Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Urinary Tract Infection: UTI, โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus), อาการ,…

- - - - ผลตรวจ พิเศษ
        
        EMERGENCY ULTRASONOGRAPHY OF KUB SYSTEM
        IMPRESSION: Limitation to evaluate urinary bladder due to collapsed urinary bladder
        
        Mild renal parenchymal disease of right kidney
        
        Collapsed urinary bladder with foley's catheter insertion. A 0.5-cm calcification in right hepatic lobe, probably calcified granuloma or other.
        
        พบสภาวะแคลเซียมเกาะ
        ที่ตับ Lobe ขวา
        
        Hepatic calcification
        Calcified granuloma ในตับ มักเกิดจาก tuberculosis หรือ histoplasmosis อาจจะมีเพียงอันเดียว หรือหลายอัน มีลักษณะเหมือนกับที่เห็นในปอด Metastatic adenocarcinoma ในตับ ส่วนใหญ่จะมาจาก primary mucin-producing tumors ของลำไส้ใหญ่ หรือ ovarian cystadenocarcinoma อาจจะมี calcification ซึ่งมีลักษณะเป็นจุดละเอียด เรียกว่าpsammomatous
      - วินิฉัยแรกรับ
        DX: Sepsis c UTI
        
        Sepsis คือ ภาวะที่ร่างกายของเรามีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการติดเชื้อหรือต่อพิษของเชื้อโรคโดยทำให้เกิดการอักเสบขึ้นทั่วทั้งร่างกายซึ่งการติดเชื้อนั้นอาจเกิดขึ้นที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งของร่างกายหรือเป็นการติดเชื้อทั่วร่างกายก็ได้
        
        การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ (urinary tract infection) คือการตอบสนองของการอักเสบของเยื่อบุผิวระบบทางเดินปัสสาวะต่อการบุกเข้าของแบคทีเรีย มักตรวจพบว่ามีแบคทีเรียและเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะจากการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ (UTI)เชื้อเข้าสู่บริเวณช่องเปิดของท่อปัสสาวะ และเคลื่อนขึ้นไปตามท่อปัสสาวะ เข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ ท่อไต และไต และทำให้เกิดการติดเชื้อส่งผลให้เกิดภาวะติดเชื่อในร่างกาย(Sepsis) ที่ร่างกายของเรามีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการติดเชื้อหรือต่อพิษของเชื้อโรคโดยทำให้เกิดการอักเสบขึ้นทั่วทั้งร่างกาย เชื้อแบคทีเรียจะซึมเข้าสู่กระแสเลือดและแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดทันที
        
        สาเหตุของ
        โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่สำคัญคือ แบคทีเรีย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ใน ลำไส้ของคนเรา โดยมีกลไกการติดเชื้อคือ แบคทีเรียดังกล่าวมีการเคลื่อนที่จากลำไส้มาปนเปื้อนบริเวณส่วนนอก(Anus) จากนั้นเข้าสู่บริเวณช่องเปิดของท่อปัสสาวะ และเคลื่อนขึ้นไปตามท่อปัสสาวะ เข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ ท่อไต และไต และทำให้เกิดการติดเชื้อในอวัยวะที่เคลื่อนไปถึง นอกจากนั้นแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดการติดเชื้ออาจมาจากกระแสเลือดในผู้ที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดนำมาก่อน หรือมาจากการติดเชื้อของอวัยวะใกล้เคียงกับระบบ ทางเดินปัสสาวะ
        
        มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆที่เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ เช่น การร่วมเพศ และการกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ ก็สามารถพบการเกิด UTI ได้เช่นกัน มักพบได้ได้สูงในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน, ผู้ป่วยผ่าตัดเปลี่ยนไต, ผู้ป่วยสูงอายุ หรือมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้มีความสามารถของภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลง
        
        อาการและอาการแสดง
        
        ไข้ หนาวสั่นทันที
        
        คลื่นไส้อาเจียน
        
        ปัสสาวะถี่ (frequency)
        
