Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 4 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการคลอด - Coggle Diagram
บทที่ 4 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการคลอด
กระบวนการที่ทารก เยื่อหุ้มทารก สานสะดือ รกและน้ำคร่ำ ถูกขับออกจากโพรงมดลูกออกสู่ภายนอก
ก่อน 28 wks : การแท้ง
< 37 wks : Preterm
37 - 42 wks : Term
42 : Postmature
ชนิด
Normal labour
37 - 42 wks
Vertex presentation และ Occiput anterior
คลอดตามธรรมชาติ (Spontaneous)
ใช้เวลาในการคลอดทั้งหมด ไม่เกิน 24 ชั่วโมง
ระยะเวาลาตั้งแต่เจ็บครรภ์จริงถึงรกคลอด
ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ
Abnormal labour
อายุครรภ์น้อยกว่าหรือเท่ากับ 36 สัปดาห์
อายุครรภ์มากกว่าหรือเท่ากับ 42 สัปดาห์
ส่วนนำผิดปกติ
ใช้เครื่องมือช่วยคลอด
ใช้เวลาเกิน 24 hr
*มีภาวะแทรกซ้อน
ปัจจัย
ฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดการเจ็บครรภ์
ทฤษฎีการกระตุ้นของออกซิโทซิน : Oxytocin เพิ่ม
ทฤษฎีการลดระดับของโพรเจสเตอโรน : Progesterone ลดลง
ทฤษฎีการกระตุ้นของเอสโตรเจน : Estrogen เพิ่มขึ้น
ทฤษฎีการหลั่งของพรอสตาแกลนดิน : Prostaglandin เพิ่มขึ้น
ทฤษฎีคอร์ติโซนของทารกในครรภ์ : หลั่ง Cortisol เพิ่มขึ้น
องค์ประกอบส่งเสริม
ทฤษฎีการยืดขยายของมดลูก : Depolarization
ทฤษฎีความดัน : ต่อมใต้สมองหลั่ง Oxytocin เพิ่ม
ทฤษฎีอายุของรก : การไหลเวียนของเลือดบริเวณรกลดลง Progesterone ลดลง
6Ps
แรงผลักดัน (Power)
1.1แรงหดรัดตัวของมดลูก
(Uterine contraction)
เกิดจากการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกส่วนบน
1.Increment มดลูกเริ่มหดตัว
2.Acme มดลูกหดตัวเต็มที่
3.Decrement มดลูกเริ่มคลายตัว
ลักษณะการหดรัดตัวของมดลูก
1.Duration : ช่วงที่มดลูกเริ่มหดรัดตัวจนถึงเริ่มคลายตัว
2.Interval : ช่วงตั้งแต่มดลูกเริ่มหดรัดตัวครั้งแรกจนถึงเริ่มหดรัดตัวครั้งใหม่
Intensity (Severity) : ความแรงในการหดรัดตัวของมดลูก
Mild มดลูกนิ่มคล้ายแก้ม
Moderate มดลูกคล้ายคาง
Strong มดลูกคล้ายหน้าผาก
ขณะเบ่ง
Frequency - ความถี่ในการหดรัดตัวของมดลูก จำนวนครั้ง/30 นาที
Good Uterine contraction
Interval 2-3 min
Duration 45-60 วินาที
Intensity Moderate (++)/ Strong (+++)
Upper uterine segment, Lower uterine segment
1.2 แรงเบ่ง
(Bearing down effort)
แรงที่เกิดจากการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้องและกระบังลม
มารดาไม่มีแรงเบ่ง, มาดาเบ่งคลอดไม่ถูกวิธี
ช่องทางคลอด (Passage)
2.1ช่องทางคลอดส่วนกระดูก
(Bony passage or Hard part)
กระดูกอุ้งเชิงกราน Pelvic bone
Sacrum
Coccyx
Innominate bone 2 ชิ้น
ส่วนของเชิงกราน
False pelvis อยู่เหนือ pelvic brim
2.True pelvis อยู่ต่ำกว่า pelvic brim เป็นส่วนที่สำคัญต่อการคลอดมาก
ช่องเข้าของเชิงกราน (Pelvic inlet)
ถือว่าศีรษะของทารกมี Engagement เมื่อศีรษะของทารกส่วน Biparietal diameter เคลื่อนผ่าน Pelvic inlet
การประเมินขนาดของ Obstetrical conjugate: Diagonal conjugate จะกว้างกว่า Obstetrical conjugate ประมาณ 1.5 -2 เซนติเมตร
Vaginal Examination to Determine Diagonal Conjugate
ช่องกลางของเชิงกราน (Mid pelvis)
การประเมินขนาดของ Mid pelvis : Anteroposterior diameter 11.5 cms.
