Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

AKI on top CKD Dx.DM, กรณีศึกษา, ผู้ป่วยคิดว่าการเจ็บป่วยในครั้งนี้เกิดจา…

- - - - รู้ว่าตนมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ความดันและไขมัน นาน 8 ปี ไปตรวจตามนัดไม่ต่อเนื่อง และรับประทานยาไม่ต่อเนื่อง
        เนื่องจากคิดว่าตนไม่มีอาการผิดปกติ ไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคไตเนื่องจากไม่ได้ไปตรวจสุขภาพ
      - เมื่อมีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยจะซื้อยาจากร้านขายยามารับประทานเอง เมื่ออาการไม่ดีขึ้นจึงเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล
    - - ผู้ป่วยทำอาหารรับประทานด้วยตนเอง และรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา
      - ชอบรับประทานอาหารที่มีรสชาติเค็ม เช่น แกงป่า
        ไม่ชอบรับประทานอาหารรสหวาน
      - ขณะอยู่โรงพยาบาลได้รับประทานอาหารเฉพาะโรคไต
        อาหารโพแทสเซียมต่ำและฟอสฟอรัสต่ำ งดผัดและผลไม้สด
      - ผู้ป่วยมีอาการกระหายน้ำและดื่มน้ำปริมาณมาก ประมาณ 3-4 ลิตรต่อหนึ่งวัน
    - - ขณะอยู่ที่โรงพยาบาลผู้ป่วยปัสสาวะบ่อย ในช่วงกลางวัน 3-4 ครั้ง ในช่วงกลางคืน 5-6 ครั้ง
        แต่ออกปริมาณน้อย
    - - สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้และ ใช้เวลาว่างในการทำงานบ้านขณะอยู่ที่บ้าน
    - - ขณะอยู่ที่โรงพยาบาลสามารถนอนหลับพักผ่อนได้ 6-8 ชั่วโมง มีการตื่นกลางดึกเพื่อขับถ่ายปัสสาวะ 5-6 ครั้ง มีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย
    - - ผู้ป่วยนับถือศาสนาพุทธ ไม่ค่อยได้ไปปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา ขณะอยู่โรงพยาบาลไม่ได้มีการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา
    - - เมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ผู้ป่วยจะนำมาคิดซ้ำๆ และปรึกษาคนในครอบครัวเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา
    - - ไม่มีปัญหาทางเพศสัมพันธุ์และการเจริญพันธุ์
      - ประจำเดือนหมดไปเมื่ออายุ 52 ปี
    - - การเจ็บป่วยครั้งนี้ส่งผลให้ต้องมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจึงขาดการดูแลคนในครอบครัวเนื่องจากก่อนเจ็บป่วยป่วยเป็นคนดูแลคนในครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ เช่น การทำอาหาร ทำงานบ้าน
    - - ผู้ป่วยทราบว่าตนเองสุขภาพไม่ดี มีโรคประจำตัวหลายโรคจึงมีการวางแผนการใช้ชีวิตหลังออกจากโรงพยาบาลด้วยการรับประทานยาจามแผนการรักษาของแพทย์และมาตรวจตามนัด
  - - - ไม่มีโรคประจำตัว
    - - ไม่มีโรคประจำตัว
    - - ไม่มีโรคประจำตัว
    - - ไม่มีโรคประจำตัว
    - - ไม่มีโรคประจำตัว
- - - - ตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ มักเกิดขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อย
        โดยมีการสร้างautoimmuneมาทำลายbata cellsของตับอ่อน
        
        จำเป็นต้องใช้อินซูลินเพื่อป้องกันการเกิดภาวะ DKA
    - - ตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอหรือมีภาวะดื้ออินซูลิน
        
        เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
        
        ผู้ป่วยถูกวินิจฉัยเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 จากพฤติกรรมการรับประทานยาไม่ต่อเนื่อง และไม่ควบคุมการรับประทานอาหาร
    - - ความผิดปกติของความทนต่อกลูโคส
        ซึ่งเกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์
    - - ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน type 2
        เนื่องจากมีพฤติกรรมในการชอบรับประทานน้ำอัดลมและไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
  - - - สอบถามเกี่ยวกับอาการของโรคเบาหวาน
    - - ตรวจดูการมองเห็นของตา
        