        อ่อนแรงร่วมด้วย
        
        ปัสสาวะขัด (dysuria)
        
        กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (urgency)
        
        กรณีศึกษา
        มาด้วยอาการสำคัญไข้สูง 39 C ซึมลง ออนเพลีย
        3 hr ก่อนมา มีปัสสาวะแสบขัด
        
        สาเหตุของการติดเชื้อในกระแสเลือดที่พบได้มากที่สุดโดยเชื้อแบคทีเรียจะซึมเข้าสู่กระแสเลือดและแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดทันที ปัญหาสุขภาพซึ่งเป็นสาเหตุของการคิดเชื้อในกระแสเลือดได้แก่โรคที่เกี่ยวกับการติดเชื้อในปอด เช่นปอดบวม การติดเชื้อที่ไต โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ
        
        มีการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะร่วม
        
        ภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิต (Sepsis) เป็นภาวะวิกฤตคุกคามต่อชีวิตที่สำคัญ ที่เกิดจากกระบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกายอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง จนทำ ให้เกิดภาวะช็อก (Septic shock) นาไปสู่ภาวะที่มีอวัยวะล้มเหลว
        
        (Septic shock)
        
        ช็อกจากการติดเชื้อ (septic shock) เป็นภาวะวิกฤตที่คุกคามต่อชีวิต เนื่องจากเป็นการติดเชื้อใน กระแสเลือดที่มีการดา เนินของโรคจนทา ให้ระบบไหลเวียนโลหิต การทา งานของเนื้อเยื่อ ระบบเผาผลาญ (metabolism) ล้มเหลวผู้ป่วยมีความดัน โลหิตซีสโตลิคน้อยกว่า 90 mmHg หรือลดลงมากกว่า 40 mmHg จากระดับความดันโลหิตเดิมโดยไม่ทราบสาเหตุและไม่ตอบสนองต่อการให้สารน้า ชนิด crystalloid 30 มิลลิลิตร/กิโลกรัม มีหลักฐานบ่งชี้ว่ามีเลือดไปเลี้ยงอวยัวะต่างๆ ลดลง เช่น lactic acidosis ปัสสาวะออก น้อย หรือมีระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง ต้องได้รับยากระตุ้นหัวใจหรือยากระตุ้นการบีบตัวของหลอด เลือด หากไม่ได้รับดูแลรักษาอยา่ งทนั ท่วงทีจะทา ให้มีโอกาสเสียชีวติเพิ่มขึ้น
      - Acute pyelonephritis
        
        Acute pyelonephritis (APN)
        กรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis)
        พยาธิ
        • กรวยไตอักเสบเฉียบพลับ (Acute pyelonephritis) เป็นการติดเชื้อบริเวณส่วน Pelvis ของไต
        • สำหรับผู้ใหญ่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
        • อาการมักพบไข้สูง ปวดเอว และเคาะเจ็บบริเวณสีข้าง (Flank pain) ปัสสาวะขุ่น พบเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ
        
        กรณีศึกษาผู้ป่วยมี 39 C ไข้สูง ปวดเอว และเคาะเจ็บบริเวณสีข้าง (Flank pain) ปัสสาวะขุ่น พบเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ
        
        ข้อวินิจฉัยการพยาบาล มีการอักเสบที่กรวยไตเนื่องจากมีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนบน
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        S : ไข้สูง หนาวสั่น ปัสสาวะแสบขัด
        O: ค่า LAB ที่พบCBC
        
        WBC count 13550 H
        
        Neutrophil 83 H
        
        Lymphocyte 6.8 L
        
        O:UA
        
        Color Amber
        
        Appearance Cloudy
        
        Leukocyte 3+
        
        Protein 2+
        
        Ketone Trace
        
        Erythrocyte 1+
        
        WBC 50-100 H
        
        จุดมุ่งหมาย
        ไม่มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
        
        1 more item...
        
