Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ผู้ป่วยหญิงไทย วัยผู้ใหญ่ อายุ 40 ปี
Diagnosis: Urinary Tract Infection:…
ผู้ป่วยหญิงไทย วัยผู้ใหญ่ อายุ 40 ปี
Diagnosis: Urinary Tract Infection: UTl
Underlying: DM,HT,CHF,DLP,Cirrhosis
Cirrhosis
ความหมาย
เป็นผลมาจากเนื้อเยื่อตับถูกทำลายต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานจากหลายสาเหตุ จนเกิดแผลเป็นและพังผืดขึ้น ทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติและอาจหยุดการทำงานลงจนนำไปสู่ภาวะตับวายเฉียบพลัน (liver failure)
-
การวินิจฉัยโรค
ทฤษฎี
- การซักประวัติ เกี่ยวกับอาการ สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่เกี่ยวข้อง
- การตรวจร่างกาย โดยการตรวจระบบผิวหนัง แขนขา ทรวงอกและช่องท้อง อวัยวะสืบพันธุ์
และระบบประสาท เพื่อค้นหาอาการแสดงของโรคตับแข็ง
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจการทำงานของตับ เช่น Bilirubin, SGOT และ SGPT, การทดสอบหาโรคไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี ,การตรวจดูการแข็งตัวของเลือด,ตรวจการทำงานของไต
- การตรวจตัวอย่างชิ้นเนื้อจากตับ
- การตรวจพิเศษ การตรวจ ultrasoundเพื่อดูสภาพของเน้ือเยื่อเกิดพังผืดหรือรอยแผล, การตรวจ CT scan เพื่อประเมินสภาพตับและอวัยวะท่ีเก่ียวข้องอย่างละเอียด
กรณีศึกษา
- การซักประวัติ เกี่ยวกับอาการ สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการ : ตรวจการทำงานของตับ
สาเหตุ
ทฤษฎี
- การดื่มสุราที่มากเกินไปติดต่อกันนานหลายปี
- การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือไวรัสตับอักเสบซี (hepatitis B และ C)
- โรคไขมันพอกตับ (fatty liver disease) เช่น ภาวะไขมันพอกตับจากโรคอ้วน หรือโรคเบาหวาน
- ภาวะท่อน้ำดีอุดตัน
- การรับประทานยาหรือสมุนไพรบางชนิดเป็นเวลานาน
- การได้รับสารพิษ
- การติดเชื้อปรสิต เช่น พยาธิใบไม้ในตับ
- โรคอื่น ๆ เช่น Wilson's disease หรือ ภาวะเหล็กเกิน
กรณีศึกษา
- การดื่มสุราที่มากเกินไปติดต่อกัน 5 ปี วันละ 1ขวด
อาการ
ทฤษฎี
- ตัวและตาเหลือง (jaundice)
- คันตามผิวหนัง
- เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
- เกิดรอยช้ำหรือห้อเลือดได้ง่าย
- มีเลือดออกได้ง่าย
- ไม่อยากอาหาร น้ำหนักลด
- คลื่นไส้
- อาการบวมตามอวัยวะต่าง ๆ เนื่องจากการสะสมของน้ำ เช่น ขาบวม ท้องมาน (ascites)ข้อเท้าบวม
- เกิดเส้นเลือดฝอยมากผิดปกติตามตัว(spider nevi) และฝ่ามือ (palmar erythema)
- เกิดการขยายตัวของหลอดเลือดดำบริเวณหน้าท้อง (superficial vein dilatation)
- ในผู้ป่วยชายจะพบลูกอัณฑะฝ่อและเล็กลง หรือหน้าอกขยายใหญ่ขึ้น (synecomastia)
- มีอาการแสดงทางสมอง(hepatic encephalopathy) ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสับสน เชื่องซึมและพูดไม่ชัด
- อาเจียนเป็นเลือด เนื่องจากการแตกของหลอดเลือดดำฝอยในหลอดอาหาร (esophageal varices: EV)
กรณีศึกษา
- ตัวและตาเหลือง ขาบวมทั้งสองข้าง คันตามผิวหนัง ผิวหนังแห้ง มีอาการแสดงทางสมอง ได้แก่ สับสน
-
-
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล : เสี่ยงต่อภาวะ hepatic encephalopathy เนื่องจากการทำงานของตับในการกำจัดของเสียไม่มีประสิทธิภาพ
- O : มีอาการสับสน พูดวกวน
- ผลการตรวจ LFT
serum albumin 2.3 g/dl
serum globulin 5.4 g/dl
total bilirubin 5.80 mg/dl
direct bilirubin 3.15 mg/dl
indirect bilirubin 2.65 mg/dl
AST 74 D/L
กิจกรรมการพยาบาล