        การตรวจจอประสาทตาด้วยวิธีการขยายรูม่านตา
      - ตรวจลักษณะเท้า
        
        1.บาดแผลบริเวณเท้า
        2.รูปทรงของเท้า เช่น เท้าแบน
        3.ตรวจดูการไหลเวียนของเลือดด้วยการคลำชีพจรบริเวณเท้า
        4.การทดสอบความรู้สึกโดยการใช้ Monofilament
      - อาการบวมทั่วร่างกาย การกดบู๋ม
    - - ผลตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเวลาใดก็ได้
        
        เจาะบริเวณปลายนิ้ว
        
        ค่าปกติในคนที่เป็นเบาหวาน 80-200 mg/dl
        
        ค่าปกติ 80-120 mg/dl
      - ผลตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง
        
        ให้ผู้ป่วยอดอาหารเป็นเวลา 8 ชั่วโมง
        
        คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงค่าจะอยู่ที่ 100-125
        
        ค่าปกติ 70-100
        
        มากกว่า 126 หมายความว่าเป็นเบาหวาน
      - การตรวจระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมหรือฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี
        
        การเจาะตรวจเม็ดเลือดแดง (Hemoglobin A1c)
        (ใช้สำหรับดูพฤติกรรมการควบคุมน้ำตาลของผู้ป่วย)
        
        โดยปกติ Hemoglobin จะไปจับกับ Oxygen และจับน้ำตาลน้อยกว่า 6.5% ในคนที่เป็นเบาหวาน Hemoglobin จะจับน้ำตาลมากกว่า 6.5%
      - การทดสอบการตอบสนองของฮอร์โมนอินซูลินต่อระดับน้ำตาลในเลือด
        
        ค่าปกติต้องน้อยกว่า 140 mg/dl หลังดื่มน้ำตาลไป 2 ชั่วโมง
        
        ส่วนใหญ่ใช้ในการทดสอบผู้ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์
  - - - ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน
      - หิวบ่อย
      - น้ำหนักลดหรือเพิ่มผิดปกติ
      - สายตาพล่ามัว เห็นภาพไม่ชัด
      - กระหายน้ำมาก ปากแห้ง
      - รู้สึกเหนื่อยง่าย
      - มีอาการชาโดยเฉพาะ มือและเท้า
      - บาดแผลหายยาก
    - - ปัสสาวะบ่อยในช่วงกลางคืน
      - กระหายน้ำ ปากแห้ง
      - รู้สึกเหนื่อยง่าย
  - - - ภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติจากการที่ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดที่ได้จากการรับประทานอาหารไปใช้ได้ตามปกติ เนื่องจากมีความผิดปกติของระบบการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตที่เกิดจากร่างกายมีอินซูลินไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายหรือเกิดจากการเสื่อมสภาพของตับอ่อน
    - - เกิดจากการรับประทานยาไม่ต่อเนื่องจึงทำให้ปริมาณฮอร์โมนอินซูลินมีไม่มากพอที่จะจับกับน้ำตาลในกระแสเลือด ร่วมกับผู้ป่วยไม่ควบคุมการรับประทานอาหาร
  - - - ให้ฮอร์โมนอินซูลินชนิดฉีด
      - การควบคุมอาหาร
      - การออกกำลังกาย
    - - การควบคุมอาหาร
      - การออกกำลังกาย
      - ควบคุมน้ำหนัก
      - รับประทานยาลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
      - ให้ฮอร์โมนอินซูลินชนิดฉีด
    - - ได้รับยาลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
      - การควบคุมอาหาร
      - ติดตามระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
  - - - Hypoglycemia
        