        สาเหตุ
        กรวยไตอักเสบ เป็นการอักเสบของกรวยไต (renal pelvis) อาจเกิดขึ้นข้างเดียวหรือสองข้าง
        
        มักเกิดจากการติดเชื้อในส่วนล่างของทางเดินปัสสาวะ (lower urinary tract) แล้วลุกลามขึ้นมาถึงไตเนื้อไต ท่อไต
        
        เกิดการอักเสบโดยทั่วไป อาจเกิดหนองเป็นหย่อม ๆ บริเวณเนื้อไต หลอดไตอาจเกิด necrosis และอาจลามไปถึง renal cortex, medulla เป็นโรคอันดับ 1 ของการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ
        
        การติดเชื้อมักเกิดจาก bacteria gram - negative และเริ่มมาจาก lower tract. แบคทีเรีย เช่น E.Coli, เครบเซลล่า(klebsiella pneumoniae) Proteus mirabilis, Psudomonas aeruginosa, streptococous
        
        กรวยไตอักเสบมี 2 ประเภท
        
        Acute pyelonephritis กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน เป็นการอักเสบที่เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด ไข้สูง หนาว สั่น ปวดสีข้างบริเวณ costovertebral angel (fank) และบริเวณหัวเหน่า พบได้บ่อยร่วมกับการตั้งครรภ์และเบาหวาน
        
        การรักษา Acute pyelonephritis
        • ใช้ยาปฏิชีวนะเป็นสิ่งจำเป็น ให้โดยทันที ร่วมกับการให้ยาจำพวกต้านการหดเกร็งของกระเพาะปัสสาวะ
        • ดูแลให้รับประทานอาหารและสารน้ำมีประโยชน์ให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
        • กำจัดสาเหตุการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะหาก จำเป็นต้องทำผ่าตัดก็ควรทำ
        • การรักษาผู้ป่วยต้องได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อให้หายจากโรคและป้องกันภาวะแทรกซ้อน ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ติดเชื้อกระแสเลือด
        
        Chronic pyelonephitis กรวยไตอักเสบเรื้อรัง มีการทำลายเนื้อไตอย่างถาวรจากการอักเสบของชนิดเฉียบพลันซ้ำ ๆ สาเหตุใหญ่ ๆ มักเกิดจากการไหลย้อนกลับของปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะสู่ท่อไต(ureterovesical reflux)
        
        การรักษา chronic pyelonephritis
        • การให้ยาปฏิชีวนะเป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกับ acute pyelonephritis ยาที่ได้มักเป็นพวกซัลโฟนาไมด์ (sulfonamides) หรือ ไนโตรโฟแรนโตอิน (nitrofurantoin) ร่วมกับยาลดความดันโลหิต (antihypertensive)
        • เป้าหมายโดยรวมของการรักษา คือ การป้องกัน การทำลายเนื้อไต (renal parenchyma)หากมีความผิดปกติมาก อาจจำเป็นต้องผ่าตัด หรือหากมีภาวะไตวายร่วมด้วย การรักษาด้วยการล้างไต ก็จำเป็นต้องพิจารณา เช่นกัน
        • การพยาบาลผู้ป่วยกรวยไตอักเสบเหมือนการพยาบาลโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- - - - กรณีศึกษา
        เป็นโรคเบาหวานมา 5 ปี หยุดยาเองมา 2 ปี
        พบค่า
        
        Glucose NeF 144 H
        
        HbA1c 8.2 H
        
        Ketone Trace
        
        HbA1c 8.2 H ส่งผลให้เกิด DKA
        
        อาการ
        ภาวะเลือดเป็นกรด (DKA) ซึ่งหากยังไม่ได้รับการรักษาจะเกิดอาการต่อมา ได้แก่รู้สึกเหนื่อยมากขึ้น ผิวแดง และแห้ง คลื่นไส้อาเจียน และปวดท้องมากขึ้นหายใจหอบ และลึก มีกลิ่นผลไม้ซึมลง อาจเกิดภาวะช็อก หมดสติ ละอาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
        
