หลักการและเทคนิคการปฏิบัติเกี่ยวกับการควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ
การติดเชื้อในโรงพยาบาล
“nosocomial” or “hospital” infection
click to edit
การติดเชื้อที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยระหว่างกระบวนการการดูแลในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลอื่น การติดเชื้อนี้ไม่ปรากฏหรืออยู่ในระยะฟักตัวขณะเมื่อรับไว้รักษาโดยรวมถึงการติดเชื้อที่เกิดในสถนานพยาบาลเต่ปรากฏอาการหลังจากจำหน่าย และการติดเชื้อเนื่องจากการทำงานในกลุ่มบุคลากรสาธารณสุขของสถานพยาบาล
วงจรการติดเชื้อ
- จุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ: แบคทีเรีย โปรโตซัว เชื้อรา
ไวรัส พยาธิต่างๆ - แหล่งของเชื้อโรค (Reservoir) เป็นที่ให้เชื้อโรคเจริญเติบโต
และมีการขยายตัว - ทางออกของเชื้อโรคจากแหล่งแพร่เชื้อโรค (Exit routes) เช่น ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร ระบบขับถ่ายปัสสาวะ ระบบอวัยว่ะสืบพันธุ์ เลือด ผิวหนังหรือเยื่อบุภายในช่องอวัยวะ
- สิ่งนำเชื้อหรือวิธีแพร่กระจายเชื้อ (Mode of transmission)
การนำเชื้อมีดังนี้
- สิ่งนำเชื้อหรือวิธีแพร่กระจายเชื้อ (Mode of transmission)
- อากาศ
- อาหารเเละน้ำ
- สัมผัสโดยตรง
- วัตถุต่างๆ
- สัตว์เเละเเมลงต่างๆ
- บุคคลที่มีเชื้อโรตนั้นเอง
ผลกระทบของการติดเชื้อที่สัมพันธ์กับบริการสุขภาพ
click to edit
การเจ็บป่วยที่รุนแรงขึ้น
การนอนรักษาในสถานพยาบาลนานขึ้น
ความพิการในระยะยาว
การเสียชีวิตโดยไม่สมควร
ภาระทางการเงินของสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น
ค่าใช้จ่ายของผู้ปาวยและครอบครัวเพิ่มขึ้น
Contact transmission
Common Vehicle transmission
Airborne transmissions
ทางเข้าของเชื้อที่ทำเกิดโรค (Portal of entry)
Vectorborne transmission
ความไวของแต่ละบุคคลในการรับเชื้อ (Susceptible host)
การแพร่กระจายเชื้อจุลชีพปนเปื้อนผลิตภัณฑ์ของเลือด อาหาร น้ำ
ยา สารน้ำที่ให้แก่ผู้ป่วย ซึ่งการแพร่กระจายเชื้อทำให้เกิดการติดเชื้อ
ในผู้ปุวยหลายราย เช่น การติดเชื้อ Salmonella จากอาหาร
การสูดหายใจเอาเชื้อที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
เชื้อจุลชีพจะอยู่ในรูปของ Droplet nuclei ขนาดประมาณ 1-5 micron หรือฝุ่นล่องลอยอยู่ในอากาศ: เชื้อวัณโรค
วิธีแพร่กระจายเชื้อที่พบได้บ่อยที่สุด
Direct Contact กระจายเชื้อจากคนสู่คน
Indirect Contact การสัมผัสกับสิ่งของหรืออุปกรณ์เครื่องมือ
ทางการแพทย์ที่มีเชื้อปนเปื้อน
Droplet Contact การสัมผัสกับฝอยละอองน้ำมูก น้ำลายของ
ผู้ที่มีเชื้ออยู่ ขนาดใหญ่กว่า 5 micron เกิดขึ้นในระยะไม่เกิน 3 ฟุต
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเกิดการติดเชื้อ
การแพร่กระจายเชื้อโดยแมลงหรือสัตว์นำโรค การแพร่กระจาย
เชื้อโดยวิธีนี้พบน้อยในการติดเชื้อในโรงพยาบาล
ทางเดินหายใจทางเดินอาหาร อวัยวะสืบพันธุ์ และผิวหนังที่มีการฉีกขาด
1.ความเครียด
- ภาวะด้านโภชนาการ
- ความอ่อนเพลีย
- ภาวะภูมิแพ้หรือมีโรคเรื้อรัง
- ได้รับความร้อนหรือเย็นจัดมากเกินไป
- เพศ
- กรรมพันธุ์
- อายุ
- การรักษาทางการแพทย์บางชนิด
- อาชีพ
- ความผิดปกติของการเผาผลาญสารอาหาร
หลักการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล
- Standard precautions (การป้องกันแบบมาตรฐาน)
- Universal precautions (การควบคุมการแพร่กระจายเชื้อตามหลักสากล)
การปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยทุกรายที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลไม่ว่าผู้ป่วยจะมีอาการติดเชื้อหรือไม่ หรือได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคใด
มุ่งเน้นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากเลือด
สารน้ำ สารคัดหลั่งของร่างกาย เยื้อบุเมือก
- การมีสุขาภิบาลและสุขภาพอนามัยที่ดี (sanitation and hygiene)
- เครื่องป้องกัน (Protective barriers)
หลักปฏิบัติในการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล
การล้างมือ
- การล้างมือทั่วไป (Normal hand washing)
- การล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ (Hygienic hand washing) และ/การล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล (Alcohol gel)
- การล้างมือก่อนทำหัตถการ (Surgical hand washing)
การสวมเครื่องป้องกันร่างกาย
(Personal protective equipment: PPE)
การใส่เสื้อคลุม (Gown)
- เสื้อคลุมสะอาด
ใช้สวมในหอผู้ป่วยสำหรับป้องกันเชื้อโรค เลือด
หรือสิ่งคัดหลั่งเปรอะเปื้อนเครื่องแบบ
click to edit
- เสื้อคลุมปราศจากเชื้อ
วัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการ แพร่กระจายเชื้อโรคจากพยาบาลสู่ผู้ป่วย จะใช้ในห้องผ่าตัด ห้องคลอด รวมถึงผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
ผ้าปิดปากและจมูก (Mask)
ใช้เพื่อป้องกันฝุ่นละออง ลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อจาก การแพร่กระจายทางอากาศการสัมผัสกับละอองเสมหะ และป้องกัน การกระเด็นของเลือด สารคัดหลั่งหรือหนองที่ออกจากตัวผู้ป่วยขณะ ทำกิจกรรมทางการพยาบาล
ถุงมือ (Gloves)
เพื่อป้องกันองกันการสัมผัสเลือด สิ่งคัดหลั่ง บาดแผล และเยื่อเมือกของผู้ป่วยวยโดยตรง ป้องกันองกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจาก มือพยาบาลสู่ผู้ป่วย
ถุงมือสะอาดหรือชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Disposable gloves)
หมวกคลุมผม (hair cover)
การสวมหมวกคลุมผมเป็นการลดการแพร่กระจายเชื้อโรคจาก ผมของพยาบาลสู่ผู้ป่วย จะใช้ในห้องผ่าตัด ห้องพักฟื้นหลังผ่าตัด และ ห้องคลอด สำหรับพยาบาลที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยทั่วไปสามารถ ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจากเส้นผมสู่ผู้ป่วยด้วย การรักษา ความสะอาดของเส้นผม หากผมยาวให้รวบมัดผมให้เรียบร้อย
- ป้องกันสิ่งสกปรกสัมผัสมือ เช่น เมื่อจำเป็นต้องจับเลือด สารน้ำสารคัด หลั่ง อุจจาระ และปัสสาวะของผู้ป่วย เป็นต้น
- เมื่อต้องเคลื่อนย้ายเครื่องมือเครื่องใช้ของผู้ปวยที่ผ่านการใช้งานแล้ว
รองเท้าคลุม (shoe cover)
การสวมรองเท้าคลุมเป็นการสวมทับรองเท้าที่สวมอยู่ เพื่อ ป้องกันเลือดหรือสิ่งคัดหลั่งต่างๆ ของผู้ป่วยกระเด็นสัมผัสร่างกาย พยาบาล โดยเฉพาะผู้ป่วยเป็นโรคที่สามารถติดต่อทางเลือด และ สิ่งคัดหลั่งต่างๆ มักจะใช้ในห้องผ่าตัดและในห้องคลอด
แว่นตาป้องกัน (protective eyewear)
การสวมแว่นตาป้องกันมีวัตถุประสงค์เพื่อปูองกันเลือดหรือ สิ่งคัดหลั่งต่างๆ กระเด็นเข้าตา การสวมให้สวมทับผ้าปิดปากและจมูก
การแยกผู้ป่วย (Isolation precautions)
การปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจาก ผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ หรือผู้ที่เป็นพาหะไปสู่ผู้ป่วยอื่น ญาติผู้ป่วย รวมถึง บุคลากรในทีมสุขภาพ โดยการแยกห้องหรือจำกัดบริเวณผู้ป่วย หรือการจัดให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคหรือมีเชื้อชนิดเดียวกันอยู่ในห้องเดียวกัน