        มือสั่น ทรงตัวไม่อยู่
        
        เกิดจากภาวะขาดน้ำ และเสียสมดุลของโซเดียม โพแทสเซียม
        
        อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ หน้ามืด
        
        เกิดจากภาวะขาดน้ำ และเสียสมดุลของโซเดียม โพแทสเซียม
        
        เป็นตะคริวบ่อย
        
        เกิดจากภาวะขาดน้ำ และเสียสมดุลของโซเดียม โพแทสเซียม
        
        มีอาการคันตามผิวหนัง
        
        ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้การหมุนเวียนของเลือดทำงานได้ไม่ดี ส่งผลต่อสภาพผิวหนัง
        
        มือเท้าเย็น
        
        เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลในกระแสเลือดจำนวนมากจึงทำให้ความข้นของเลือดเพิ่มมากขึ้น การไหลเวียนของเลือดช้าลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลายได้ช้า
      - Hyperglycemia
        
        ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงร่วมกับเลือดเป็นกรด diabetic ketoacidosis (DKA)
        
        ผู้ป่วยขาดอินซูลินจึงทำให้ไม่สามารถนำน้ำตาลในกระแสเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้ทำให้มีน้ำตาลค้างอยู่ในกระแสเลือดปริมาณมาก ร่างกายจึงดึงเอาไขมันมาใช้เป็นพลังงานแทน และได้ของเสียเป็นคีโตน โดยคีโตนจะถูกขับออกทางปัสสาวะและเมื่อไตทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถขับคีโตนออกได้จะส่งผลให้มีคีโตนในกระแสเลือดสูงทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรดร่วมกับการมีน้ำตาลในกระแสเลือดสูง
        
        อาการ
        
        คลื่นไส้ อาเจียน
        
        กระหายน้ำ
        
        ปัสสาวะบ่อย
        
        หายใจหอบลึก
        
        พบคีโตนในปัสสาวะ
        
        มึนงง สับสน
        
        อาการที่พบในกรณีศึกษา
        
        กระหายน้ำ
        
        ปัสสาวะบ่อย
        
        หายใจหอบลึก
        
        พบคีโตนในปัสสาวะ
        
        ปัจจัยที่ก่อให้เกิด
        
        การขาดยา/หยุดฉีดอินซูลิน
        
        โรคที่ก่อภาวะเครียดต่อร่างกาย เช่น ภาวะติดเชื้อ การได้รับอุบัติเหตุ หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
        
        การได้รับอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลไม่เพียงพอ
        
        การได้รับยาบางชนิดที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เช่น ยาสเตียรอยด์
        
        จากกรณีศึกษา
        
        การหยุดใช้ยาด้วยตนเอง
        
        ผู้ป่วยเบื่ออาหารจึงรับประทานอาหารได้น้อยลง
        
        เกิดภาวะMetabolic acidosis เนื่องจากไตทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        O : ผู้ป่วยมีอาการหายใจหอบลึก อัตราการหายใจ 24ครั้ง/นาที อ่อนเพลียเล็กน้อย ไม่มีอาการสับสนมึนงง ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ไม่ปวดท้อง มีอาการปัสสาวะบ่อยออกน้อย อัตราการเต้นของหัวใจ 72ครั้งต่อนาที
        
        O : ระดับน้ำตาลในการแสเลือด
        
        3 more items...
        
        O : ผลตรวจ ABG
        
        2 more items...
        
        จุดมุ่งหมายทางการพยาบาล
        
        ผู้ป่วยไม่มีอาการMetabolic acidosis
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        1.ผู้ป่วยไม่มีอาการMetabolic acidosis ได้แก่ หายใจหอบลึก หายใจเป็นกลิ่นผลไม้สุก อ่อนเพลีย สับสนมึนงง คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง มีอาการปัสสาวะบ่อย ชีพจรเต้นเร็ว
        
        2.ผลตรวจระดับน้ำตาลปลายนิ้ว อยู่ในช่วง 80-200 mg/dl
        
        3.ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (ABG)
        
        4 more items...
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินภาวะ Metabolic acidosis ได้แก่ หายใจหอบลึก หายใจเป็นกลิ่นผลไม้สุก อ่อนเพลีย สับสนมึนงง คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง มีอาการปัสสาวะบ่อย ชีพจรเต้นเร็ว
        
