Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การอักเสบ การซ่อมแซม และการหายของเซลล์ - Coggle Diagram

- - - - 1.1 Vascular Change มีเลือดมาเลี้ยงบริเวณนี้มาก ทำให้พลาสม่าในเส้นเลือดไหลซึมออกไปในเนื้อเยื่อที่ได้รับอันตราย ทำให้มีอาการปวดและบวม แดง ร้อน
      - 1.2 Vascular permeability change หลอดเลือดขยาย Permeability มีการเพิ่มขึ้น ทำให้น้ำและโปนตีนไหลออกจนเกิดการบวม (Edema) ภาวะบวมที่มี Neutrophils มาก เรียกว่า หนอง (Pus) สารน้ำที่มีโปรตีนต่ำ เรียกว่า Transudate. การเปลี่ยนแปลงในกระบวนการนี้ยังทำให้เกิดการกระตุ้นของสารเคมีที่ออกจากเซลล์ที่บาดเจ็บ จาก Mast cell และ endothelial cell
      - 1.3 Fomation of a leukocytic exudate เป็นการทำงานของเม็ดเลือดขาวที่เคลื่อนตัวมายังบริเวณที่มีการอักเสบนั้นมาก
        
        1.Margination มีการคั่งของเม็ดเลือดแดงเมื่อเกิดการอักเสบ เลือดไหลช้า พบเม็ดเลือดขาวที่ผนังเส้นเลือดมากกว่าปกติ เรียกว่า Margination.
        
        2.Rolling เซลล์เม็ดลเือดขาวมาเกาะกันอย่างหลวมๆ เมื่อชิดผนังหลอดเลือดแล้วจะกลิ้ง ไปตามผนัง
        
        3.Adhesion เม็ดเลือดขาวเกาะติดผนังหลอดเลือด เรียงตัวเป็นระเบียบ เหมือนกระเบื้องฉาบติดผนัง
        
        4.Transmigration เซลล์เม็ดเลือดขาวยื่นไซโตพลาสซึมผ่านรอยต่อแยกไปตามเยื่อบุผนังหลอดเลือด (Endothelial cells) ออกมาที่ Basment membrane
        
        5.Emigration เม็ดเลือดขาวเคลื่อนตัวออกจากหลอดเลือดไปยังสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตราย หรือบริเวณที่เนื้อเยื่อเกิดการอักเสบ
        
        6.Phagocytosis เม็ดเลือดขาวจะทำลายสิ่งแปลกปลอม โดยกระบวนการเก็บกิน (Phagocyosis) และทำลายสิ่งแปลปลอมภายในเซลล์ (Intracellular degradation)
        
        Phagocytosis มีขั้นตอน ดังนี้
        
        1.รู้จักแยะแยะและเข้าประชิด (Recogntion and attachment) เม็ดเลือดขาวเข้าจับเชื้อโรค โดยอาศัย receptors ที่อยู่บนผิว
        
        การเข้าเขมือบ (Engulfment) เม็ดเลือดขาวจะยื่นไซโตพลาสซึม เรียกว่า Pseudopods เข้าโอบล้อมเชื้อโรคให้เข้าเซลล์ เกิดเป็นถุงน้ำกลม เรียกว่า Phagosome
        