- ดูแลการรับประทานอาหารโปรตีนคุณภาพ เช่น เนื้อปลา ไข่ขาว
- ดูแลให้ได้รับยา Lactulose 30cc hs และสังเกตอาการข้างเคียง หายใจลำบาก ปวดท้อง ลมพิษ
- ดูแลให้ผู้ป่วยอุจจาระทุกวัน
- สังเกตอาการ hepatic encephalopathy ได้แก่ ลมหายใจมีกลิ่นหวานหรือเหม็นอับ สับสน มึนงง หลงลืม วิตกกังวล
- บันทึก V/S
- ติดตามผลตรวจ LFT
-
ภาวะแทรกซ้อน
ทฤษฎี
- อาการทางสมองจากโรคตับ (hepatic encephalopathy)
- หลอดเลือดดำในหลอดอาหารโป่งพอง(esophageal varices: EV)
- การบวมน้ำและท้องมาน (edema & ascites)
- กลุ่มอาการโรคไตเนื่องจากโรคตับ (hepatorenal syndrome: HRS)
- ตับวาย (liver failure)
กรณีศึกษา
- อาการทางสมองจากโรคตับ ผู้ป่วยมีอาการ สับสน
- ท้องมาน
DLP
ความหมาย
- ระดับไขมันในเลือดสูงกว่าปกติ อาจเป็นระดับคอเลสเตอรอลสูง หรือระดับไตรกลีเซอไรด์สูงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือสูงทั้งสองชนิดก็ได้ ซึ่งหากมีภาวะไขมันในเลือดสูง จะส่งผลทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจขาดเลือด (กล้ามเนื้อหัวใจตาย
พยาธิสภาพ
ทฤษฎี
- ไขมันในเลือดสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมากกมาย ระดับไขมันในเลือดมีความสำคัญต่อการเกิดหลอดเลือดตีบ ตันโดยเฉพาะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ดังนั้นผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงจึงมีโอกาศเป็นโรคหัวใจขาดเลือด สมองขาดเลือดอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
กรณีศึกษา
- เป็นโรคไขมันในเลือดสูงทำให้หลอดเลือดเกิดการตีบ ตันโดยเฉพาะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ดังนั้นผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง จึงมีโอกาสเป็นโรคหัวใจขาดเลือด สมองขาดเลือดได้
การวินิจฉัยโรค
ทฤษฎี
- การตรวจวัดระดับไขมันในเลือด เกณฑ์ที่ใช้ตัดสินระดับไขมันในเลือดผิดปกติ ได้แก่
1.1ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูงกว่า 200 มก./ดล.
1.2ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงกว่า 150 มก./ดล.
1.3ระดับแอลดีแอลในเลือดสูงกว่า 160 มก./ดล.
1.4ระดับเอชดีแอลในเลือดต่ำกว่า 50 มก./ดล.
- การตรวจร่างกาย การบันทึกน้ำหนักตัวและความสูงเพื่อคำนวณ หาดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI)
อาการแสดงของต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ ภาวะบวม เอ็นร้อยหวายหนาตัวกว่าปกติ ปื้นเหลืองที่หนังตา หลังข้อศอก หัวเข่า ข้อพับต่างๆ
- การซักประวัติเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะไขมัน ความถี่ที่บริโภคอาหารเนื้อ สัตว์ ไข่ นมสด เนย ครีม ไอศกรีม ขนมหวาน หรืออาหารประเภทจานด่วน ผลการดำเนินชีวิต การดื่มสุรา
- การซักประวัติ ประวัติครอบครัว เกี่ยวกับภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ โรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคต่อมไทรอยด์ การออกกำลังกาย
กรณีศึกษา
- ส่วนสูง 157 cm. น้ำหนัก 60 kg. BMI = 24.3 kg/m
- รับประทานอาหารเนื้อติดมันมาก และดื่มสุราติดต่อกัน 5 ปี
- ไม่ออกกำลังกาย มีโรคประจำตัว คือ เบาหวาน ตับแข็ง
สาเหตุ
ทฤษฎี
- รับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง จำพวกไขมันสัตว์ เนื้อสัตว์ติดมัน เนย มาร์การีน น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว กะทิ
และอาหารประเภททอด รวมถึงอาหารคอเลสเตอรอลสูงจำพวกเครื่องในสัตว์
- ไม่ค่อยขยับตัว ออกกำลังกายไม่เพียงพอ