        กรณีศึกษา
        ผู้ป่วยมีอาการ คลื่นใส่อาเจียน 1 ครั้งก่อนมา รพ. หายใจเหนื่อย ความดันต่ำ
        
        DKA (Diabetic Ketoacidosis) หรือภาวะน้ำตาลในเลือดสูงร่วมกับเลือดเป็นกรด ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงของโรคเบาหวาน โดยจะเกิดขึ้นเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง ส่งผลให้ร่างกายสร้าง
        คีโตน ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดออกมาใน
        กระเแสเลือดมาก ทำให้เลือดมีภาวะเป็นกรด
      - ชนิดและสาเหตุของโรคเบาหวาน
        
        เบาหวานประเภทที่ 1 type 1 diabetes)
        เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้
        การรักษา
        
        ให้ฮอร์โมนอินซูลินชนิดฉีด
        
        การคุมอาหาร
        
        การออกกำลังกาย
        
        เบาหวานประเภทที่ 2 (type 2 diabetes)
        เกิดจากการที่ตับ อ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่เพียงพอต่อการใช้ หรือเกิดภาวะการดื้ออินซูลิน(insulin resistance)
        การรักษา
        
        ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่
        เหมาะสม
        
        การออกกำลังกาย
        
        ควบคุมน้ำหนัก
        
        การให้ยารับประทาน
        
        ให้ฮอร์โมนอินซูลินชนิดฉีด
        
        เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (gestational diabetes) ซึ่งเป็นโรคเบาหวานที่พัฒนาขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์
        
        ภาวะโรคแทรกซ้อน
        
        โรคเบาหวานแบบเรื้อรัง
        การควบคุมระดับน้ำตาลไม่เหมาะสมทำให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อนได้ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดความผิดปกติต่อไต หลอดเลือด และสมอง
        
        โรคเบาหวานแบบเรื้อรัง
        
        ภาวะแทรกซ้อนที่จอประสาทตา
        หลอดเลือดแดงเสื่อม ทำ ให้เกิดมีเลือดออกบริเวณจอรับภาพ ในลูกตา ซึ่งอาจทำ ให้ตาบอดได้ อาจมีเลือดแดงในสมองตีบ และอาจ เป็นอัมพาตได้ นอกจากนี้มีรายงานว่าจะพบตาเป็นต้อกระจกก่อนถึง เวลาอันสมควร อาจทำ ให้มีโอกาสตาบอดถึง 25 เท่าของคนปกติ
        
        ภาวะแทรกซ้อนที่ไต
        ไตเสื่อม พบว่าระหว่างเป็นโรคเบาหวานจะทำให้มีการสูญเสีย โปรทีน หรือไข่ขาว (Albumin) ออกทางปัสสาวะมาก มีอาการบวม และไตวาย และมีรายงานว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานมีความเสี่ยงต่อโรคไต ถึง 17 เท่าของคนปกติ ดังนั้นควรมีการดูระดับ Microalbumin ใน ปัสสาวะเพื่อดูภาวะเสี่ยงของโรคไตทุกปี
        
        ภาวะแทรกซ้อนที่สมอง
        ระบบหายใจและสมอง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยงเกิด หัวใจวายเสียชีวิตในเพศชาย 2 เท่า และเพศหญิง 4 เท่า ของคนปกติ และพบว่ามีภาวะหัวใจขาดเลือดโดยไม่แสดงอาการ (silent ischemia) มากกว่าผู้ไม่เป็นเบาหวาน 2.2 เท่า นอกจากนี้ยังพบว่าหลอดเลือด ในสมองจะตีบและอาจมีหลอดเลือดสมองแตกได้ซึ่งพบได้ 80% และ 20 % ตามลำดับ
        