ส่วนที่แคบที่สุด
Transverse ของ Inlet 13.5 cms.
Interspinous 13.5 cms.
Obstetric conjugate 10.5 cms.
การประเมินขนาดของ Interspinous distance (ต้องมากกว่า 8 cm
ช่องออกของเชิงกราน (Pelvic outlet)
ทางออกของอุ้งเชิงกราน
ทำมุมประมาณ 90 - 100 องศาหรือมากกว่า
ถ้ามุมน้อยกว่า จะทำให้การคลอดใน Secord stage เป็นไปได้ยากลำบากมากขึ้น
Linea terminalis
Pelvic inlet
Midpelvis
Pelvic outlet
ลักษณะของเชิงกราน
Gynecoid เหมาะกับการคลอดมากที่สุด
Anthropoid ทำให้ศีรษะหมุนไม่ได้
Android
platypelloid
2.2 ช่องทางคลอดเนื้ออ่อน (Soft Passage)
Lower uterine segment
Cervix
vaginal
perineum
สิ่งที่คลอดออกมา (Passager)
*ส่วนสำคัญ คือ ทารก >> ศีรษะทารกเป็นส่วนนำ ทรงก้ม/ลำตัวแนวยาวตรง
ทารก รก เยื่อหุ้มรก น้ำคร่ำ
กะโหลกศีรษะ
Temporal bone
Parietal bone
Occipital bone
Frontal bone
รอยต่อ (Suture) และขม่อน (Fontanel)
ปิ ด 6-8 wks.
Posterior fontanel
ปิ ด 16-18 month
Anterior fontanel/ Bregma
ศีรษะส่วนต่างๆที่สำคัญในการคลอด
Face
Sinciput or Brow
Bregma or Anterior fontanel
Vertex
Occiput
Subocciput
เส้นผ่าศูนย์กลางของศีรษะทารก
Bi-parietal ใหญ่ที่สุด ยาว 9.25 cm
Sub occipito bregmatic ยาว 9.5 cm
ท่าของทารกที่ส่งเสริมการคลอดปกติ (Normal Labour : NL)
ROA,LOA
สภาวะจิตใจของผู้คลอด (Psychological factor)
ความกลัว ความวิตกกังวล >> ยับยั้งการหดรัดตัวของมดลูกทำให้การคลอดยาวนาน
วงจร Fear - Tension - Pain
ความกลัว+วิตกกังวล หลั่งสารความเครียด Cathecolamines, Epinephrine, Cortisol เพิ่มขึ้น
สภาวะร่างกายของผู้คลอด (Physical condition)
สภาพร่างกายของผู้คลอด เช่น อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจำตัว การได้รับยาบางชนิดในระยะรอคลอด ความพิการ อาจมีผลต่อการคลอดยาก
ผู้คลอดที่สภาพอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าจากอาการเจ็บครรภ์ ทำให้ไม่มีแรงเบ่งคลอด ทำให้การคลอดล่าช้า
ท่าของผู้คลอด (Position)
Lithotomy
กลไกการคลอด
กลไกการคลอดปกติ
(Mechanisms of normal labor)
Engagement (การเคลื่อนของส่วนนำเข้าสู่อุ้งเชิงกราน)
ส่วนที่กว้างที่สุดของศีรษะทารก Biparietal diameter (BPD) ผ่านเข้าสู่ช่องเชิงกราน Pelvic Inlet
การเกยกันของกระดูกกะโหลกศีรษะ (Molding)
เปลี่ยนแปลงรูปร่างของกระโหลกศีรษะเพื่อให้ขนาดเล็กลง
ถ้ากระดูกเกยกันกันมากเกินไป >> Caput Succedaneum
การตะแคงศีรษะผ่านลงสู่อุ้งเชิงกราน (Asynclitism)
Descent (การเคลื่อนต่ำของส่วนนำลงอุ้งเชิงกราน)
การเคลื่อนต่ำของศีรษะทารกผ่านช่องทางคลอด
Flexion (การก้มของศีรษะทารก) >> ก้มคางชิดอก
Occipitofrontal dimension : OF (11.5 ซม.) มาเป็น suboccipito-bregmatic dimension : SOB (9.5 ซม.)
