Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ประเภทวัสดุ, ธัญญาภรณ์ รักศรี ม.2/3 เลขที่ 28 - Coggle Diagram
ประเภทวัสดุ
1.โลหะ (Metal) เป็นวัสดุที่ได้จากการรถลุงแร่ต่าง ๆ เช่น เหล็ก ดีบุก อะลูมิเนียม นิเกิล โลหะเหล่านี้จะมีเนื้ออ่อนไม่แข็งแรงเพียงพอที่จะนำมาใช้ในงานอุตสาหกรรมได้โดยตรง ต้องผ่านการปรับปรุงสมบัติเป็นตัวนำไฟฟ้า ตัวนำความร้อน สามารถตีเป็นแผ่นบางได้ สภาพทั่วไปมีความแข็ง ผิวมันวาวและเหนียว จึงเป็นวัสดุที่ใช้งานด้านโครงสร้าง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1) โลหะประเภทเหล็ก (Ferrous metal) คือ โลหะที่มีพื้นฐานเป็นเหล็กประกอบอยู๋ เช่น เหล็กกล้า เหล็กเหนียว เหล็กหล่อ เป็นวัสดุโลหะที่นิยมใช้ในงานโครงสร้างและใช้กันมากที่สุดในวงการอุตสาหกรรม เช่น เครื่องจักร เครื่องทุ่นแรง เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง สามารถปรับปรุงคุณภาพและเปลี่ยนแปลงรูปทรงได้หลายวิธี เช่น การหล่อ การตี การกลึง การอัดขึ้นรูป
พลาสติก (Plastic)
เทอร์มอพลาสติก(Thermoplastic)
พลาสติกเทอร์มอเซต(Thermosetting plastic)
ประเภทของพัสดุ
การเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสมกับงานจำเป็นต้องศึกษาหรือพิจารณาจากสมบัติของวัสดุนั้นให้ตรงกับงานที่ออกแบบหรือผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สามารถสร้างชิ้นงานได้ตรงกับความต้องการ มีความปลอดภัย และใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งวัสดุมีอยู่หลายประเภทและแต่ละประเภทมีสมบัติต่างกัน ดังนั้น ผู้ออกแบบชิ้นงานจะต้องกำหนดสมบัติเบื้องต้น เพื่อจะเลือกใช้วัสดุและเครื่องมือได้อย่างเหมาะสม โดยทั่วไปวัสดุ แบ่งออกเป็น2 ประเภท คือ โลหะและอโลหะ
2) โลหะนอกกลุ่มเหล็ก (Nonferrous Metal) คือ โลหะที่ไม่มีส่วนประกอบของเหล็กผสมอยู่ เช่น ดีบุกอะลูมิเนียม สังกะสี ตะกั่ว ทองแดง เงิน ทองคำขาว ทองคำขาว ทองเหลือง แมกนิเซียม โดยวัสดุประเภทนี้มีคุณสมบัติในด้านความทนทานต่อการกัดกร่อนของกรดและด่าง น้ำหนักเบา นำไฟฟ้า ยืดตัวได้ง่าย และมีความเหนียว บางชนิดมีราคาสูงกว่าเหล็กมาก จึงต้องมีการกำหนดในการใช้งานด้านอุตสาหกรรมที่เหมาะสม เช่น ทองแดงใช้กับงานไฟฟ้า ดีบุกใช้กับงานที่ทนต่อการกัดกร่อน อะลูมิเนียมใช้กับงานที่ต้องการให้มีน้ำหนักเบา
อโลหะ (Non metal) เป็นวัสดุที่มีสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้า (ยกเว้นแกรไฟต์) ฉนวนความร้อน มีอัตราการยืดตัวต่ำ ไม่สามารถตีแผ่เป็นแผ่นบางได้ ซึ่งปัจจุบันวัสดุประเภทอโลหะถูกนำมาใช้มากที่สุดและมีบทบาทในภาคอุตสาหกรรมการผลิต โดยอโลหะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1) วัสดุจากธรรมชาติ (Natural Materials) คือ วัสดุที่เกิดมาจากธรรมชาติ ที่ถูกนำมาใช้โดยอาจอยู่ในสภาพเดิมหรือต้องผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพ เช่น
ไม้สังเคราะห์ (Synthetic Wood)
เซรามิก (Ceramic)
แก้ว (Glass)
ยาง (Rubber)
ไม้ (Woo
d)
ผ้า (Fabric)
ธัญญาภรณ์ รักศรี ม.2/3 เลขที่ 28