- น้ำหนักเกิน
- สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากจะได้พลังงานส่วนเกินแล้ว ผลจากแอลกอฮอล์ทำให้ไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น
- เบาหวานชนิดที่ 2 เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 จะมีภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน (ฮอร์โมนควบคุมน้ำตาลในร่างกาย)
- ฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroid) จะทำให้ระดับไขมัน LDL ในเลือดสูง
- ผู้ป่วยโรคไต ทำให้ร่างกายสูญเสียโปรตีนมาก ร่างกายจะกระตุ้นตับให้สร้างโปรตีนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตับปล่อยไขมันออกมาในเลือดสูงขึ้น
- ผู้ป่วยโรคตับ โรคตับอักเสบ ไขมันพอกตับ
- ยารักษาโรคบางชนิด ได้แก่ ยาขับปัสสาวะ ยาขับปัสสาวะ ยาคุมกำเนิด ยาความดันโลหิต
- ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
- พันธุกรรม
- ความเครียด
กรณีศึกษา
- รับประทานอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ติดมัน ไม่ออกกำลังกาย ดื่มแอลกอฮอล์ มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 และตับแข็ง
อาการ
ทฤษฎี
- ผื่นขึ้นตามลำตัว
- เจ็บหน้าอก หายใจลำบากและถี่
- เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
- อ่อนเพลียหรือเวียนหัวเรื้อรัง หน้ามืด วูบ ตาพร่ามัวบ่อยๆ
- เกิดอาการสับสน เพ้อ หรือตีความคำพูดและการได้ยินผิดเพี้ยน
- อวัยวะส่วนปลายนิ้วมือ และนิ้วเท้าเริ่มมีสีคล้ำหรือห้อเลือด
- อุณหภูมิร่างกายแปรปรวน
- มีอาการตะคริว หรือเหน็บชา
- เกิดภาวะกล้ามเนื้อแขนขาใบหน้าอ่อนแรงชั่วคราว
- ร่างกายขับเหงื่ออย่างผิดปกติ
กรณีศึกษา
- หายใจลำบาก อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หน้ามืด
การรักษา
ทฤษฎี
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
1.1 เลิกสูบบุหรี่หรือการรับควันบุหรี่มือสอง
1.2 นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
1.3 ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
1.4 ออกกำลังกายพร้อมกับฝึกลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ เช่น โยคะ
1.5 หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ
1.6 หลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน เช่น ไขมันสัตว์ หนังไก่ ขาหมู กะทิ
1.7 ปรุงอาหารด้วยวิธี นึ่ง อบ ต้ม
1.8 การจัดการความเครียด
- รับประทานยาตามแผนการรักษา ไม่ซื้อยา หรือหยุดยาเอง การมาตรวจตามนัดอย่างเคร่งครัด
2.1 ยากลุ่ม HMG -CoA reductase inhibitor ทำให้ลดระดับคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์และกลุ่มไขมัน LDL ลง คือ Simvastatin
2.2 ยาที่เป็นวิตามินบีรวม ชื่อ Niacin ซึ่งจะช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ไขมัน LDL และช่วยเพิ่มระดับไขมัน HDL
2.3 ยากลุ่ม Fibrates เป็นยากลุ่มที่ประสิทธิภาพสูง ในการลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ มีผลข้างเคียงได้แก่ Rhabdmyolysis ภาวะกล้ามเนื้อลายสลาย
กรณีศึกษา
- ดูแลให้ได้รับอาหาร อ่อนจืด ไขมันต่ำ ตามแผนการรักษา
- ดูแลให้นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ
ภาวะแทรกซ้อน
ทฤษฎี
- ภาวะหัวใจขาดเลือด
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคหลอดเลือดหัวใจ
- ภาวะหัวใจหยุดเต้น
- โรคไต
- โรคความดันโลหิตสูง
- อัมพฤกษ์ อัมพาต
- ตับอ่อนอักเสบ ตับ ม้ามโต
กรณีศึกษา
- ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง
