Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรู้เกียวกับชนิตและองค์ประกอบของเมือง - Coggle Diagram
ความรู้เกียวกับชนิตและองค์ประกอบของเมือง
ชนิดของเมือง :
เมืองที่มีคุณภาพดีเยี่ยม หรือ เมืองเกรด A
เมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีมาก หรือ เมืองเกรด B
เมืองที่มีคุณภาพชีวิตดี หรือ เมืองเกรด C
เมืองที่มีคุณภาพชีวิตพอใช้ หรือ เมืองเกรด D
เมืองที่มีคุณภาพชีวิตด้อยมาตรฐาน หรือ เมืองเกรด E
ขนาดและขอบเขตของเมือง
2 Urban Grain
รูปแบบ ขนาด และจังหวะของสิ่งแวดล้อมที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้โครงสร้างของพื้นที่ว่างนั้น
1 Urban Structure
โครงสร้างของภูมิประเทศ เส้นทางสัญจร และพื้นที่ว่าง
3 Density and Mix
ความเข้มข้นของกิจกรรมและความหลากหลายของการใช้พื้นที่เมือง
4 Height and Massing
การจัดวาง ขนาด และรูปร่าง ของอาคารหรือกลุ่มอาคาร และพื้นที่ว่าง
5 Height and Massing
ขนาดและความสูงของอาคาร ความสัมพันธ์ระหว่างอาคารต่างๆ
6 Facade and Interface
ความสัมพันธ์ระหว่างอาคารกับถนน โดยมองไปที่ระยะถอยร่น เส้นขอบถนน และการรักษาขอบของพื้นที่สาธารณะที่ดี
7 Details and Materials
ภาพลักษณ์ที่ปรากฏจากอาคารโดยรายละเอียด สี และวัสดุอาคาร
8 Streetscape and Landscape
การออกแบบเส้นทางและพื้นที่
ขนาดและขอบเขตของเมือง (Size and Boundary Identification)
1 ดูจากจำนวนประชากรของชุมชนเป็นหลัก
จำนวนประชากรต่ำสุดของชุมชนเมืองในแต่ละภูมิภาคแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกันไป ตามความเหมาะสมและความจำเป็นทางด้านสังคมและเศรษฐกิจและความเป็นอยู่
2 ดูจากความหนาแน่นของประชากรในเขตตั้งถิ่นฐานหนึ่ง ๆ
กำหนดว่าเขตชุมชนเมืองจะต้องมีความหนาแน่นเกิน 10,000 คน ต่อ 1 ตารางกิโลเมตร
3 ดูจากประวัติความเป็นมาในอดีต
เนื่องจากเมืองในอดีตมีความแตกต่างกับชนบทมากจนเห็นได้ชัดเจนตัวเมืองมักจะอยู่เฉพาะ ภายในกำแพงเมือง ผู้ที่อาศัยอยู่นอกเขตกำแพงเมือง เป็นชาวชนบทเมืองเหล่านี้มักได้รับการออกกฎหมายตั้งเป็น ตัวเมืองที่ถูกต้อง
4 ดูจากกฎหมายการปกครอง
เขตชุมชนเมือง มักจะมีกฎหมายกำหนดเขตของการปกครองเพื่อสะดวกในการ บริหารและควบคุมระเบียบของชุมชน
5 สังเกตจากสภาพทั่วไปของเมือง
สภาพของสถานที่แต่ละแห่งภายในเมือง ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือน ร้านค้า ถนนหนทาง ผู้คนตลอดจนยวดยานที่เคลื่อนไหว และการใช้ที่ดินของเมืองย่อมจะแตกต่างกับเขตชนบท
6 สังเกตจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ
คนในชุมชนเมืองมักประกอบอาชีพที่ไม่ใช่การเกษตร เช่น การค้า อุตสาหกรรม การบริหาร ตลอดจนการก่อสร้างอื่น ๆ
7 สังเกตจากระบบการสัญจร