หลักการแยกผู้ป่วย
- การป้องกันทั่วไป (Standard precautions)
- มาตรการป้องกันตามวิธีการที่แพร่กระจายเชื้อ (Transmission-based precautions) แบ่งออกเป็น 3 วิธี คือ
2.1 การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคทางอากาศ Airborne
precautions
2.2 การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจากละอองฝอย Droplet
precautions
2.3 การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคที่ติดต่อได้โดยการสัมผัส Contact
precautions
การปฏิบัติการป้องกันแบบมาตรฐาน
(Standard Precautions)
- ทำความสะอาดมืออย่างถูกต้อง
- สวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกายให้เหมาะสม 3.ป้องกันอุบัติเหตุจากของแหลมคมและฟุ้งกระจาย
- จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย
Transmission-based Precautions
- Airborne Precautions
**ใช้สำหรับแยกผู้ป่วย
: วัณโรค (TB) หรือสงสัยว่าเป็นวัณโรค
: หัด (Measles)
: อีสุกอีใส (Chickenpox)
: โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (Severe Acute Respiratory Syndrome ; SARS)
- ควรแยกผู้ป่วยไว้ในห้องแยก
- บุคลากรสวมเครื่องป้องกันระบบทางเดินหายใจที่มีประสิทธิภาพ
การกรองสูง (N95) - จำกัดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
ถ้าจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายให้ผู้ป่วยสวม surgical mask
- Droplet Precautions
- Contact Precautions
**ใช้สำหรับแยกผู้ป่วย
: หัดเยอรมัน (Rubella) , คางทูม (Mumps)
: ไอกรน(Pertussis)— โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้ออะดิโนไวรัส (Adenovirus,
respiratory) Influenza , Bronchiolitis , Croup ,
: Epiglottitis(ฝากล่องเสียงอักเสบ)
: ไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal infection) กาฬโรคปอด (Plague-
pneumonic)
: Neisseria meningitis , Viral meningitis , Hemophilus influenza
Meningitis(สมองอักเสบ) ,
: Mycoplasma pneumonia (ปอดอักเสบ)
- เป็นการปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อทางละออง
ฝอยขนาดใหญ่ (> 5 um.) - แพร่เชื้อโดยการไอ จามหรือพูดและระหว่างการท าหัตถการ
กับผู้ป่วย เช่น ดูดเสมหะ ใส่ ET tube - ผู้ได้รับเชื้อโรคต้องอยู่ใกล้กับผู้ที่เป็นโรคหรือแหล่งโรค
- เชื้อโรคอยู่ในอากาศไม่นาน
- จัดเตียงผู้ป่วยห่างกัน 3 ฟุต
- บุคลากรสวม Mask เมื่อให้การดูแลผู้ป่วยในระยะ 3 ฟุต
- จำกัดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
- ถ้าจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายให้ผู้ป่วยสวม surgical mask
เป็นวิธีการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคที่ติดต่อได้โดยการสัมผัสทั้งทางตรงและทางอ้อม ได้แก่
Infectious diarrhea, Infectious wound , Abscess , Viral hemorrhagic infections ไข้เลือดออก, Viral conjunctivitis , Lice (โลน) , Scabies(หิด) , Croup (คอตีบ) Hepatitis, Rabies, Poliomyelitis, Tetanus, ริดสีดวงตา (Trachoma) ตาอักเสบจากเชื้อ หนองใน (Gonococcalophthalmitis)
รวมทั้งเชื้อที่ต้องมีทั้ง Airborne และ Contract precautions เช่น
โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS)
โรคไข้หวัดนก (Avain Influenza)
สุกใส (Chickenpox)