        2.ดูแลให้สารน้ำทดแทนทางหลอดเลือดดำ ตามแผนการรักษา เพื่อลดอาการขาดน้ำ และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
        
        3.ดูแลให้ยาลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือดเมื่อผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในกระแสเลือด มากกว่าหรือเท่า 200 mg/dl
        
        5.ดูแลให้ได้รับ 7.5 % NaHCO3 ตามแผนการรักษาเพื่อภาวะความเป็นกรดในร่างกาย
        
        4.ประเมินระดับน้ำตาลในกระแสเลือดของผู้ป่วยโดยการเจาะเลือดบริเวณปลายนิ้วซ้ำหลังให้ยาลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
        
        6.ติดตามบันทึกสารน้ำเข้าออก
        
        7.6.ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
        
        ผลการประเมิน
        
        ผู้ป่วยรู้สึกตัวดีอาการอ่อนเพลียน้อยลง ยังมีอาการกระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
        ผลตรวจระดับน้ำตาลปลายนิ้ว
        วันที่ 19 เมษายน 2567 เวลา 14:00น. ได้ 243 mg/dl
        
        ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (ABG) วันที่ 15 เมษายน 2567
        
        4 more items...
        
        การป้องกันภาวะเลือดเป็น
        
        ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดสม่ำเสมอ
        
        ห้ามหยุดยาเอง ให้รับประยาเบาหวานหรือฉีดอินซูลินตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
        
        รับประทานอาหารที่เหมาะสม เช่น คาร์โบไฮเดรต และดื่มน้ำให้เพียงพอ
        
        พักผ่อนให้เพียงพอ
        
        การรักษาภาวะเลือดเป็นกรด
        
        ทฤษฎี
        
        ดูแลให้ได้รับอินซูลินทางหลอดเลือดดำ
        
        ดูแลให้ออกซิเจน
        
        ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ
        
        ดูแลให้ได้รับ 7.5 % NaHCO3
        
        ภาวะเลือดมีความเข้มข้นสูงจากน้ำตาลในเลือดเกิน hyperosmolar hyperglycemic state (HHS)
        
        เป็นภาวะแทรกซ้อนจากน้ำตาลสูงชนิดเฉียบพลันเช่นเดียวกับภาวะน้ำตาลในเลือดสูงร่วมกับเลือดเป็นกรดจากสารคีโตน (DKA)
        แต่ภาวะ HHS มักจะมีความ รุนแรงมากกว่า
        ไม่มีความเป็นกรดในกระแสเลือด ไม่พบคีโตนสะสมในเลือด
        ไม่มีกลิ่นหายใจผลไม้สุก
        
        ปัจจัยเสี่ยง
        
        มีปัญหาด้านสุขภาพ
        
        อุบัติเหตุ
        
        การติดเชื้อ
        
        ภาวะหัวใจวาย
        
        ดื่มน้ำไม่พอ
        
        ผู้สูงอายุ
        
        โรคไต
        
        โรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้
        
        การหยุดยาเอง
        
        ใช้ยาบางส่วนร่วม เช้น ยาสเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ
        
        อาการ
        
        ปวดศีรษะ
        
        ปัสสาวะบ่อย เนื่องจากร่างกายพยายามขับน้ำตาลส่วนเกินออกทางปัสสาวะ
        
        กระหายน้ำมากขึ้น ปากแห้ง คอแห้ง
        
        อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
        
        คลื่นไส้
        
        มีไข้สูง
        
        น้ำหนักลด
        
        มีอาการชัก
        
        สับสน มึนงง ซึมลง ไม่รู้สึกตัว
        
        ภาวะช็อคจากขาดน้ำรุนแรง
        
        การรักษา
        
        ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
        
        ดูแลให้ได้รับอินซูลินร่วมกับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ ตามแผนการรักษาพร้อมทั้งเฝ้าระวังภาวะโพแทสเซียมต่ำ
        
        บันทึกสารน้ำเข้า-ออกร่างกาย
        
        ประเมินสัญญาณชีพ
        
        ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ ระดับน้ำตาลในเลือด และค่าความเข้มข้นของเลือด
        
