Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หลักการ แนวคิดของจิตวิทยาพัฒนาการและการประยุกต์ใช้เพื่อการจัดการเรียนรู้ -…
หลักการ แนวคิดของจิตวิทยาพัฒนาการและการประยุกต์ใช้เพื่อการจัดการเรียนรู้
1. พัฒนาการความต้องการทางเพศและบุคลิกภาพของ ซิกมันด์ ฟรอยด์
สรุปแนวคิด
ในแต่ละช่วงวัยของมนุษย์มีการใช้อวัยวะส่วนต่างๆในการแสวงหาความพึงพอใจต่างกัน โดยแบ่งออกเป็น5ระยะ
ระยะปาก (ORAL)
ระยะทวาร ( ANAL)
ระยะความพึงพอใจในอวัยวะเพศ ( PHALLIC)
ระยะสงบ หรือระยะแฝง ( LATENCY)
ระยะสนใจเพศตรงข้าม ( GENITAL)
โครงสร้างของบุคลิกภาพ
อิด (Id) คือ จิตไร้สํานึก
อีโก้ (Ego)ส่วนที่ควบคุมให้มนุษย์ฏิบัติตนให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
ซุปเปอร์อีโก (Superego) ควบคุมให้มนุษย์เลือกทําแต่สิ่งที่ตนคิดว่าดี (Ego Ideal)
วิเคราะห์และสรุปลักษณะพัฒนาการตามวัยของเด็กในระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในการนำมาประยุกต์ใช้เพื่อการจัดการเรียนรู้
ระดับปฐมวัย (3-6 ขวบ)
แนวคิดทางจิตวิทยา
ฟรอยด์: เด็กอยู่ในระยะ Oedipus ต้องการใกล้ชิดเพศตรงข้าม รู้สึกขัดแย้งกับเพศเดียวกัน พัฒนา "ซุปเปอร์อีโก้"
อิริกสัน: เด็กอยู่ในระยะ Early Childhood ต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น เรียนรู้บทบาททางสังคม
เพียเจต์: เด็กอยู่ในระยะ Preoperational คิดแบบเป็นรูปธรรม เริ่มเข้าใจสัญลักษณ์ เริ่มใช้ภาษาอธิบายสิ่งต่างๆ
บรูเนอร์: เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่น การกระทำ และการโต้ตอบกับสิ่งแวดล้อม
แบนดูรา: เด็กเรียนรู้ผ่านการสังเกตเลียนแบบ
การ์ดเนอร์: เด็กมีสติปัญญาหลายด้าน พัฒนาความฉลาดด้านภาษา ดนตรี ตรรกะ คณิตศาสตร์ ฯลฯ
โคลเบิร์ก: เด็กอยู่ในระดับ Conventional Morality เริ่มเข้าใจกฎกติกาของสังคม
การประยุกต์ใช้
เน้นกิจกรรมที่ส่งเสริมการเคลื่อนไหวร่างกาย การเล่น และการโต้ตอบ
สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ปลอดภัย และสนับสนุน
ส่งเสริมให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน
ใช้สื่อการสอนที่หลากหลาย เน้นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์
เป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็ก
ประเมินผลการเรียนรู้แบบองค์รวม พิจารณาพัฒนาการด้านต่างๆ
ระดับประถมศึกษา (7-12 ขวบ)
แนวคิดทางจิตวิทยา
ฟรอยด์: เด็กอยู่ในระยะ Latency พลังงานทางเพศถูกเก็บกด พัฒนา "อีโก้"
อิริกสัน: เด็กอยู่ในระยะ Industry vs. Inferiority ต้องการประสบความสำเร็จ เรียนรู้ทักษะต่างๆ
เพียเจต์: เด็กอยู่ในระยะ Concrete Operations คิดแบบตรรกะ เข้าใจอนุกรม ความสัมพันธ์ เริ่มคิดเชิงนามธรรม
บรูเนอร์: เด็กเรียนรู้ผ่านการสร้างแบบจำลอง การจัดหมวดหมู่ การค้นพบ
แบนดูรา: เด็กเรียนรู้ผ่านการสังเกตเลียนแบบ บรรทัดฐานทางสังคม
การ์ดเนอร์: เด็กพัฒนาความฉลาดด้านต่างๆ ต่อเนื่อง
โคลเบิร์ก: เด็กอยู่ในระดับ Post-Conventional Morality เข้าใจ
การนำทฤษฎีมาประยุกต์ใช้เพื่อการจัดการเรียนรู้
ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย: กิจกรรมควรสอดคล้องกับพัฒนาการและความสนใจของเด็ก เน้นการลงมือปฏิบัติ การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการทำงานเป็นทีม
ส่งเสริมให้เด็กมีส่วนร่วม: ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ คิดริเริ่ม เสนอแนะ แลกเปลี่ยนความคิด
สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เอื้ออำนวย: ห้องเรียนควรเป็นสถานที่ที่เด็กรู้สึกปลอดภัย ผ่อนคลาย กล้าคิด กล้าแสดงออก
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (16-18 ปี)
แนวคิดทางจิตวิทยา
ซิกมันด์ ฟรอยด์:เป็นผู้ใหญ่พัฒนา "ซุปเปอร์อีโก้" เต็มที่ ควบคุมพลังงานทางเพศได้
อิริกสัน:เริ่มมีบทบาทในสังคม เริ่มมีหน้าที่รับผิดชอบ
เพียเจต์:คิดแบบนามธรรม เข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อน คิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ
บรูเนอร์:เรียนรู้ผ่านการสร้างแบบจำลอง การจัดหมวดหมู่ การค้นพบ การโต้แย้ง
แบนดูรา:เรียนรู้ผ่านการสังเกตเลียนแบบ บรรทัดฐานทางสังคม บทบาททางเพศ
การ์ดเนอร์:แต่ละคนมีความฉลาดที่แตกต่างกัน
โคลเบิร์ก:มีจิตสำนึกทางจริยธรรม มีวิจารณญาณ
การนำทฤษฎีมาประยุกต์ใช้เพื่อการจัดการเรียนรู้
เน้นการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่: ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ คิดริเริ่ม เสนอแนะ แลกเปลี่ยนความคิด ลงมือปฏิบัติ
ส่งเสริมให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์: ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่ท้าทาย ส่งเสริมให้นักเรียนคิดนอกกรอบ แก้ปัญหา ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
ครูผู้สอนควรให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ เพศศึกษา การใช้ชีวิตคู่
ครูผู้สอนควรส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ อาสาสมัคร พัฒนาทักษะชีวิต
**ใช้สื่อการสอนที่หลากหลาย
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (13-15 ปี)
แนวคิดทางจิตวิทยา
ฟรอยด์:เด็กอยู่ในระยะ Genital พลังงานทางเพศถูกนำไปใช้กับคู่รัก พัฒนา "ซุปเปอร์อีโก้" เต็มที่
อิริกสัน:เด็กอยู่ในระยะ Identity vs. Role Confusion ต้องการค้นหาอัตลักษณ์ของตัวเอง
เพียเจต์:เด็กอยู่ในระยะ Formal Operations คิดแบบนามธรรม เข้าใจเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
บรูเนอร์:เด็กเรียนรู้ผ่านการสร้างแบบจำลอง การจัดหมวดหมู่ การค้นพบ การโต้แย้ง
แบนดูรา:เด็กเรียนรู้ผ่านการสังเกตเลียนแบบ บรรทัดฐานทางสังคม บทบาททางเพศ
การ์ดเนอร์:เด็กพัฒนาความฉลาดด้านต่างๆ ต่อเนื่อง เน้นความฉลาดด้านภาษา ตรรกะ คณิตศาสตร์
โคลเบิร์ก:เด็กอยู่ในระดับ Post-Conventional Morality เข้าใจกฎกติกาที่ยืดหยุ่น นำหลักการส่วนตัวมาใช้
การนำทฤษฎีมาประยุกต์ใช้เพื่อการจัดการเรียนรู้
ให้ความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษาอย่างถูกต้อง ส่งเสริมให้นักเรียนมีความสัมพันธ์ที่เหมาะสม