โดยทั่วไปของมนุษย์ยินดีที่จะใช้เวลาในการเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
ในการสังเกตเกี่ยวกับระบบสัญจรที่จะนำมาเป็นเครื่องมือพิจารณาเกี่ยวกับขนาดของชุมชนเมืองนั้น เรา กำหนดจุดเริ่มต้นจากบริเวณสุดเขตของชุมชนเมือง
ชนิดของเมือง (Type of Urban Communities)
1 การแบ่งประเภทเมืองตามลักษณะของเมือง
ลักษณะทางกายภาพลักษณะประชากร ลักษณะ เศรษฐกิจและ สังคม ลักษณะสภาพแวดล้อมและปัญหาเมืองเป็นต้นการแบ่งประเภทเมืองตามลักษณะที่ตั้ง
2 การแบ่งประเภทของเมืองตามขนาดจำนวนประชากร
เมืองขนาดใหญ่ ขนาดจำนวนประชากร 100,000 คนขึ้นไป
เมืองขนาดรอง ขนาดจำนวนประชากร 50,000-90,000 คนขึ้นไป
เมืองขนาดกลาง ขนาดจำนวนประชากร 10,000-50,000 คนขึ้นไป
เมืองขนาดเล็ก ขนาดจำนวนประชากร 5,000 - 10,000 คนขึ้นไป
3 การแบ่งประเภทเมืองตามลักษณะอาชีพ
อาชีพพ่อค้า ข้าราชการ ทหาร ชาวนา ชาวสวน
กรรมกร บริการ
4 การแบ่งประเภทเมืองตามบทบาทหน้าที่ของเมือง
เป็นการแบ่งประเภทของเมืองตามความสำคัญ
ในด้านต่างๆตามบทบาทที่มีอยู่เราสามารถแบ่งประเภทของเมืองได้
1 เมืองที่ทำหน้าที่ในการเป็นศูนย์กลางการบริหารและการปกครอง
เมืองที่ทำหน้าที่กิจกรรมต่าง ๆ เช่น สถานที่ราชการที่เป็นสำนักงานใหญ่
2 เมืองที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม
ศูนย์กลางทางศาสนา ศูนย์กลาง ทางการศึกษศูนย์กลางทางศิลปะและวัฒนธรรม เป็นต้น
3 เมืองที่มีหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางการศึกษา
จะมีกิจกรรมของคนในเมืองที่เด่นเพื่อเสริม กับหน้าที่นี้ก็คือ สถานศึกษาใหญ่ ๆ
4 เมืองที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการคมนาคมขนส่ง
เมืองที่ทำหน้าที่นี้จะมีทำเลที่มี เส้นทางคมนาคมหลายสายมาบรรจบกัน เป็นศูนย์รวมของระบบคมนาคมขนส่ง
5 เมืองที่ทำหน้าที่ในการผลิต
เมืองที่มีการผลิตทางอุตสาหกรรม และมีผลผลิตหลัก ในด้านใดด้านหนึ่ง
6 เมืองที่ทำหน้าที่ในการป้องกันภัย
เมืองที่ทำหน้าที่ในการป้องกันภัยนั้นในอดีตเรายาข หมายความถึงเมืองหน้าด่านก็ได้
7 เมืองที่ทำหน้าที่ในการเป็นศูนย์กลางของการพักผ่อนหย่อนใจ
กิจกรรมที่ปรากฏใน ตัวเมืองประเภทนี้ได้แก่ โรงแรม สนามกีฬา สระว่ายน้ำ เป็นต้น
8 เมืองที่ทำหน้าที่เป็นเมืองพักอาศัย
ลักษณะเด่นของเมืองประเภทนี้ก็คือ การมีพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองถูกใช้เป็นสถานที่สร้างอาคารบ้านเรือนสำหรับพักอาศัยโดยตรง
รูปร่างของเมือง (Urban Form)
1 ปัจจัยทางกายภาพ (Physical Force หรือ Material Force)
ลักษณะของภูมิประเทศ ตลอดจนสิ่งอันเป็นผลสัมพันธ์ตกจากสภาพธรรมชาติของชุมชน
2 ปัจจัยทางวัฒนธรรม (Culture Force หรือ Spiritual Force)