        เกิดภาวะHyperglycemiaเนื่องจากอินซูลินไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดได้
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        S : "ไม่ได้กินยาที่หมอให้มา 2 อาทิตย์,กินน้ำอัดลมวันเว้นวัน,กินน้ำเยอะ 3-4ลิตร/วัน,กลางคืนฉี่บ่อยแต่ฉี่ออกทีละน้อย"
        
        O : ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย กระหายน้ำมาก ปัสสาวะบ่อยแต่ออกน้อย ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน การมองเห็นของตาสามารถมองเห็นได้ปกติ มีอาการชาบริเวณปลายมือปลายเท้าบางครั้ง บริเวณเท้าไม่มีรอยแผล
        O : ผลตรวจระดับน้ำตาลปลายนิ้ว
        วันที่ 16 เมษายน 2567 เวลา 14:00น. ได้ 143 mg/dl
        วันที่ 17 เมษายน 2567 เวลา 14:00น. ได้ 367 mg/dl
        วันที่ 18 เมษายน 2567 เวลา 14:00น. ได้ 143 mg/dl
        
        จุดมุ่งหมายทางการพยาบาล
        
        ควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดของผู้ป่วยเพื่อไม่ให้เกิดภาวะHyperglycemia
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        1.ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะhyperglycemia ได้แก่ กระหายน้ำ ปากแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน กระสับกระส่าย ปัสสาวะบ่อย หน้าแดง
        
        2.ผลตรวจระดับน้ำตาล อยู่ในช่วง 80-200 mg/dl
        
        การประเมินผล
        
        ผู้ป่วยรู้สึกตัวดีอาการอ่อนเพลียน้อยลง ยังมีอาการกระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
        ผลตรวจระดับน้ำตาล วันที่ 19 เมษายน 2567 เวลา 14:00น. ได้ 243 mg/dl
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินอาการ Hyperglycemia ได้แก่ กระหายน้ำ ปากแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน กระสับกระส่าย หน้าแดง ปัสสาวะบ่อย
        
        2.ประเมินระดับน้ำตาลในกระแสเลือดของผู้ป่วยโดยการเจาะเลือดบริเวณปลายนิ้ว
        
        3.ดูแลให้ยาลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือดเมื่อผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในกระแสเลือด มากกว่าหรือเท่า 200 mg/dl
        
        4.ประเมินระดับน้ำตาลในกระแสเลือดของผู้ป่วยโดยการเจาะเลือดบริเวณปลายนิ้วซ้ำหลังให้ยาลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
        
        5.ติดตามบันทึกสารน้ำเข้าออก
    - - Macrovascular complications
        
        Cardiovascular disease
        
        กลุ่มอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
        (Acute Coronary Syndrome; ACS)
        
        กลุ่มอาการที่มีลักษณะบ่งชี้ถึงกล้ามเนื้อ หัวใจขาดเลือดอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน
        
        สาเหตุ
        
        หลอดเลือดแดงหัวใจอุดตัน
        
        อาการ
        
        เจ็บเค้นอกรุนแรงเฉียบพลัน หรือเจ็บขณะพักนานกว่า 20 นาที
        
        Peripheral vascular disease
        
        Atherosclerosis
        
        ภาวะหลอดเลือดแข็ง (Atherosclerosis) เป็นภาวะที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดชั้นในหนาตัวขึ้นเรื่อย ๆ มีไขมันไปสะสมระหว่างหลอดเลือดเป็นไขมัน จนในที่สุดทำให้เกิดหลอดเลือดตีบตัน เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการของอวัยวะต่าง ๆ ขาดเลือดเกิดขึ้น
        
        Cerebral vascular Disease
        
        โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
        
        ภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงเนื่องจากหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแตก ส่งผลให้เนื้อเยื่อในสมองถูกทำลาย การทำงานของสมองหยุดชะงัก
        
        อาการ
        
        1.ชาหรืออ่อนแรงที่ใบหน้าและ/หรือบริเวณแขนขาครึ่งซีกของร่างกาย
        
        2.พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว มุมปากตก น้ำลายไหล กลืนลำบาก
        
