเป็น

S:แม่ผู้ป่วยบอกว่าผู้ป่วยมีไข้สูงและมีอาการชักเกร็ง กระตุกทั้งตัว นาน2นาที
O:มีประวัติครอบครัวพี่ชายเคย
มีประวัติชักเวลาไข้
T=38.9 องศาเซลเซียส
PR=162/min
RR=48/min
BP=92/64 mmHg

จากกรณีศึกษาพบว่าเด็กมีไข้ ตัวร้อนไม่มีน้ำมูก ถ่ายเหลวเป็นน้ำมากกว่าเนื้อ3ครั้ง ผู้ดูแลได้ซื้อยาลดไข้มารับประทานเองที่บ้าน แล้วมีชักเกร็ง กระตุกทั้งตัวนาน2นาที ตาเหลือกค้าง 30นาทีก่อนมาโรงพยาบาล

S: แม่ผู้ป่วยบอกว่าเด็กมีอาการอ่อนเพลีย


O: เด็กมีอาการอ่อนเพลีย
potassium 4.71mEq/l
Sodium=129 mmol/L
มีอาการชักเกร็ง
T 38.9 RR 48 ครั้ง/นาที PR 162 ครั้ง/นาที
BP 92/64 mmHg


ข้อวินิฉัยทางการพยาบาล
ข้อที่5 ผู้ดูแลพร่องความรู้ในการดูแลบุตร

S: 30 นาทีก่อนมาโรงพยาบาล มีอาการชักเกร็ง กระตุกทั้งตัว นาน 2 นาที มารดาซื้อยาลดไข้มาให้รับประทานเองที่บ้าน


O: ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Rectal swab culture ผู้ดูแลพบเชื้อ

วัตถุประสงค์
เพื่อส่งเสริมให้ผู้ดูแลมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลบุตร


เกณฑ์การประเมิน
ผู้ดูแลสามารถอธิบายการเกิดโรคได้
ผู้ดูแลสามารถอธิบายเกี่ยวกับการดูแลบุตรได้

กิจกรรมการพยาบาล


D Diagnosis
1.ประเมินความรู้ที่ผู้ดูแลว่ามีความรู้เกี่ยวกับโรค ที่บุตรเป็น เพื่อทราบว่าความรู้ที่ผู้ดูแลรู้เกี่ยวกับโรค ถูกต้อง และให้ความรู้ถึงสาเหตุอาการ การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรค


M Medicine H
1.แนะนำการใช้ยาเมื่อกลับไปอยู่บ้าน Ceftriaxone ขนาดยา ปริมาณ 65 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยแบ่งให้วันละ 1–2 ครั้ง อาการข้างเคียงรู้สึกร้อน อ่อนเพลีย ผิวซีด ผิวลอก ผิวเป็นตุ่มพอง มีเลือดออกง่าย Diazepam ไม่ทราบข้อมูล


Environment

  1. แนะนำให้ผู้ดูแลทำความสะอาดร่างกายบุตร เช่น ตัดเล็บ แปรงฟัน เช็ดหน้า ทำความสะอาดที่หู
  2. ที่พักอาศัยต้องมีอากาศที่ถ่ายเท
  3. เก็บสิ่งของเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้

Treatment
1.แนะนำให้ผู้ดูแลสังเกตอาการที่ควรมาพบแพทย์ ดังนี้

  • มีไข้สูงกว่า 36.1-37.7 องศาเซลเซียส
  • มีอาการชัก

Health
1.แนะนำให้ผู้ดูแลดูเเลการรับประทานของเด็ก โดยให้เด็กได้รับนมอย่างเพียงพอต่อร่างกาย


O Out patient

  1. แนะนำมาตรวจตามนัดในกรณีฉุกเฉินนำส่งรพ.ชุมชนที่ใกล้ที่สุด

Diet
1.ให้ความรู้เรื่องประโยชน์ของนมแม่ส่งเสริมการบำรุงนมแม่ เช่น อโวคาโด้ ตำลึง ฟักทอง มะละกอ ขิง เป้นต้นฝึกทักษะการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เช่น สอนท่าการให้นมบุตร