Internal rotation (การหมุนของศีรษะทารกภายในอุ้งเชิงกราน)
LOA —> OA
Extension (การเงยของศีรษะทารกออกมานอกช่องคลอด)
ทารกจะเคลื่อนต่ำเรื่อยๆ
SOB —> SOF —> SOM ออกมา
Restitution (การหมุนกลับของศีรษะทารกนอกช่องคลอด)
กลับไปประมาณ 45 องศา
OA —> LOA
External Rotation (การหมุนกลับของศีรษะทารกนอกช่องคลอด)
ศีรษะทารกหมุนไปอีก 45ํ พยาบาลช่วยหมุนศีรษะทารกให้ตั้งฉากกับไหล่
LOA —> LOT
Expulsion (การทำคลอดไหล่และลำตัว >> ทารกคลอดทั้งตัว)
พยาบาลช่วยทำคลอดไหล่และลำตัว
ระยะการคลอด
First stage of labour
เริ่มจากการเจ็บครรภ์จริง - ปากมดลูกเปิด 10 ซม. (Fully Dilatation)
Latent phase ปากมดลูกเปิดช้า เจ็บครรภ์จริง - ปากมดลูกเปิด 3 ซม
ครรภ์แรก 8 - 12 ชม
ครรภ์หลัง 6 - 8 ชม
Active phase ปากมดลูกเปิดเร็ว ปากมดลูกเปิด 3 - 8 ซม
ครรภ์แรก ปากมดลูกเปิดขยาย 1.2 ซม/ชม
ครรภ์หลัง ปากมดลูกเปิดขยาย 1.5 ซม/ชม
ครรภ์แรก 4 - 6 ชม
ครรภ์หลัง 2-4 ชม
Transitional phase ปากมดลูกเปิด 8 - 10 ซม
Second stage of labour
เริ่มปากมดลูกเปิด 10 ซม.
