Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตั้งครรภ์เกินกำหนด/การตั้งครรภ์ยาวนาน (Post-term pregnancy/ Prolonged…
การตั้งครรภ์เกินกำหนด/การตั้งครรภ์ยาวนาน (Post-term pregnancy/ Prolonged pregnancy)
การตั้งครรภ์เกินกำหนด หมายถึง การตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์42 สัปดาห์เต็ม (294 วัน) หรือมากกว่า โดยนับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย (LMP) การตั้งครรภ์เกินกำหนดพบประมาณร้อยละ 4-19 ของการตั้งครรภ์หรือประมาณร้อยละ 10 ในกรณีที่เคยตั้งครรภ์เกินกำหนด ก็มีโอกาสที่จะเกิดซ้ำได้สูงขึ้นในครรภ์ต่อไป เช่น เป็นร้อยละ 27 และ ร้อยละ 39 หากตั้งครรภ์เกินกำหนด 1และ 2 ครั้ง ตามลำดับ และโอกาสเกิดสูงขึ้นเป็น 2-3 เท่า ในสตรีตั้งครรภ์ที่มีมารดาของตนเคยคลอดบุตรเกินกำหนด โดยเกี่ยวข้องกับยีนของมารดา ในปัจจุบันอุบัติการณ์ลดลงไปเนื่องจากการยุติการตั้งครรภ์ก่อนครรภ์เกินกำหนดมากขึ้น
สาเหตุ
ปากมดลูกไม่ตอบสนองต่อสาร prostaglandin ทำให้ไม่มีอาการเจ็บครรภ์คลอด
อายุสตรีตั้งครรภ์ที่อายุน้อยกว่า 25 ปีหรือมากกว่า 35 ปี
มีประวัติเคยตั้งครรภ์เกินกำหนดมาในครรภ์ครั้งก่อน
ทารกในครรภ์มีภาวะพิการ เช่น ต่อมหมวกไตฝ่อสมองเล็กเป็นต้น
การไหลเวียนเลือดของมดลูกและรกผิดปกติ
สตรีตั้งครรภ์ที่ได้รับยายับยั้งการคลอด
มารดาของสตรีตั้งครรภ์เคยคลอดบุตรเกินกำหนดมาก่อน
พยาธิสภาพ
อาจเกิดจากความผิดปกติหรือความไม่สมดุลของฮอร์โมนที่พบในทารกในครรภ์พิการบางอย่าง เช่น ทารกที่ไม่มีกะโหลกศีรษะ ต่อมใต้สมองผิดปกติ ต่อมหมวกไตฝ่อ และการขาดฮอร์โมน Placental sulfatase deficiency เป็นต้น ทำให้การสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนมีน้อยลง สตรีตั้งครรภ์จึงไม่มีอาการเจ็บครรภ์คลอด รวมถึงปากมดลูกไม่พร้อมที่จะนำไปสู่กระบวนการคลอด
ผลกระทบ
ผลต่อสตรีตั้งครรภ์
เกิดความวิตกกังวล เครียด เกรงว่าทารกในครรภ์จะเสียชีวิตหรืออยู่ในภาวะอันตราย
การคลอดยาก เนื่องจากทารกตัวโตกว่าปกติทำให้อาจได้รับบาดเจ็บจากการคลอดจากการทำสูติหัตถการต่าง ๆ เช่น การฉีกขาดของช่องทางคลอด การหย่อยยานของอุ้งเชิงกราน การติดเชื้อ หรือการผ่าตัดคลอดทารกทางหน้าท้องสูงขึ้น การตกเลือดหลังคลอดเป็นต้น
ผลต่อทารก
เสียชีวิตในครรภ์และการเจ็บป่วยปริกำเนิดเพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่เกิดจากทารกขาดออกซิเจน และสำลักขี้เทา การเสียชีวิตของทารกในครรภ์จะสูงเป็น 2 เท่า เมื่ออายุครรภ์มากกว่า 42 สัปดาห์และเพิ่มเป็น 4 เท่า เมื่ออายุครรภ์มากกว่า 43 สัปดาห์และเพิ่มเป็น 5-7 เท่า เมื่ออายุครรภ์มากกว่า 44 สัปดาห์