พยาธิ


พยาธิสรีรวิทยา โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย มักสืบเนื่องมาจากเชื้อแบคทีเรียจากที่อื่นเข้ามายังช่องว่างใต้เยื่อหุ้นสมอง ชั้นกลาง (subarachnoid space) ทำให้เกิดการอักเสบ โดยปกติน้ำใน รubarachnoid space จะใส แต่เมื่อมีการอักเสบ เกิดขึ้นจะมีลักษณะขุ่น ทั้งนี้เชื้อแบคทีเรียสามารถมาได้หลายทาง (อัจฉราพร เมฆศิชริน, 2557; ศุภชัย เจนจินดามัย. 2559; Rodgers & Sheehan) ดังนี้ ทางกระแสเลือด โดยการที่ผู้ป่วยมีภาวะแบคทีเรียในกระแสเลือด (bacterennia) ซึ่งเป็นผลจากการแพร่แบคทีเรียจากระบบทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ไขกระดูก ฝีที่ผิวหนัง แล้วเข้าสู่กระแสเลือด

  1. จากอวัยวะใกล้เคียงกับ subarachnoid space
  2. ได้รับเชื้อโดยตรงจากการปนเปื้อนหลังจากมีการแตกแบบมีแผลเปิด (compound fracture) ของกะโหลกศึกก็รษะ หรือมีกระดูกแตกที่บริเวณฐานของกะโหลกศีรษะทำให้ได้รับเชื้อเข้าไปโดยตรง

ผู้ป่วยมีการติดเชื้อจากทางเดิงอาหารจากการกินแล้วมีการเพิ่มจำนวนมากขึ้นแล้วเชื้อมีการแพร่เชื้อเข้าไปที่ไขสันแล้วขึ้นไปที่เยื่อหุ้มสมอง ทำให้มีการอักเสบที่เยื่อหุ้มสมอง

การซักประวัติ ตรวจร่างการ


เด็กลักษณะอ่อนเพลีย ตื่นลืมตา V/S T = 38.9 ๐C, PR = 162 /min, RR = 48 /min, BP = 92/64 mmHg, O2 Sat = 98% Room air น้ำหนัก 6.5 กิโลกรัม ความยาว 59 เซนติเมตร เส้นรอบศีรษะ 42 เซนติเมตร


ผลการตวรจ CSF: ค่า WBC 8,800 เซล/มล., RBC 50 เซล/มล., Neutrophil 95%, Lymphocyte 5%, Protein 97 มก.ดล., CSF sugar 73 มก.ดล., Blood sugar 154 มก./ดล.

บ่งบอกว่ามีการติดเขื้อ

ข้อวินิจฉัยมีการติดเชื้อ
S. แม่บอกว่ามีไข้ ตัวร้อน
O.ผลตรวจทาห้องปฏิบัติการ
1.WBC 38,000
2.Neutrophil 95%

