Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Myelomeningocele, กรณีศึกษา ด.ญ อริสา อายุ 6วัน DX. : RUPTURE…

- - - - 1) การวัดเส้นรอบศีรษะ (occipitofrontal circumference) อย่างสม่ำเสมอ
      - 2) การสังเกตลักษณะของลูกตาหรือตาเข
      - 3) หาอาการและอาการแสดงของภาวะความตันสูงในกะโหลกศีรษะ (IICP)
      - 4) การตรวจหาอาการแสตงผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับเส้นประสาทสมอง (cranial nerve dysfunction) โดยเฉพาะ cranial nerve ที่อยู่บริเวณ brainstem
      - 5) การส่งตรวจภาพถ่ายสมอง (CT or MRI of brain ) ที่ตัดภาพให้เห็นในท่า sagittal view อาจจะ พบลักษณะ cerebellar vermis herniation ซึ่งหากพบ herniation ร่วมกับ meningocele หรือ myelomeningocele แสดงว่าผู้ป่วยมีภาวะ Arnold-Chiari type2 malformation
- - - - 1) obstructive hydrocephalus หรือ non communicating hydrocephalus มีการอุดตัน
        ระหว่างโพรงสมองกับช่องใต้เยื่อหุ้มสมองและไขสันหลัง (subarachnoid Space) มีสาเหตุจาก เนื้องอกสมอง เลือดออกในโพรงสมองและเนื้อสมอง ความพิการแต่กําเนิด (aqueductal stenosis) การติดเชื้อ เป็นตัน ทําให้มีความแตกต่างระหว่างความดันในโพรงสมองกับช่องใต้เยื่อ หุ้มสมอง และไขสันหลัง
      - 2) communicatinghydrocephalusมีการติดต่อกันระหว่างโพรงสมองและช่องใต้เยื่อหุ้มสมอง (subarachnoid space) กรอุดตันมักเกิดขึ้นนอกโพรงสมองที่ช่องใต้เยื่อหุ้มสมองของสมอง ไข สันหลังและ arachnoid villi สเหตุที่พบบ่อยที่สุด คือ เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง (subarachnoid hemornage) และการติดเชื้อของเยื่อหุ้มสมอง ตําแหน่งที่มักพบการอุดตันได้บ่อย ได้แก่ cerebral aqueductal (aqueduct of sylvius) เกิดจากความผิดปกติตั้งแต่กําเนิดของ aqueduct เช่น การตีบ (stenosis) หรือตัน (atresia) หรือเกิดการอักเสบที่บริเวณ aquaduct ทําให้มีการอักเสบ แล้วเกิดการตีบขึ้น ดังนั้นเมื่อเกิดการอุดตันทางเดินน้ำไขสันหลังที่ตําแหน่งใด ตําแหน่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด ทําให้เกิดการคั่งของน้ำไขสันหลังในส่วนที่เหนือกว่า ตําแหน่งที่มีการอุดตันเสมอ จึงทําให้เวนตริเคิลที่อยู่เหนือบริวณที่อุดตันเกิดการขยายขนาดใหญ่ ขึ้นและทําให้ปริมาตรน้ำไขสันหลังมากขึ้นจึงทําให้เกิดความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มสูงขึ้นด้วย
  - - - 1) การตรวจด้วยการส่องไฟฉาย(transilluminationtest)เป็นการใช้ไฟฉายส่องศีรษะเด็กเล็กใน ห้องมืด แสงจะส่องผ่านกะโหลกศีรษะ และเห็นแสงสว่างภายในกะโหลก เนื่องจากมีน้ํามาก เหมาะที่จะใช้ในการตรวจเด็กภาวะน้ําคั่งในโพรงสมองที่อยู่ในสถานที่ที่ไม่มีเครื่องมือตรวจพิเศษ อื่น
      - 2) การตรวจด้วยภาพทางรังสีวินิจฉัย(diagnosticImaging)เช่น
        
        การตรวจคอมพิวเตอรDสมอง (computerized tomography scan) เหมาะสําหรับตรวจเด็กเล็กที่ กระหมEอมหนLายังไมEปQด และทําอัลตราซาวน-แลLวไดLผลไมEซัดเจน หรือเด็กเล็กที่กระหมEอมหนLาปQด แลLวมีอาการ แสดงบEงชี้ถึงภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง
        