CHF
ความหมาย
ภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างเพียงพอจนส่งผลให้อวัยวะต่างเกิดการขาดออกซิเจน
พยาธิสภาพ
ทฤษฎี
- ภาวะที่เกิดจากความผิดปกติของการขับเกลือและน้ำ
- ภาวะที่เกิดจากความผิดปกติทางการไหลเวียนโลหิต
- ภาวะที่เกิดจากความผิดปกติทางระบบประสาทและฮอร์โมน
- ภาวะที่มีการอักเสบเรื้อรัง
- ภาวะที่มีความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ (myocardial disease)
กรณีศึกษา
ความผิดปกติของการขับเกลือและน้ำ
การวินิจฉัยโรค
ทฤษฎี
- การซักประวัติตรวจร่างกาย
- ภาพถ่ายรังสีทรวงอก(CXR)
- คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
- การตรวจเลือด : CBC,LFT,KFT
- ระดับ natriuretic peptides ในกระแสเลือด (serum natriuretic peptides)
- การทำงานของต่อมไทรอยด์
- การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูงหัวใจ )
กรณีศึกษา
การถ่ายรังสีทรวงอก(CXR) พบ Interstitial infiltration both lung
สาเหตุ
ทฤษฎี
- ความผิดปกติแต่กำเนิด (congenital heart disease)
- ความผิดปกติของลิ้นหัวใจ (valvular heart disease) เช่น ลิ้นหัวใจตีบ
- ความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ (myocardial disease)
- ความผิดปกติของเยื่อหุ้มหัวใจ เช่น เยื่อหุ้มหัวใจหนาบีบรัดหัวใจ
- ความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease)
กรณีศึกษา
อาการและอาการแสดง
ทฤษฎี
- อาการเหนื่อย : เหนื่อยขณะออกแรง หายใจไม่สะดวกขณะนอนราบ
- บวมบริเวณที่เป็นระยางส่วนล่างของร่างกาย เช่น เท้า ขา
- อ่อนเพลีย
- แน่นท้อง ท้องอืด
- หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว
- เส้นเลือดดำที่คอโป่งพอง
กรณีศึกษา
- อาการเหนื่อยหอบ หายใจไม่สะดวก
- บวมกดบุ๋มบริเวณขาทั้งสองข้าง
- อ่อนเพลีย
- ท้องอืด
- หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว
การรักษา
ทฤษฎี
- กำจัดสาเหตุที่ชักนำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
- แก้ไขสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว เช่น การผ่าตัด การใส่เครื่องมือเพื่อควบคุมการเต้น ของหัวใจ การถ่างขยายหลอดเลือด (balloon)
- ควบคุมภาวะหัวใจล้มเหลวไม่ให้ลุกลามรุนแรงได้แก่ การใช้ยา การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำรงชีวิต รักษาโรคที่เป็นอยู่ เช่น ความดัน โลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน เป็นต้น
กรณีศึกษา
- ลดการทำงานของหัวใจให้น้อยลง ได้แก่ การพักผ่อน การให้ออกซิเจน การช่วยเหลือจำกัดกิจกรรมให้ผู้ป่วย
- ลดอาการบวมของร่างกาย มีการควบคุมอาหาร โดย ลดอาหารเค็ม รสจัด ลดอาหารมัน จำกัดน้ำดื่ม
ภาวะแทรกซ้อน
- ไตวาย
- ตับวาย
- ลิ้นหัวใจรั่ว
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ
UTI
ความหมาย
- ภาวะการติดเชื้อที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของระบบทางเดินปัสสาวะ ตั้งแต่ กรวยไตไปจนถึงรูเปิดของท่อปัสสาวะ ตรวจพบแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะมากกว่า 10⁵ กลุ่ม/มิลลิลิตร ร่วมกับมีอาการหรือไม่มีอาการก็ได้
-
การวินิจฉัยโรค
ทฤษฎี
- ประวัติและตรวจร่างกาย อาการทางคลินิก มักมีอาการปัสสาวะบ่อย แสบและขัด กดเจ็บบริเวณหัวหน่าว ไข้หนาวสั่น ปวดเจ็บบริเวณเอว
- การตรวจปัสสาวะจากปัสสาวะที่ไม่ได้ปั่น พบเม็ดเลือดขาวมากกว่า 5-10 ตัว/ลบ.มม.
- การเพาะเชื้อจากปัสสาวะ พบเชื้อชนิดเดียวมากกว่า 10^5กลุ่ม/มล. หรือมากกว่า10^3กลุ่ม/มล.