        3.ปวดศีรษะ เวียนศีรษะทันทีทันใด
        
        4.ตามัว มองเห็นภาพซ้อนหรือเห็นครึ่งซีก หรือตาบอดข้างเดียวทันทีทันใด
        
        5.เดินเซ ทรงตัวลำบาก
        
        Transient ischemic attack; TIA
        
        เป็นภาวะที่มีอาการที่คล้ายคลึงกับโรคหลอดเลือดสมอง แต่จะมีความรุนแรงน้อยกว่าเนื่องจากอาการของผู้ป่วยจะหายได้ภายใน 24 ชั่วโมง
      - Microvascular complications
        
        Retinopathies
        
        3 ระยะ
        
        1.เบาหวานขึ้นตาระยะที่ยังไม่มีเส้นเลือดงอกใหม่มีจุดเลือดออกและไขมันสีเหลืองรั่วออกมาสะสมอยู่ในจอประสาทตา
        
        Non Proliferative Diabetic Retinopathy (NPDR)
        
        การรักษา
        
        4 more items...
        
        2.เบาหวานขึ้นตาระยะรุนแรง มีเส้นเลือดงอกใหม่ และมีเลือดออกในน้ำวุ้นตา ทำให้ตามัว
        
        Proliferative Diabetic Retinopathy (PDR)
        
        3.เบาหวานขึ้นตาระยะรุนแรงมีเส้นเลือดงอกใหม่มีพังผืดดึงรั้งจอประสาทตาทำให้จอประสาทตาลอก
        
        Neuropathies
        
        ความผิดปกติของเส้นประสาทส่วนปลาย เช่นปลายมือ ปลายเท้า
        
        อาการ
        
        อาการชา เหน็บ
        
        ความรู้สึกบริเวณปลายมือและเท้าลดลง · กล้ามเนื้ออ่อนแรง
        
        Nephropathies
        
        โรคไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease CKD)
        
        ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังจะมีอาการไตวายเรื้อรังอันเกิดมาจากไตทีสูญเสียการทำงานทีละน้อย เมื่อโรคไตเข้าสู่ระยะท้าย ๆ ของเหลว เกลือแร่และของเสียที่สะสมในร่างกายจะสูงขึ้นในระดับที่อาจเป็นอันตรายได้
        
        อาการ
        
        ทฤษฎี
        
        มีอาการเบื่ออาหาร
        
        มีอาการเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย
        
        ปริมาณของปัสสาวะเปลี่ยนแปลงไป ออกน้อยลง
        
        มีกล้ามเนื้อกระตุกและเป็นตะคริว
        
        มีอาการอาเจียนหรือคลื่นไส้
        
        มีอาการคันตามผิวหนังตลอดเวลา
        
        มีอาการบวมทั่วร่างกาย
        
        กรณีศึกษา
        
        มีอาการเบื่ออาหาร
        
        1 more item...
        
        มีอาการเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย
        
        1 more item...
        
        ปริมาณของปัสสาวะเปลี่ยนแปลงไป ออกน้อยลง
        
        1 more item...
        
        มีอาการบวมทั่วร่างกาย กดบุ๋ม 1+
        
        1 more item...
        
        มีทั้งหมด 5 ระยะ
        
        ระยะที่ 1
        
        eGFR มากกว่าหรือเท่ากับ 90 ml/min/1.73n
        
        เริ่มพบโปรตีนรั่วในปัสสาวะ แต่อัตราการกรองยังปกติ
        
        การรักษา
        
        1 more item...
        
        ระยะที่ 2
        
        eGFR 60-90 ml/min/1.73n
        
        เริ่มพบโปรตีนรั่วในปัสสาวะ แต่อัตราการกรองลดลงเล็กน้อย
        
        การรักษา
        
        1 more item...
        
        ระยะที่ 3
        
        ระยะ 3b
        
        2 more items...
        
        ระยะ 3a
        
        2 more items...
        