ลักษณะของสังคมและ สวษฐกิจที่มีอิทธิพลต่อกิจกรรมประจำวันของประชากร
3 ปัจจักทางหน้าที่ (Functional Force หรือ Specializationmal Furve)
ลักษณะหน้าที่หลักที่ เป็นกิจกรรมหลักของชุมชน ซึ่งย่อมมีผลต่อรูปร่างหน้าตาของเมืองอย่างมาก
1 Radio Centric
มีชุดศูนย์กลางเดียว ถนนทุกสายวิ่งมา รวมกันที่บริเวณศูนย์กลางเมืองโดยรอบ
2 Cory
เมื่อเมืองมีขนาดพื้นที่จำกัด จึงเกิดลักษณะของ System flow พุ่งสู่จุดศูนย์กลางของเมืองในหลายแบบขอบเขตของเมืองถูกจำกัดด้วยถนนวงรอบ
3 Star
แกนของเมืองยังคงมองเห็นได้ชัดเจน ความหนาแน่นสูง Built-up area sะเกาะอยู่ตามแนวรัศมีเป็นรูปดาว
4 Ring
เกาะอยู่ตามแนวถนน คล้าย Linear แต่หัวท้ายถนนชนกันหรือเกอบชนกัน ศูนย์กลางและศูนย์กลางย่อย
5 Linear
เมืองขยายตัวไปตามแนวยาวของถนน ศูนย์กลางเกิดขึ้นเป็นแห่ง ๆ บนถนน
6 Rectalinear
ลักษณะของถนนตัดกันเป็นมุมฉากโดยประมาณมีการแบ่งพื้นที่กระจายเท่า ๆ กัน
7 Articulated sheet
ถนนตัดกันอย่างไม่มีระเบียบมังมีศูนย์กลางมากกว่า 1 ศูนย์กลางขึ้นไป
8 Branch
ระบบถนนขยายตัวออกไปจากถนนสายหลัก เหมือนกิ่งไม้
9 Gallaxy
มีการแบ่งชุมชนออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ แต่ละกลุ่นมีระบบเส้นทางคมนาคมเชื่อมถึงกันระหว่างแต่ละกลุ่มจะมีพื้นที่เปิดโล่งล้อมรอบ
10 Sattlelite
เป็นรูปแบบของเมืองขนาดใหญ่มากคือระดับ Netropolis หรือ Megalopolis โดยจะมีเมืองศูนย์กลางเป็นเมืองที่ให้บริการสำคัญ ๆ
ส่วนประกอบของเมือง (Urban Elements)
1 อาคารและสิ่งก่อสร้าง (Buildings and other structure)
อาคารและสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้สอย พักอาศัย และแสดงถึงกิจกรรมต่าง ๆ
2 พื้นที่เปิดโล่ง (Open and Enclosed Spaces)
ที่เปิดโล่งในเมือง ได้แก่ บริเวณที่ว่างที่ไม่มีสิ่งก่อสร้างเพื่ออาศัย ทำงานหรือประกอบธุรกิจใด อยู่เลย โดยทั่วไปมักใช้บริเวณนี้เพื่อการหักผ่อน
3 เส้นทางการสัญจร (Circulation Facilities)
พื้นที่สิ่งก่อสร้างที่ใช้เพื่อการสัญจรภายในเมือง ทั้งสำหรับยานพาหนะและคนเดินเท้า
4 บริเวณศูนย์กลางเมือง (Central Care)
ในบางครั้งเราก็เรียกว่า ศูนย์กลางเมือง (Town Center) ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันดีว่าหมายถึง จุดศูนย์รวม (Focus) ของเมืองหรือหัวใจ (Heart) ของเมืองนั่นเอง
5 บริเวณเขตที่พักอาศัย (Residential Area)
ที่พักอาศัยของประชาชนผู้อยู่อาศัยในแต่ละเมืองนั้น มักจะพับในบริเวณเมือง
6 เขตอุตสาหกรรม (Industrial Area)
บริเวณที่มีการประกอบกิจกรรมผลิตสินค้าสำเร็จรูป
7 เขตพักผ่อนหย่อนใจ (Recreation Area)
บริเวณที่ว่างเปิดโล่งที่ใช้เพื่อการพักผ่อนของประชาชนในเมือง มักจะเป็นในลักษณะของพื้นที่เปิดโล่ง