Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พื้นฐานนาฏศิลป์ไทย (ทศกัณฐ์), จัดทำโดยนายอัยการ ศิริรัตน์, จัดทำโดยนาย…
พื้นฐานนาฏศิลป์ไทย
(ทศกัณฐ์)
ประเภทของนาฏศิลป์
นาฏศิลป์ร่วมสมัย (Contemporary Dance):• เป็นการเต้นรำที่มีการผสมผสานและพัฒนาจากนาฏศิลป์ดั้งเดิม โดยมีการทดลองและนำเอาเทคนิคใหม่ๆ เข้ามาใช้ เช่น การเต้นรำร่วมสมัยของยุโรปและอเมริกา
นาฏศิลป์ละครเวที (Theatrical Dance):• การเต้นรำที่ใช้ในการแสดงละคร มีการใช้ท่าทางและการเคลื่อนไหวเพื่อเสริมเนื้อเรื่องและสร้างอารมณ์ เช่น ละครเพลงบรอดเวย์, คาบูกิของญี่ปุ่น, และละครนอกของไทย
นาฏศิลป์พิธีกรรม (Ritual Dance):• การเต้นรำที่ใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาและความเชื่อ เช่น การเต้นรำบูชาเทพเจ้าของชาวอินเดีย, การเต้นรำในพิธีทางศาสนาของชาวพื้นเมืองในอเมริกา, และการเต้นรำในพิธีกรรมของชนเผ่าแอฟริกา
นาฏศิลป์แข่งขัน (Competitive Dance):• การเต้นรำที่มีการจัดการแข่งขันและประเมินผลงาน เช่น การเต้นรำบอลรูม, การเต้นรำฮิปฮอปในเวทีการแข่งขัน, และการเต้นรำลีลาศในระดับสากล
นาฏศิลป์คลาสสิก (Classical Dance):• เป็นการเต้นรำที่มีการกำหนดรูปแบบและท่าทางอย่างชัดเจน มักมีเรื่องราวหรือธีมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและประวัติศาสตร์ เช่น บัลเลต์คลาสสิกของยุโรป, ภารตนาฏยัมของอินเดีย, และโขนของไทย
นาฏศิลป์เพื่อการบำบัด (Therapeutic Dance):• การเต้นรำที่ใช้เพื่อการบำบัดรักษาและเสริมสร้างสุขภาพ เช่น การเต้นรำเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางกาย, การเต้นรำสำหรับเด็กพิเศษ, และการเต้นรำเพื่อการผ่อนคลายจิตใจ
นาฏศิลป์พื้นบ้าน (Folk Dance):• เป็นการเต้นรำที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นในชุมชนท้องถิ่น สะท้อนถึงวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมของชุมชน เช่น รำวงของไทย, ฮูล่าของฮาวาย, และฟลาเมงโกของสเปน
ศิลปินแห่งชาติ
คุณหญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี
ชีวประวัติ
ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง พุทธศักราช ๒๕๒๘เกิด เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๔๖ ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา (ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๓)ชีวิตครอบครัว สมรสกับ หม่อมราชวงศ์ตัน สนิทวงศ์ (พลตรี หม่อมสนิทวงศ์เสนี)การศึกษา สำเร็จหลักสูตรการศึกษาวิชาสามัญจากโรงเรียนในวังสวนกุหลาบการทำงาน รับราชการที่กรมศิลปากรเป็นผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทย ผู้อำนวยการฝึกซ้อมการแสดงนาฏศิลป์ไทย สอน และเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ เกี่ยวกับนาฏศิลป์ไทย
ผลงาน
ด้านบทวรรณกรรม
สำหรับใช้แสดง
ได้ค้นคิดปรับปรุง เสริมแต่งให้เหมาะสมกับยุคสมัยดำเนินไปโดยถูกต้องตามระเบียบแบบแผนอันมีมาแต่ดั้งเดิมเช่น บทละครเรื่องอิเหนา ตอนเข้าเฝ้าท้าวดาหา
รางวัล
ท่านผู้หญิงแผ้วถูกประกาศเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฎศิลปิ)เมื่อ พ.ศ. 2528 และได้รับรางวัลบุคคลดีเด่นของชาติสาขาศิลปะ ด้านนาฎศิลปิประจำปี พ.ศ. 2529
ผลงานเกี่ยวกับการ
แสดงศิลปะนาฎกรรม
เป็นผู้คัดเลือกการแสดง จัดทำบทและเป็นผู้ฝึกสอนฝึกซ้อม อำนวยการแสดงถวายทอดพระเนตรหน้าพระที่นั่งในวโรกาสต้อนรับพระราชอาคันตุกะ อาคันตุกรและงานของรัฐบาล หน่วยงานองค์กรต่างๆ จัดต้อนรับเป็นเกียรติแก่แขกผู้มาเยือนประเทศไทย
นายหยัด ช้างทอง
ชีวประวัติ