สนับสนุนให้นักเรียนค้นหาตัวเอง ส่งเสริมให้นักเรียนมีกิจกรรมกลุ่ม มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ
ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่ท้าทาย ส่งเสริมให้นักเรียนคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
กิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการมีส่วนร่วม การโต้ตอบ และการแลกเปลี่ยนความคิด
ผู้สอนควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก ส่งเสริมให้นักเรียนเคารพในกฎกติกาและบรรทัดฐานทางสังคม
เน้นการเรียนรู้แบบ Active Learning: ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ คิดริเริ่ม เสนอแนะ แลกเปลี่ยนความคิด ลงมือปฏิบัติ
2. ทฤษฎีพัฒนาการทางด้านสังคมของอิริกสัน
สรุปแนวคิด
เน้นการพัฒนาทางด้านสังคมและจิตใจของบุคคลตลอดช่วงชีวิต โดยเอริกสันเสนอว่าการพัฒนานี้เกิดขึ้นเป็นขั้นตอนต่างๆ ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีวิกฤตหรือความท้าทายที่ต้องผ่านไป โดยแบ่งออกเป็น 8 ขั้นตอน
ความรู้สึกเชื่อมั่นในตัวเองและไม่มั่นใจในตัวเอง
ความคิดเริ่มและความรู้สึกผิด
ความขยันหมั่นเพียรและความรู้สึกมีปมด้อย
ความเป็นเอกลักษณ์และความสับสนในบทบาท
ความใกล้ชิดสนิทสนมและความโดดเดี่ยวอ้างว้าง
การทำประโยชน์ให้แก่สังคมและการคิดถึงแต่ตนเอง
ความรู้สึกมั่นคงทางใจและท้อแท้สิ้นหวัง
ความรู้สึกไว้วางใจและความรู้สึกไม่ไว้วางใจ
3. ทฤษฎีพัฒนาการทางเชาวน์ปัญญาของเพียเจต์
สรุปแนวคิด
เพียเจต์เสนอว่าเด็กมีการพัฒนาทางเชาวน์ปัญญาผ่านการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเขาแบ่งการพัฒนานี้ออกเป็น 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
ระยะเตรียมสำหรับความคิดที่มีเหตุผล
เด็กเริ่มใช้ภาษาและภาพในการคิด
มีการพัฒนาการจินตนาการและการเล่นตามบทบาท
ขั้นปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม
สามารถจัดกลุ่มและจัดลำดับวัตถุได้
เริ่มเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับจำนวน พื้นที่ และเวลา
ขั้นปฏิบัติการที่เป็นนามธรรม
สามารถคิดอย่างมีนามธรรมและตรรกะ
สามารถทำการทดสอบสมมติฐานและคิดถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ระยะของการใช้ประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว
เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับโลกผ่านการเคลื่อนไหวและความรู้สึก
4. ทฤษฎีการเรียนรู้ของบรูเนอร์
สรุปแนวคิด
เชื่อว่าการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ทำให้ผู้เรียนมีการสร้างความรู้ใหม่และมีการปรับปรุงความรู้เดิมอยู่เสมอ การเรียนรู้มี 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
ขั้นปฏิบัติการ
เรียนรู้ผ่านการกระทำ เช่น การใช้มือจับสิ่งของเพื่อเรียนรู้ลักษณะและการใช้งานของสิ่งนั้น
ขั้นภาพพจน์
เรียนรู้ผ่านการสร้างภาพในจิตใจหรือการใช้สัญลักษณ์ เช่น การเรียนรู้ผ่านรูปภาพ แผนที่ แผนผัง