        ระยะที่ 4
        
        eGFR 15-29 ml/min/1.73n
        
        อัตราการกรองของไลดลงมาก
        
        ควบคุมอาหาร ให้ออกกำลังกายตามคำแนะนำของแพทย์ ตรวจเลือดและปัสสาวะติดตามอาการทุก 3 หรือ 6 เดือน
        
        ระยะที่ 5
        
        eGFR น้อยกว่า 15 ml/min/1.73n
        
        ไตวายระยะสุดท้าย
        
        รักษาด้วยการฟอกเลือดเมื่อค่า GFR ต่ำกว่า 9, หรือทำการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายไต
        
        พยาธิสภาพ
        
        ทฤษฎี
        
        ไตวายเรื้อรัง (Chronic kidney disease) เป็นภาวะที่ไตถูกทำลายอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ส่วนใหญ่ไม่มีอาการจนกระทั่งการทำงานของไตเสียหน้าที่กว่าครึ่งจึงเริ่มมีอาการแสดงให้เห็นโดยไตมีอัตราการกรองน้อยกว่า 60 มิลลิลิตร/นาที/1.73 ตารางเมตร นานมากกว่า 3 เดือน หรือไตมีอาการผิดปกติมากกว่า 3 เดือน เมื่อมีของเสียในเลือดสูง (azotemia) นานกว่า 3 เดือน ตรวจพบ Broad cast ในปัสสาวะ และมีภาวะ normochromic normocytic anemia ร่วมกับไตมีขนาดเล็กลงทั้ง 2 ข้าง
        จะจัดว่าอยู่ในประเภทเรื้อรัง
        
        กรณีศึกษา
        
        แพทย์วินิจฉัยเป็น AKI on top CKD
        หากผู้ป่วยมีค่า eGFR น้อยกว่า 60 มิลลิลิตร/นาที/1.73 ตารางเมตร นานมากกว่า 3 เดือน
        จะถูกวินิจฉัยเป็นไตเรื้อรังระยะสุดท้าย จะได้รับการรักษาด้วยการฟอกเลือดหรือทำการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายไต
        
        สาเหตุ
        
        ทฤษฎ๊
        
        มีสาเหตุมาจากโรคเรื้อรัง เบาหวาน เมื่อมีน้ำตาลในกระแสเลือดสูงเป็นเวลานานจะทำให้เลือดไปเลี้ยงที่ไตไม่มีประสิทธิภาพและมีแรงดันในหลอดเลือดมากขึ้นร่วมกับไขมันที่เข้าไปเกาะตามผนังหลอดเลือด อาจส่งผลให้หลอดเลือดปริแตกหรืออุดตัน หรือหลอดเลือดฝอยไตอักเสบได้
        
        กรณีศึกษา
        
        ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดัน ไขมันมาเป็นเวลานาน และไม่มีการควบคุมอาหาร นอกจากนั้นยังรับประทายาไม่ต่อเนื่องอีกด้วย
  - - - อินซูลินถูกสร้างจากตับอ่อน
        
        ตับอ่อนจำแนกออกเป็น 2 หน้าที่
        
        Exocrine function
        
        1.Alpha cells
        
        ขับหลั่งกลูคากอนโดยการสลายไกลโคเจนจากตับให้เป็นกลูโคส
        
        ส่งเสริมการขับหลั่งน้ำดี
        
        ยับยั้งการขับหลั่งของ Gastric secretion
        
        2.Beta cells
        
        ขับหลั่งอินซูลิน
        
        3.Delta cells
        
        1.ยับยั้งการหลั่งกลูคากอนและอินซูลิน
        2.หลั่งฮอร์โมนแกสตริน
        
        Endocrine function
        
        1.Acinar cells
        
        หลั่งเอนไซม์ในการย่อย ไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต
        
        Amylase
        
        1 more item...
        
        lipase
        
        1 more item...
        
        Proteases
        
        1 more item...
        
        2.Centroacinar and duct cells
        
        ช่วยขับหลั่ง
        
        น้ำ
        
        อิเล็กโทรไลต์
        
        1 more item...
  - - - ผู้ป่วยมีอายุเยอะ
      - ไม่ค่อยออกกำลังกาย
      - รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์
      - เป็นโรคความดันโลหิตสูง
      - โรคไขมันในเลือดสูง