หยัด ช้างทอง เกิดเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2462 กรุงเทพฯเป็นบุตรของยอดและถนอม ช้างทอง หยัดเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนวัดรัชดาธิษฐาน จนจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 มีจิตใจชอบการแสดงโขนจึงไม่คิดที่จะศึกษาต่อทางด้านวิชาสามัญ หยัดจึงสมัครเข้าเป็นศิษย์ของพานัส โรหิตาจล ศิลปินโขนผู้มีชื่อเสียง หยัดได้ฝึกหัดโขนเป็นตัวยักษ์อยู่กับ พานัสจนมีความชำนาญในการแสดงโขน สามารถออกโรงแสดงได้ โดยเริ่มตั้งแต่ยักษ์ต่างเมือง จนกระทั่งแสดงเป็นยักษ์ใหญ่ คือเป็นทศกัณฐ์ได้เป็นอย่างดี ภายหลังเข้ารับราชการในกรมศิลปากรในปี พ.ศ. 2484 หยัดได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนวิสามัญอยู่ 3 ปี จนถึงปี 2487 จึงได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งศิลปินจัตวา
ผลงาน
รางวัล
นายหยัด ช้างทอง ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง(นาฎศิลปี-โขน) ประจำปีพุทธศักราช 2532
เกียรติประวัติ
หยัดได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รับมอบท่ารำหน้าพาทย์องค์พระพิราพซึ่งเป็นหน้าพาทย์สูงสุดและมีความศักดิ์สิทธิ์ในทางนาฎศิลปัไทย จากนายรง ภักดี
พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้นาฎศิลปินโขนฝ่ายยักษ์ของกรมศิลปากรรวม 7 คน เข้ารับการต่อกระบวนรำหน้าพาทย์องค์พระพิราพ หยัดได้ทำหน้าที่ผู้ช่วยนายรง ภักดีจนนาฎศิลปิโขนฝ่ายยักษ์ทั้ง 7 คน สามารถรำเพลงหน้าพาทย์องค์พระพิราพ หน้าพระที่นั่งได้อย่างถูกต้องไม่มีผิดพลาด นับว่าหยัด เป็นกำลังอันสำคัญผู้หนึ่งในการต่อท่ารำหน้าพาทย์องค์.พระพิราพในครั้งนั้น
ประโยชน์ของนาฏศิลป์ไทย
การอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรม
การพัฒนาทักษะและความสามารถ
การเรียนรู้และการศึกษา
การพัฒนาสังคมและการเสริมสร้างความสามัคคี
การส่งเสริมการท่องเที่ยว
การบำบัดและการพัฒนาสุขภาพ 7. การเผยแพร่และการเชื่อมโยงวัฒนธรรมระหว่างประเทศ
ความหมายของนาฏศิลไทย
นาฎศิลป์ เป็นคำสมาส แยกเป็น 2 คำคือ "นาฏ"กับคำว่า"ศิลปะ"
"นาฏ"หมายถึง การฟ้อนรำหรือ ความรู้แบบแผน ของการฟ้อนรำ นับแต่การฟ้อนรำพื้นเมืองของชาวบ้าน เช่น รำโทน รำวง “ศิลปะ” หมายถึง สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น สร้างอย่าง ปราณีต ดีงาม และสำเร็จสมบูรณ์ ศิลปะเกิดข
ที่มาของนาฏศิลป์
1.สมัยก่อนประวัติศาสตร์: มีหลักฐานแสดงถึงการเต้นรำและการละเล่นต่างๆ เช่น การเต้นรำเพื่อบูชาเทพเจ้า หรือการแสดงในพิธีกรรมต่างๆ
สมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 12-16): มีอิทธิพลจากอินเดียที่เห็นได้จากศิลปกรรมและวรรณคดี เช่น รามเกียรติ์ ที่มีการแสดงในรูปแบบการเต้นรำและละคร
สมัยสุโขทัย (พุทธศตวรรษที่ 18-19): เป็นช่วงที่นาฏศิลป์เริ่มมีความเป็นระเบียบและแบบแผนมากขึ้น มีการรวบรวมและถ่ายทอดความรู้และทักษะการแสดงผ่านทางรัชกาลและวัดวาอาราม
สมัยอยุธยา (พุทธศตวรรษที่ 20-23): มีการพัฒนานาฏศิลป์ในรูปแบบต่างๆ เช่น ละครใน และโขน รวมถึงมีการนำศิลปะจากประเทศเพื่อนบ้านมาผสมผสาน
สมัยรัตนโกสินทร์ (ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 24): นาฏศิลป์ไทยได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนอย่างมาก โดยเฉพาะในรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 มีการจัดตั้งสถาบันการศึกษาด้านนาฏศิลป์และการแสดง เช่น สถาบันการละครและนาฏศิลป์กรมศิลปากรนาฏศิลป์ไทยจึงเป็นผลมาจากการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมท้องถิ่นและวัฒนธรรมจากต่างประเทศ ทั้งนี้ยังมีการพัฒนาและปรับปรุงต่อเนื่องมาเพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัยและผู้ชมในปัจจุบัน
จัดทำโดยนายอัยการ ศิริรัตน์
จัดทำโดยนาย รติภัทร จุฬาทอง
จัดทำโดยนาย รัชพล ขุนทอง
จัดทำโดยนาย ธนชาติ หมุดและ