ขั้นสัญลักษณ์
เรียนรู้ผ่านการใช้สัญลักษณ์ เช่น ภาษา ตัวเลข และสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ ช่วยให้ผู้เรียนสามารถทำความเข้าใจและแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ บรูเนอร์ยังเสนอแนวคิดที่สำคัญอื่นๆ เช่น
การค้นพบด้วยตนเอง
โครงสร้างของเนื้อหา
การจัดการเรียนรู้แบบเกลียว
บรูเนอร์เน้นว่าครูควรมีบทบาทในการกระตุ้นและสนับสนุนผู้เรียนในการสำรวจและค้นพบความรู้ด้วยตนเอง และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้ที่จะนำไปสู่การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และการแก้ไขปัญหาของผู้เรียน
5. ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของแบนดูรา
สรุปแนวคิด
การเรียนรู้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงจากการได้รับประสบการณ์ตรง แต่ยังเกิดจากการสังเกตและเลียนแบบพฤติกรรมของผู้อื่นได้ด้วย มีองค์ประกอบหลักดังนี้
การสังเกต
การเลียนแบบ
การเสริมแรง และการลงโทษ
กระบวนการทางจิตวิทยา
การมีส่วนร่วมของตัวเอง
ทฤษฎีของแบนดูรายังเป็นพื้นฐานของการเข้าใจว่าไม่ใช่แค่การเสริมแรงและการลงโทษที่มีผลต่อการเรียนรู้ แต่การสังเกตและการมีส่วนร่วมของตัวเองก็มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาพฤติกรรมของบุคคล
6. ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของโฮเวิร์ด การ์ดเนอร์
สรุป
มนุษย์มีปัญญาหลายด้านที่สามารถพัฒนาและเติบโตได้ ซึ่งปัญญาเหล่านี้ประกอบด้วย 8 ประการหลัก ๆ ดังนี้
ปัญญาด้านภาษา (Linguistic Intelligence)
ปัญญาด้านตรรกะ-คณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)
ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (Spatial Intelligence)
ปัญญาด้านร่างกาย-การเคลื่อนไหว (Bodily-Kinesthetic Intelligence)
ปัญญาด้านดนตรี (Musical Intelligence)
ปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)
ปัญญาด้านการเข้าใจผู้อื่น (Interpersonal Intelligence)
ปัญญาด้านธรรมชาติ (Naturalistic Intelligence)
7. ทฤษฎีพัฒนาการทางจริยธรรมของโคลเบิร์ก
สรุป
เน้นการพัฒนาการคิดเชิงจริยธรรมของบุคคล เชื่อว่าการพัฒนาทางจริยธรรมของบุคคลมีการเปลี่ยนแปลงตามลำดับขั้นตอน แบ่งการพัฒนานี้ออกเป็น 3 ระดับหลัก และ โคลเบิร์กเชื่อว่าการพัฒนาทางจริยธรรมของบุคคลเป็นกระบวนการที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นตามลำดับขั้นตอน และการพัฒนานี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และการมีปฏิสัมพันธ์กับสังคม ผู้ที่อยู่ในขั้นสูงสุดจะสามารถตัดสินใจได้โดยใช้หลักการจริยธรรมที่เป็นสากลและเป็นธรรมในทุกสถานการณ์
ระดับที่ 1: จริยธรรมก่อนการประชุม
การเชื่อฟังและการหลีกเลี่ยงการลงโทษ
การแลกเปลี่ยนเพื่อประโยชน์ส่วนตัว
ระดับที่ 2: จริยธรรมตามการประชุม
ความสอดคล้องและความคาดหวังของผู้อื่น
การรักษาระเบียบและการปฏิบัติตามกฎหมาย
ระดับที่ 3: จริยธรรมหลังการประชุม
สัญญาสังคมและสิทธิมนุษยชน
หลักจริยธรรมสากล