วมทั้งผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อหรือ Colonization ของเชื้อที่ดื้อยา เช่น Methicillin-resistant Staphylococcus aureus (MRSA) และเชื้อ Multidrug-resistant gram negative bacilli (MDR-GNB) เป็นต้น
- สวมถุงมือเมื่อให้การดูแลผู้ป่วย
- ล้างมือทันทีหลังจากถอดถุงมือโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ
- สวมเสื้อคลุมหากคาดว่าอาจสัมผัสเลือด/สารคัดหลั่ง
- จำกัดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย หากจำเป็นต้องระมัดระวัง
- ทำความสะอาดและทำลายเชื้ออุปกรณ์ก่อนนำไปใช้กับผู้ป่วยรายอื่นทำความสะอาดและทำลายเชื้ออุปกรณ์ก่อนนำไปใช้กับผู้ป่วยรายอื่น
การทำลายเชื้อและการทำให้ปราศจากเชื้อ
(Disinfection and Sterilization)
- การล้างเชื้อ (disinfection) คือขบวนการที่ทำให้จุลินทรีย์ที่ทำให้
เกิดโรคส่วนมากถูกทำลาย ส่วนจุลินทรีย์ที่มีสปอร์มักจะไม่ถูกทำลาย
- การทำให้ไร้เชื้อ (sterilization) คือ ขบวนการที่จุลินทรีย์ทุกชนิด
รวมทั้งจุลินทรีย์ที่มีสปอร์ด้วยจะถูกทำลาย
วิธีการที่ทำให้วัตถุปราศจากเชื้อ
- การใช้ความร้อน
- การใช้สารเคมี
- การใช้แสงแดด
- การใช้คลื่นเสียง
ประเภทเครื่องมือเครื่องใช้
- เครื่องมือเครื่องใช้ที่ต้องปราศจากเชื้อ (Critical items)
- เครื่องมือเครื่องใช้ที่ต้องฆ่าเชื้อ (Semi-critical items)
- เครื่องมือเครื่องใช้ธรรมดา (Non-critical items)
Critical items
อุปกรณ์เครื่องมือที่ต้องสอดใส่เข้าสู่เนื้อเยื่อปราศจากเชื้อ หรือกระแสโลหิต เช่น เครื่องมือผ่าตัด เข็ม สายสวนปัสสาวะ
- การทำให้ปราศจากเชื้อ
อบไอน้ำ;อบแก๊ส;ใช้น้ำยาทำลายเชื้อระดับสูง
Semi - critical items
อุปกรณ์เครื่องมือที่สัมผัสเยื่อบุของร่างกาย / ผิวหนังที่มีบาดแผล เช่น อุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ ดมยาสลบ Endoscope และปรอทวัดไข้
- การทำลายเชื้อPasteurization; น้ำยาทำลายเชื้อระดับสูง
Non - critical items
เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่สัมผัสผิวหนังที่ปกติและไม่ได้สัมผัสเยื่อบุ ของร่างกาย เช่น หม้อนอน เครื่องวัดความดัน เครื่องผ้า ภาชนะใส่ อาหาร
การทำลายเชื้อ
น้ำยาทำลายเชื้อระดับต่ำ
การดูแลสุขอนามัยของตนเอง
- เมื่อมีโอกาสและเวลาควรออกกำลังกาย เมื่อมีโอกาสและเวลาควรออกกำลังกาย
- เมื่อต้องสัมผัสหรืออยู่ใกล้ผู้ป่วย ต้องสวมเครื่องป้องกันตามความ
เหมาะสม - มีสติในการทำงาน
- รักษาความสะอาดของร่างกาย ตัดเล็บสั้น สระผม รวบเก็บเรียบร้อย
- เครื่องแต่งกายสะอาด
- หมั่นสังเกตตนเอง เมื่อเจ็บป่วยต้องรักษา และตรวจร่างกายประจำปี
การปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
- เมื่อถูกเข็มของมีคมทิ่มตำ บาด บีบเลือดออกมากที่สุด (บีบเบาๆ ห้ามเค้น) ล้างด้วยน้ำและสบู่ และตามด้วยแอลกอฮอล์หรือเบต้าดีน
- ถ้าถูกเลือดและสารคัดหลั่งกระเด็นเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาด
หลายๆ ครั้ง - ถ้าถูกเลือดและสารคัดหลั่งกระเด็นเข้าปากให้ล้างปากและกลั้วคอด้วย
น้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง - ถ้าถูกเลือดและสารคัดหลั่งกระเด็นเข้าผิวหนังหรือบาดแผลให้ล้างด้วย
น้ำสะอาดหลายๆ ครั้งและตามด้วยแอลกอฮอล์หรือเบต้าดีน - แจ้งให้อาจารย์/หัวหน้าหอผู้ป่วย/หัวหน้างานทราบเร็ว
ที่สุด เพื่อรีบรับยาต้านการติดเชื้อภายใน 2 ชั่วโมง
นางสาวปานธิดา รักเรียน เลขที่56 รหัสนักศึกษา 66120301057 นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 2 รุ่นที่ 34