        MRI brain เพื่อตรวจหาสาเหตุของการเกิดภาวะน้ําคั่งในโพรงสมอง เชEนเนื้องอก ถุงน้ํา และตรวจ พบภาวะน้ําคั่งในโพรงสมอง
        
        การถ่ายภาพกระโหลกศีรษะ อาจช่วยในการวินิจฉัยเฉพาะโรค เช่น หินปูนจับจากภาวะติดเชื้อแต่ กําเนิด
        
        การตรวจอัลตราซาวน์สมอง ตรวจหาความผิดปกติตั้งแต่ในครรภ์และในเด็กทารกที่ fontanel ยังไม่ปิด เพื่อประเมินขนาดขนาดเวนตริเคิล ปัจจุบัน 3D real time ultrasound สามารถตรวจพบความ ผิดปกติในระบบประสาทได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 8 สัปดาห์ เช่น myelomenigocele การฉีดสีเข้าโพรงสมอง (venticulography) เป็นการฉีดสีเข้าโพรงสมองแล้วถ่ายภาพรังสีโพรงสมอง เพื่อหาตําแหน่งผิดปกติ
        
        การฉีดสีเข้าเส้นเลือดสมอง (cerebral angiography) เพื่อช่วยในการวินิจฉัย และหาตําแหน่ง ของ
        หลอดเลือดรอบโพรงสมอง
  - - - ให้ยา กลุ่ม carbonic anhydrase inhibitorเช่น acetazolamide (diamox) เพื่อลดการสร้างน้ำ หล่อสมองและไขสันหลัง โดยในผู้ป่วยที่ไม่มีการอุดกั้นทางเดินน้ําไขสันหลัง แบบไม่รุนแรง จะช่วยลด การสร้างน้ำหล่อสมองและไขสันหลังได้ประมาณ 25- 50 %
      - ยาในกลุ่ม osmotic diuretics จะดึงน้ำจากสมองส่วนที่ปกติ และขับออกทางปัสสาวะ ยาที่ใช้บ่อย คือ 20% manital ทางหลอดเลือดดํา
      - ยาในกลุ่ม non osmotic diuretics เช่น furosemide ซึ่งขัดขวางการดูดซึมโซเดียมคลอไรด์ กลับที่ proximal ของไต
      - สเตียรอยด์มักได้ผลดีในภาวะสมองบวมจาก vasogenic edema ยาที่ใช้บ่อย คือ dexamethasone
      - การให้ยากันชัก เพื่อป้องกันการชัก เนื่องจากการชักจะเพิ่มเมตาบอลิซึมของสมอง เลือดจะไหลเวียนสู่ สมองมากขึ้น ยาที่นิยมใช้บ่อย คือ phenobarbital
    - - การผ่าตัดใส่สายระบายน้ำในโพรงสมองสู่ช่องในร่างกาย วิธีที่นิยมได้แก่ การผ่าตัดใส่สาย
        ระบายจากโพรงสมองลงช่องท้อง (ventriculo-peritoneal shunt :VP shunt) เป็นการ ผ่าตัดใส่สายระบายน้ำไขสันหลังจากเวนตริเคิลของสมองด้านข้าง ลงมาเปิดในช่องท้อง (pertoneal cavity) และดูดซึมผ่านเยื่อบุบช่องท้อง แพทย์นิยมทําวิธีนี้ เพราะเกิด ภาวะแทรกซ้อนน้อย การผ่าตัดใส่สายระบายจากโพรงสมองลงช่องหัวใจ (ventriculo- atrial shunt VA shunt) เป็นการผ่าตัดใส่สายระบายน้ำไขสันหลังจากเวนตริเคิลของสมอง ด้านข้าง (lateral ventricle) ไปยังหัวใจห้องบนขวา (right atruim) และดูดซึมเข้าสู่กระแส เลือดโดยตรง การผ่าตัดใส่สายระบายจากโพรงสมองลงช่องไต,เยื่อหุ้มสมอง (venticlo- cisterna magna shunt) เป็นนการผ่าตัดใส่สายระบายน้ําไขลันหลัง จากเวนตริเคิลของสมอง ไปยังซิสเดอร์นาแมกนา (cisterna mลgกa) วิธีนี้มักทําในผู้ป่วยที่มีการอุดตันของทางเดินน้ำ ไขสันหลัง
      - การผ่าตัดใส่สายระบายน้ำในโพรงสมองออกนอกร่างกาย (external ventricular drainage
        : EVD, ventriculostomy )