  1. T=38.9 องศา
    4.Csf พบ Salmonella serogroup D serotype Panama
    วัตถุประสงค์: ไม่มีภาวะติดเชื้อ
    เกณฑ์การประเมิน ไม่มีภาวะติดเชื้อ WBC=4000-10000 T=36.5-37.4
    กิจกรรมการพยาบาล
    1.ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะการติดเชื้อ เช่น ไข้ หายใจเร็ว หอบเหนื่อย ใจสั่น เพื่อติดตามอาการเปลี่ยนแปลง
    1. ประเมิน V/S เช่น T=36.5-37.4 องศา P=120-160 ครั้ง/นาที RR=50-60ครั้ง/นาที ทุก4 ชั่วโมง โดยเฉพาะ TและPR เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพและอาการติดเชื้อ
    2. ให้สารน้ํา 5%D/N/4 vein drip in 35 cc/hr ตามแผนการรักษา
    3. ดูแลให้ยา Ceftriazone ขนาด 100 mg/kg/day ตามแผนการรักษา เพื่อรักษาอาการติดเชื้อ
      5.ดูแลให้ได้รับยา Ciprofloxacin 30 mg/kg/dayตามแผนการรักษา เพื่อรักษาอาการติดเชื้อ
      6.ดูแลให้ได้รับยา ibuprofen Syrup ตามแผนการรักษาเพื่อลดอาการไข้
      7 ประเมินอาการข้างเคียงของ ibuprofen Syrup เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อาหารไม่ย่อย มีอาการท้องเสียท้องผูก เพื่อติดตามอาการเปลี่ยนแปลงหลังให้ยา
      8.ประเมินอาการข้างเคียงของยา Ciprofloxaci เช่น หายใจไม่ออก มีผื่นขึ้น หรือเกิดอาการบวมบริเวณใบหน้า ดวงตา ลิ้น ริมฝีปาก และลำคอ สัญญาณของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เพื่อติดตามอาการเปลี่ยนแปลงหลังให้ยา
      9.ประเมินอาการข้างเคียงของยา Ceftriaxone sodium เช่น ผิวหนังบริเวณที่ฉีดยาเกิดความเจ็บปวดมาก กดแล้วเจ็บ เป็นก้อนแข็ง หรือรู้สึกร้อน อ่อนเพลีย ผิวซีด ผิวลอก ผิวเป็นตุ่มพอง มีเลือดออกง่ายและมีภาวะดีซ่าน (ตัวเหลืองตาเหลือง) มีไข้ เจ็บคอ หนาวสั่น เพื่อติดตามอาการเปลี่ยนแปลงหลังให้ยา
      10.ดูแลให้การเช็ดตัวลดไข้โดยเช็ดย้อนรูขุมขนนาน10-15นาที และประเมินซ้ำหลังเซ็คตัว30นาที เพื่อระบายความร้องในร่างกาย
      11.ติดตามผลการตรวจ wbc neutrophill เพื่อประเมินภาวะติดเชื้อในร่างกาย

ซัลโมเนลาเป็นแบคทีเรียแกรมลบ (Gram-negative) ที่พบได้ทั่วไปทั้งในสัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม(รวมนุษย์ด้วย) สามารถเจริญได้ดีทั้งในสภาวะที่มีออกซิเจนและไม่มี อกซิเจนเจริญได้ดีในอุณหภูมิประมาณ37-45 องศาเซลเซียสส่วนอุณหภูมิที่เหมาะสมสําหรับการเจริญ คือ37องศาเซลเซียสไม่ทนทานต่อความร้อนจะถูกทําลายได้ที่อุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียล
การติดต่อ จะติดจากสัตว์มาสู่คนและสัตว์อื่นๆเช่นหนู สัตว์ปีก แมลง วัว ควาย สุนัข แมว และ ม้า เป็นต้น สำหรับการติดเชื้อในคนนั้นส่วนมากจะได้รับเชื้อปะปนมากับน้ำและอาหาร
ผู้ป่วยเป็นโรคซัลโมเนลโลซิส (Salmonellosis) ทำงานที่เกี่ยว ข้องกับการแปรรูปอาหารแล้วมีสุขลักษณะส่วนบุคคลที่ไม่ดีพอเช่นไว้เล็บยาวและหลังจากกลับจากห้องน้ำมิได้มี การล้างมือให้สะอาดเสียก่อนนั้นจะทำให้เชื้อซัลโมเนลลาปนเปื้อนลงไปยังอาหารได้ด้วยเหตุนี้จึงทําให้เชื้อซัลโมเนลลาเป็นสาเหตุสําคัญที่ทําให้เกิดอาการท้องร่วงประกอบกับ เชื้อมีอัตราการแพร่ระบาดสูงจึงสามารถพบผู้ป่วยที่เป็นโรคจากเชื้อนี้ในอัตราสูงด้วย
ในกรณีของเคสเรา
จากผลตวรจจะบ่งบองได้ว่าเป็นติดเชื้อจากการกิน เพราะเด็กมีอายุแค่3เดือนไม่สามารถติดจากที่อื่นได้นอกจากการการกินนม
เชื้อเลยเข้าไปในการกระเพราะอาหาร ทำให้มีอาการท้องร่วง ต่อมาเชื้อมีการเพิ่มจำนวนมากขึ้นแล้วเข้าไปในไขสันหลังเพราะมีการยืนยันโดยการตรวจน้ำไขสันหลัง CSF: ค่า WBC 8,800 เซล/มล., RBC 50 เซล/มล., Neutrophil 95%,
Lymphocyte 5%, Protein 97 มก.ดล., CSF sugar 73 มก.ดล., Blood sugar 154 มก./ดล