        ภาวะแทรกซ้อนที่เส้นประสาท(ตีน)
        ผู้ป่วยอาจมีอาการชาที่ปลายมือปลายเท้าทั้งสอง ข้าง โดยระยะแรกบางรายจะมีอาการปวดแสบปวดร้อน หรือปวดเหมือนถูกแทง ส่วนใหญ่อาการมักจะเกิดตอน กลางคืน ในระยะต่อมาอาการปวดจะลดลง แต่จะรู้สึกชา และการรับสัมผัสลดลง นอกจากนี้บางรายอาจมีอาการ อ่อนแรงของกล้ามเนื้อแขนและขาได้
        
        กรณีศึกษา
        ภาวะแทรกซ้อนที่จอประสาทตา
        
        2 ปีก่อนเคยผ่าตัดต้อกระจก
        
        ภาวะแทรกซ้อนที่ไต
        
        ผล Lab ที่พบวันที่ 16/04/67 BUN
        Creatinine(eGFR) 1.03 H
        
        โรคเบาหวานแบบเฉียบพลัน
        เกิดขึ้นเพราะยาหรือการติดเชื้อรุนแรงทำให้ผู้ป่วยมีอาการซึมไม่รู้สึกตัวและช็อคเนื่องจากน้ำตาลในเลือดหรือกรดในเลือดสูงอาจทำให้เสียชีวิตทันที
        
        ภาวะแทรกซ้อน
        
        Diabetic Ketoacidosis: (DKA)
        ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงของโรคเบาหวานโดยจะเกิดขึ้นเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงส่งผลให้ร่างกายสร้างคีโตน (Ketones) ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดออกมาในกระแสเลือดเป็นปริมาณมากทำให้เลือดมีภาวะเป็นกรด
        
        สาเหตุ
        
        ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 มักเสี่ยงในการเกิด DKA มากกว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2
        
        การติดเชื้อ
        
        การเจ็บป่วย บาดเจ็บ หรือได้รับการผ่าตัด
        
        การขาดอินซูลินของผู้ป่วย เช่น ขาดยาหรือลืมฉีดยา เป็นต้น
        
        การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือการใช้สารเสพติด การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์และยาขับปัสสาวะบางชนิด เป็นต้น
        
        1 more item...
        
        Hyperosmolar Hyperglycemic State(HHS)
        ภาวะแทรกซ้อนฉุกเฉินที่รุนเเรงมักพบในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ดูเเลตนเองได้ไม่ดีภาวะนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนจากน้ำตาลสูงชนิดเฉียบพลันเช่นเดียวกับภาวะน้ำตาลในเลือดสูงร่วมกับเลือดเป็นกรดจากสารคีโตน (DKA)แต่ภาวะ HHS มักจะมีความรุนแรงมากกว่า และไม่พบคีโตนสะสมในเลือด
        
        สาเหตุ
        
        มีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น การเจ็บป่วย อุบัติเหตุการติดเชื้อ ภาวะหัวใจวาย ดื่มน้ำไม่เพียงพอ
        
        ผู้สูงอายุ
        
        โรคไต
        
        โรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดีหยุดอินซูลินหรือหยุดยาลดระดับน้ำตาลเอง ใช้ยาบางชนิดร่วมด้วย เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ
        
        1 more item...
- - - - กรณีศึกษา
        ผู้ป่วยมีอาการ
        
        ปัสสาวะออกน้อย วันที่ 16-17
        ปัสสาวะ 200-300 cc ต่อ 4 ชั่วโมง
        
        BUN, Cr สูงขึ้น
    - - กรณีศึกษา
        ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ไขมันมา 5 ปี
        
        ผล Lab ที่พบ
        
        BUN
        
        Creatinine(eGFR) 1.03 H
        
        CO2 21 L
        
        CBC
        
        Hb 11.6 L
        
        Hct 36.3 L
        
        พบว่ามีภาวะซีด
        
        เกิดภาวะโลหิตจางในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ไตเป็นอวัยวะที่สร้างฮอร์โมนอีริโธรพอยอิตินซึ่งมีหน้าที่กระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดงในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ที่มีไตเสื่อมจนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนตัวนี้ได้พอ ทำให้ไม่มีตัวกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ผู้ป่วยจึงมีกาวะโลหิตจางเปรียบเสมือนว่าฮอร์โมนนี้เป็นคำสั่งให้โรงงานผลิต สินค้า (เม็ดเลือดแดงจากไขกระดูก) เมื่อขาดฮอร์โมนนี้โรงงานจึงไม่ผลิตเม็ดเลือดแดงออกมา นอกจากนี้มักจะมีปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดกาวะโลหิตจาง ได้แก่การขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงเช่น กรดโฟลิค ธาตุเหล็ก วิตามินบี 12
        