(Fully Dilatation) - ทารกคลอดออกมาหมด
ทั งตัว
กลไกการคลอดเกิดในระยะนี้
ครรภ์แรก 1-2 ชม
ครรภ์หลัง 1/2-1 ชม
Third stage of labour
เริ่มจากทารกคลอด
ออกมาทั งตัว - รกและเยื่อหุ้มทารกคลอดออกมาครบ
ระยะรก
30 นาที
Fourth stage of labour
เริ่ มจากภายหลังสิ้ นสุด
การคลอดรกและเยื่ อหุ้มทารกคลอดครบ - มารดาหลังคลอด 2 ชม
มีโอกาสตกเลือดหลังคลอดมากที่สุด
อาการแสดงล่วงหน้าของการคลอด
ท้องลด
ถ่ายปัสสบ่อย
เจ็บครรภ์เตือน
คอมดลูกหดสั้นลง
อาหารไม่ย่อย
คลื่นไส้
อาเจียน
อาการแสดงของการเจ็บครรภ์จริง
เจ็บครรภ์พร้อมกับการหดรัดตัวของมดลูก หน้าท้องแข็งตึง เจ็บสม่ำเสมอทุก 5 นาที รุนแรงขึ้นและถี่ขึ้น จากหลังร้าวไปหน้าท้องและต้นขา
ปากมดลูกนุ่ม หดสั้นเข้า และเปิดขยาย
มีมูกปนเลือดออกทางช่องคลอด
เจ็บครรภ์ไม่หาย เจ็บมากขึ้นเมื่อเดินและทำกิจกรรม
มดลูกหดรัดตัวขณะเจ็บ
อาการเจ็บครรภ์เตือน
หดตัวไม่สม่ำเสมอ
เจ็บบริเวณหน้าท้องเท่านั้น
อาการเจ็บจะหายไปเมื่อลุกเดินหรือเปลี่ยนท่า
มดลูกอาจไม่หดรัดตัวขณะเจ็บ
การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา ระยะคลอด
การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับมดลูก
มดลูกส่วนบน(upper segment)
มดลูกส่วนล่าง(lower segment)
Uterine contraction
การหดรัดตัวของมดลูกเกิดขึ้นเป็นระยะและเป็นจังหวะ
การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับเอ็นที่ยึดมดลูก
Round ligament
Utero-sacral ligament
Cardinal ligament
การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับปากมดลูก
มีการสั้นบางของปากมดลูก
มีมูกหรือมีเลือด
การเปลี่ยนแปลงภายในถุงน้ำคร่ำ
โพรงมดลูกจะถูกบีบให้เล็กลง น้ำคร่ำ ทรก รก ไม่หดตัวตาม
เกิด hydrosatatic action
Fetal axis pressure
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับทารกในครรภ์
Fetal axis pressure
Molding
Caput succedaneum
การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาในระยะที่ 2 ของการคลอด
การหดรัดตัวของมดลูก
การหดรัดตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้องและกระบังลม
Pressure on pelvic floor
การเคลื่อนขยายของพื้นเชิงกราน
การขับดันทารกผ่านช่องทางคลอด
การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาในระยะที่ 3 ของการคลอด
การลอกตัวของรกจากผนังมดลูก
อาการแสดงของรกลอกตัว
Uterine sign
Cord sign
Vulva sign
ชนิดของการลอกตัวของรก
Schultze’s method เริ่มลอกตัวที่กลางรก
Matthews Duncan method เริ่มลอกตัวที่ริมรก
การขับดันรกออกจากโพรงมดลูก
การควบคุมการสูญเสียเลือดจากบริเวณที่รกเกาะ
การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาในระยะที่ 4 ของการคลอด
มดลูกมีการหดรัดตัว
มีแผลภายในโพรงมดลูกบริเวณที่รกเกาะ
มารดามีอาการอ่อนเพลีย
ความจุของกระเพาะปัสสาวะเพิ่มขึ้น
ฝีเย็บมีการฉีกขาดจากการตัดหรือฉีกขาดเอง
การเปลี่ยนแปลงของระบบต่างๆของร่างกาย
ระบบหายใจ ผู้คลอดต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้นประมาณ 40% ในระยะที่ 1 ของการคลอด
ระบบทางเดินอาหาร เกิดภาวะ gastric acidosis คลื่นไส้อาเจียน
ระบบทางเดินปัสสาวะ ปัสสาวะเพิ่มขึ้น ปวดปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ตรวจพบน้ำตาลและโปรตีนในปัสสาวะ
ระบบหลอดเลือดและหัวใจ Cardiac output เพิ่มขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น ชีพจรลดลง
ระบบเลือด WBC, Hb เพิ่มขึ้น Blood sugar ลดลง
ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก ปวดหลังและข้อต่างๆ เป็นตะคริว
สมดุลน้ำและอิเลคโตรไลท์ BT สูง เหงื่อมากขึ้น หายใจถี่ขึ้น