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดออกซิเจน เนื่องจากการตั้งครรภ์เกินกำหนดจะทำให้น้ำคร่ำมีปริมาณน้อยลง ทำให้สายสะดือถูกกด ทารกอาจเสียชีวิตได้ซึ่งสามารถประเมินสุขภาพทารกด้วยการติดตั้งเครื่อง EFM จะพบลักษณะ prolonged deceleration หรือลักษณะของ variable deceleration
กลุ่มอาการสำลักขี้เทา พบว่าเมื่อเกิดการตั้งครรภ์เกินกำหนด ทารกจะถ่ายขี้เทาออกมาปนเปื้อนในน้ำคร่ำ ซึ่งทำให้เกิดอาการแสดงของระบบหายใจล้มเหลว อาจพบเพียงเล็กน้อยหรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได
การประเมิน
การซักประวัติทางสูติศาสตร์โดยการนับอายุครรภ์จากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย เป็นวิธีการประเมินที่ใช้มากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามควรคำนึงถึงปัจจัยที่มีผลต่อความสม่ำเสมอของประจำเดือน เช่น ประวัติการคุมกำเนิด และความสม่ำเสมอของรอบประจำเดือน
การตรวจร่างกาย การตรวจทางหน้าท้อง โดยวัดระดับยอดมดลูก อย่างไรก็ตามการประเมินอายุครรภ์ด้วยวิธีนี้อาจทำให้ได้ผลคลาดเคลื่อนในกรณีทารกอยู่ในท่าผิดปกติการตั้งครรภ์ที่มีทารกมากกว่าหนึ่ง ภาวะน้ำคร่ำมากผิดปกติรวมทั้งการตั้งครรภ์ที่มีนื้องอกมดลูกหรือรังไข่ร่วมด้วย
การตรวจพิเศษ โดยการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง เป็นวิธีที่ช่วยในการกำหนดอายุครรภ์ได้แม่นยำ โดยเฉพาะการตรวจในไตรมาสแรก นอกจากนี้หากพบปริมาณน้ำคร่ำลดลงอาจบ่งชี้ได้ว่าเกิดการตั้งครรภ์เกินกำหนด
การรักษา
การตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ เช่น NST หรือ FAST, CST, BPP, การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง เพื่อประเมินปริมาณน้ำคร่ำ เป็นต้น
การวัดปริมาณน้ำคร่ำโดยการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เริ่มตั้งแต่อายุครรภ์ 40-41 สัปดาห์ หากพบว่ามีน้ำคร่ำน้อย แสดงถึงความเสี่ยงที่ทารกจะได้รับอันตรายได้ในขณะคลอดจากการกดสายสะดือ
เมื่อตรวจพบน้ำคร่ำน้อย ควรพิจารณายุติการตั้งครรภ์ทันที สำหรับเกณฑ์ที่วินิจฉัย คือ amniotic fluid index (AFI) < 5 cm หรือ pocket ที่ใหญ่ที่สุดของน้ำคร่ำ < 2 cm
การตั้งครรภ์เกินกำหนดเป็นการตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง ควรนัดตรวจสุขภาพทารกในครรภ์สัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรืออาจจะพิจารณายุติการตั้งครรภ์เลยก็ได้ในกรณีที่ทราบอายุครรภ์ที่
แน่นอน
การยุติการตั้งครรภ์ควรพิจารณาอายุครรภ์ และลักษณะอื่น ๆ มาประกอบการตัดสินใจร่วม ด้วย เช่น หากปากมดลูกเปิดแล้ว หรือมี Bishop score สูงแสดงว่าน่าจะครบกำหนดแล้ว จึงสามารถให้คลอดได้แต่หากไม่พบสิ่งเหล่านี้ก็ควรรอจนกระทั่งมีการเจ็บครรภ์คลอดเอง โดยติดตามสุขภาพทารกอย่างใกล้ชิด แต่ถ้าหากมีหลักฐานชี้ว่าทารกอาจจะไม่ปลอดภัยก็ควรยุติการตั้งครรภ์ทันท
นางสาว วรินยุพา ตาคำ 6401210880