        3.การทำลายและย่อย (Killing and degradation) ไลโซโซมที่มีอยู่ในไซโตพลาสซึมจะตรงเข้าประชิด Phagosome และรวมกันเป็นถุงเดียว เรียกว่า Phagolysosome. และจะหลั่งเอนไซม์เพื่อทำการย่อยสิ่งแปลกปลอมใน Phagolysosome และสารเคมีจากPhagocytosisจะกลับมามีผลต่อเลือดในกระบวนการอักเสบทำให้เกิดการบาดเจ็บเนื้อเยื่อ
    - - 1.กลับเข้าสู่สภาพเดิม (Complete resolution) เมื่อสามารถกำจัดสาเหตุและสารเคมีชักนำหรือควบคุมสภาพการเปลี่ยนแปลงไม่ให้เป็นมากขึ้นได้แล้ว จะกลับเข้าสู่สภาพเดิมก่อนการอักเสบ อวัยวะนั้นๆจะททำหน้าที่ตามปกติ ไม่พบร่องรอยการอักเสบหลงเหลืออยู่
      - 2.ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอโดยการแทนที่ด้วยเยื่อพังเพิด หรือเรียกว่า Fibrosis มีการสร้างเนื้อเยื่อใหม่มาทดแทนทำให้แผลหายและมีลักษณะแตกต่างจากเนื้อเยื่อเดิม เกิดแผลเป็น (Scar)
      - 3.การเกิดฝี หนอง (Abscess formation) ในกรณีที่การอักเสบเกิดในอวัยวะที่ทึบมีการทำลายเนื้อเยื่อค่อนข้างสูงแต่อยู่ในวงจำกกัด บริเวณนั้นจะพบเนื้อเยื่อที่ตายร่วมกับเซลลือักเสบ เช่น เม็ดเลือดขาวผลิตผลที่เป็นของเหลวจากการบวม และระบบกำจัดก้อนเลือดต่างๆเหล่านี้รวมกันเป็นหนองฝีในอวัยวะนั้นๆ
      - 4.การกลายเป็นการอักเสบเรื้อรัง ในกรณีสาเหตุชักนำให้เกิดการอักเสบไม่ถูกกำจัดออกไป และยังคงเป็นเวลานาน พยาธิสภาพจะเปลี่ยนจากการอักเสบเฉียบพลันเป็นการอักเสบเรื้อรัง
  - - - 1.เฉพาะที่ ได้แก่ ปวด(Pain) ; บวม(swelling) ;แดง(redness) ; ร้อน(heat) ; สูญเสียการทำงานตามปกติ(loss of function)
      - 2.ปฏิกิริยาและอาการทั่วไป ได้แก่ อาการไข้ (Fever / Pyrexia)
        
        3.Leukocytosis ภาวะเม็ดเลือดขาวในเลือดสูงมากกว่า 10่,000 เซลล์/ลบ.ชม.
        
        Neutrophilia เม็ดเลือดขาว Neutrophils สูงกว่าปกติ เนื่องจากเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย
        
        Lymphocytosis เม็ดเลือดขาวชนิด Lyphocytes สูงขึ้นกว่าปกติ เนื่องจากติดเชื้อไวรัส
        
        Eosinophilia เม็ดเลือดขาวชนิด Eosinophils สูงกว่าปกติ เนื่องจากติดเชื้อปรสิต และ ภาวะภูมิแพ้ เช่น หอบหืด
        
        Acute-Phase protein ในการอักเสบมีกลไกลให้อวัยวะบางอวัยวะสร้างโปรตีนมากกว่าปกติ เช่น CRP- C reactive protein และ SAA - serum amyloid A protein ซึ่งโปรตีนเหล่านี้จะจับกับ complement proteins ได้ fibrinogen ที่มีปริมาณสูงทำให้เลือดเข้มข้น
        
        อาการข้างเคียงที่เกิดร่วม เช่น เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน ความดันสูง เป็นต้น
        
        การตกตระกอนของเลือด เรียว่า Erythrocyte sedimentary rate (ESR)
    - - Cholecystitis = Inflammation of gallbladder
      - Colitis = Inflammation of colon
      - คำที่ยกเว้น เช่น Pneumonia = Inflammation of lung
- - - - เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน collagen มากกว่าปกติ ทำให้เกิดแผลนูนเด่นออกมา เรียกว่า "keloid"
      - Granulation tissue ที่ถูกสร้างมากเกินไปทำให้ตุ่มเนื้อแดงพอกล้นขอบแผล ขัดขวางการสมานแผล เรียกว่า "exuberant granulation"
      - แผลที่หายเกิดการสร้างเซลล์ fibroblast มากผิดปกติจะเกิดเป็นก้อนที่แผล เรียกว่า "Desmoid"