Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 การคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิ (ต่อ) - Coggle Diagram
บทที่ 5 การคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิ (ต่อ)
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำหนดสุทธิและจะต้องคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลและยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีปีละ 2 ครั้งดังนี้
3.2การคำนวณภาษีเงินได้สิ้นรอบระยะเวลาบัญชี
ให้คำนวณตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร โดยนำกำไรสุทธิคูณด้วยอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล จะได้ภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ต้องชำระ ถ้าคำนวณกำไรสุทธิออกมาแล้วหาก
ไม่มีกำไรสุทธิ หรือ ขาดทุนสุทธิ
บริษัทไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ถ้าการจัดทำบัญชีของบริษัทได้จัดทำขึ้นตาม หลักบัญชีโดยไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในประมวลรัษฎากรเมื่อจะคำนวณภาษีบริษัทจะต้องปรับปรุง กำไรสุทธิดังกล่าวให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร แล้วจึงคำนวณภาษีเงินได้ นิติบุคคล
3.1การคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี
1.ในกรณีบริษัทอยู่ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนอกจากที่กล่าวในข้อ 2 ให้จัดกระทำประมาณการกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิให้คำนวณและชำระภาษีจากจำนวนกึ่งหนึ่งของประมาณการกำไรสุทธิ
2.ในกรณีบริษัทจดทะเบียนธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ตามเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีสรรพากรกำหนด ให้คำนวณและชำระภาษีจากกำไรสุทธิของรอบระยะเวลา 6 เดือนตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 65 ทวิและ 65 ปีแห่งประมวลรัษฎากร
การยื่นแบบแสดงรายการและการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิ
4.2 สถานที่ยื่นแบบแสดงรายการ
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนอยู่ในกรุงเทพ ให้ยื่น ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา (สรรพากรเขต/อำเภอเดิม)
หากตั้งอยู่ในจังหวัดอื่น ให้ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอหรือกึ่งอำเภอ
4.1 บริษัทห้างหุ้นส่วนต้องยื่นแบบแสดงรายการชำระดังนี้
-การเสียภาษีครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี ยื่นตามแบบ ภ.ง.ด.51 ภายใน 2 เดือน นับจากวันสุดท้ายของทุก 6 เดือนแรกของรอบระยะเวลาบัญชี
-การเสียภาษีสิ้นรอบนระยะเวลาบัญชี ยื่นตามแบบ ภ.ง.ด.50 ภายใน 150 วัน นับจากวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
หากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการตาม กำหนดเวลาแล้ว จะต้องระวางโทษปรับอาญา ตามมาตรา 35 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
(2) กรณีมีเงินภาษีที่ต้องชำระ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลยังต้องรับผิดชอบ เสียเงินเพิ่มตามมาตรา 67 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน
(1) กรณียื่นแบบแสดงรายการภายใน 7 วันนับแต่วันพ้นกำหนดการยื่นแบบแสดงรายการ ต้องระวางโทษปรับ 1,000 บาท แต่หากมีการยื่นแบบแสดงรายการภายหลัง 7 วันนับแต่วันพ้นกำหนดการยื่นแบบแสดงรายการ ต้องระวางโทษปรับ 2,000 บาท
ตามมาตรา 67 ตรี แห่งประมวลรัษฎากรบทบัญญัติลงโทษบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
1.ไม่ยื่นรายการและชำระภาษีจากประมาณการกำไรสุทธิ
2.ยื่นรายการและชำระภาษีจากประมาณการกำไรสุทธิ โดยแสดงประมาณการทำไรสุทธิขาดไปเกินร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ
แนวทางการพิจารณาเหตุอันสมควรกรณีแสดงประมาณการกำไรสุทธิขาดไป ตามมาตรา 67 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 50/2537 และ มก.9/2550 ดังนี้
ดังนี้
(1) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้จัดทำประมาณการกำไรสุทธิและยืนแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีไว้ไม่น้อยกว่ากึงหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว ให้ถือว่าเป็นกรณีมีเหตุอันสมควร
(2) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการ
(3) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพื่อปรับปรุงรายได้เพิ่มขึ้น ตามข้อเท็จจริงของผลการตรวจสภาพ
(4) กรณีมีการขายทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการในรอบระยะเวลาบัญชี
ดังนี้
(5) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำลง ทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดต่ำลงด้วย
(6) การส่งสินค้าออกมีความไม่แน่นอน ทั้งปริมาณและราคาสินค้า หรือมีการยกเลิก
(7) การรับจ้างที่มีค่าจ้างไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผู้ว่าจ้างและความยากง่ายของงานที่ทำ
(8) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ
(9) กรณีปรับปรุงเหตุอันสมควรการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งประกอบกิจการทั้งที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ประมาณการกำไรสุทธิรวมไม่เกินร้อยละ 25 ถือว่ามีเหตุผลอันสมควร