        ภาวะโลหิตจาง มีผลต่อร่างกายอย่างไรผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่กาวะโลหิตจางจะมีอาการ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ทนต่ออากาศหนาวเย็นได้น้อย ลิ้นเลี่ยนกินไม่อร่อย นอนไม่ค่อยหลับ กิจกรรมทางเพศลดลง มีนงง ทำงานหนัก/ออกกำลังกาย ได้น้อยลงเมื่อเกิดกาวะโลหิตจางโดยไม่ได้รับการดูแลแก้ไขจะมีผลทำให้เกิดกาวะหัวใจโต ขาดสารอาหาร ติดเชื้อง่ายภาวะหัวใจล้มเหลว
        
        กรณีศึกษา
        ผู้ป่วยอ่อนเพลีย
        
        2 more items...
- - - - กรณีศึกษา
        ผู้ป่วยเคยได้รับก่รรักษาเป็นยากินรักษาโรคเบาหวาน แต่หยุดยาเองเนื่องจากไม่อยากกินยาเยอะ
        ก่อนตรวจพบเบาหวาน ดื่มน้ำผลไม้สำเร็จรูปดื่มเป็นประจำ
        
        ข้อวินิจฉัยการพยาบาล มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากขาดความรู้และมีพฤติกรรมการดูแลตนเองไม่เหมาะสมกับโรคเบาหวาน
        
        ข้อมูลสนับสนุน:
        S: ตรวจพบเบาหวานเมื่อ 5 ปีก่อน หยุดยาเองมา
        2 ปี เนื่องจากไม่อยากกินยาเยอะอยากควบคุมน้ำตาลเอง
        S: ไม่กินข้าวแป้ง หรือขนมปังและของมัน กินแค่เนื้อสัตว์ ธัญพืช มา 2 ปี
        O : ค่า LAB
        
        Glucose NeF 144 H
        
        HbA1c 8.2 H
        
        Ketone Trace
        
        O : ผลระดับน้ำตาลจากปลายนิ้ว ก่อนอาหารอยู่ในช่วง 146-198 mg/dl
        
        วัตถุประสงค์การพยาบาล:
        1.เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
        2.เพื่อให้ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านการรับประทานอาหาร การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับโรคเบาหวาน
        
        เกณฑ์การประเมินผล:
        1.ระดับน้ำตาลในเลือดก่อนอาหารอยู่ในช่วง 80-130 mg/a
        2.ผู้ป่วยรับประทานอาหารและยาตรงเวลา งดของหวาน ควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรต และไขมัน
        
        กิจกรรมการพยาบาล:
        1.ประเมินความรู้ผู้ป่วยเรื่องโรคเบาหวาน
        2.ให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องต่อไปนี้
        
        สาเหตุของโรคเบาหวาน
        
        อาการของโรคเบาหวาน
        
        การรักษาของโรคเบาหวาน
        
        ภาวะแทรกของโรคเบาหวาน
        
        การป้องกันของโรคเบาหวาน
- - - - เกณฑ์การประเมิน
        
        ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง
        
        บอกวิธีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง
        
        กิจกรรมการพยาบาล:
        1.ประเมินความรู้ผู้ป่วยเรื่องการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
        2.ให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องต่อไปนี้
        
        สาเหตุของการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
        
        อาการของการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
        
        การรักษาของการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
        
        ภาวะแทรกของการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
        
        การป้องกันของการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