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่ไม่มีอาการ การวินิจฉัยจึงทำได้จากผลการตรวจปัสสาวะและการเพาะเชื้อ
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยตรวจปัสสาวะทางห้องปฏิบัติการ
สาเหตุ
ทฤษฎี
- เพศ โครงสร้างท่อนำปัสสาวะของเพศหญิงสั้นกว่าเพศชาย จึงมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อได้ง่ายกว่า
- อายุ อายุที่มากขึ้นมีภาวะเสี่ยงสูงขึ้นจากความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ตามวัย
- โครงสร้างทางเดินปัสสาวะที่ผิดปกติ เช่น การตีบตัน (Stricture) การเชื่อมต่อทางเดินปัสสาวะที่
ผิดปกติ
- ความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะ เช่น ความผิดปกติของเส้นประสาทแต่กำเนิด เส้นประสาทถูกทำลาย
- การอุดกั้น เช่น นิ่ว เนื้องอก มะเร็ง ต่อมลูกหมากโต ท่อปัสสาวะตีบ
- โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เก้าท์ ไตวายเรื้อรัง
พฤติกรรมเสี่ยง ได้แก่
- การดื่มน้ำน้อย
- การกลั้นปัสสาวะ
- การมีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะในผู้หญิงแต่งงานใหม่ ๆ
- วิธีการคุมกำเนิดบางประเภทได้แก่ การใส่ห่วงคุมกำเนิดและ การใช้สารทำลายเชื้ออสุจิ
- การดูแลความสะอาดไม่ถูกต้อง
กรณีศึกษา
- ผู้ป่วยดื่มน้ำน้อย และมีโรคเรื้อรัง ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
อาการ
ทฤษฎี
แยกตามตำแหน่งการติดเชื้อ
- การติดเชื้อที่ส่วนบนของทางเดินปัสสาวะ (Upper tract infection) หมายถึง กรวยไตอักเสบ
(Pyelonephritis) ถ้าเป็นชนิดเฉียบพลันจะทำให้ผู้ป่วยมีไข้สูงหนาวสั่น ปวดเอวเจ็บบริเวณสีข้างและหลังโดยเฉพาะตรงมุมระหว่างสันหลังกับซี่โครงข้างใดข้างหนึ่ง คลื่นไส้อาเจียน ปัสสาวะขุ่นถ้าเป็นชนิดเรื้อรัง จะทำ ให้ผู้ป่วยมีอาการซีด ความดันเลือดสูงบวมและหอบ
1.1 กรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis) ผู้ป่วยจะมีไข้สูง หนาวสั่น อาจมีอาการปวดท้อง ปวดสีข้าง และปวดหลัง ตรวจปัสสาวะอาจพบปัสสาวะเป็นหนอง
1.2 หน่วยไตอักเสบ (Glomerulonephritis) ผู้ป่วยมีปัสสาวะมาก หรือปัสสาวะบ่อยกลางคืน มีความดันโลหิตสูง อาจมีอาการซีดหอบ หรือปวดกระดูกตรวจปัสสาวะไม่มีความผิดปกติแน่นอน อาจมีโปรตีนเล็กน้อย ตรวจเลือดพบ BUN และ Cr สูงขึ้น
- การติดเชื้อที่ส่วนล่างของทางเดินปัสสาวะ (Lower tract infection) หมายถึง การติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ (Cystitis) ท่อปัสสาวะ (Urethritis) และต่อมลูกหมาก (Prostatitis)
ผู้ป่วยจะมีอาการ สำคัญคือปัสสาวะบ่อย แสบขัด หรือปวดเมื่อถ่ายปัสสาวะใกล้เสร็จและอาจมีอาการไข้ต่ำๆ หรือเจ็บบริเวณ เหนือหัวเหน่า
2.1 กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis) ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะบ่อยกลั้นไม่ได้ ปวดเวลาถ่ายปัสสาวะโดยเฉพาะเวลาถ่ายใกล้เสร็จ ปวดเหนือหัวเหน่า ปัสสาวะขุ่น สีโค้กหรือสีแดง
2.2 ท่อปัสสาวะอักเสบ (Urethritis) ปัสสาวะปวดแสบ ผู้หญิงอาจมีอาการบวมของ labial tissue, urethra
กรณีศึกษา
- ผู้ป่วยมีปัสสาวะสีส้มขุ่น มีตะกอน ผลตรวจurine พบ RBC 2-3cell ,WBC10-20cellและพบ Bacteria ระดับ moderate
-
การรักษา
ทฤษฎี
- การดูแลทางเดินปัสสาวะไม่ให้เกิดปัสสาวะคั่งค้าง การสวนปัสสาวะ การสังเกตสี ปริมาณและลักษณะของปัสสาวะ การทำ I/O
- การให้การพยาบาลที่สาเหตุ ได้แก่ การให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาพร้อมทั้งสังเกต
อาการข้างเคียง
การจัดการกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง ดื่มน้ำน้อย กลั้นปัสสาวะ
- ในกรณีมีการติดเชื้อบ่อย ๆ ให้หาสาเหตุของการติดเชื้อโดยส่งปรึกษาแพทย์เฉพาะทางระบบทางเดินปัสสาวะ
- ให้การพยาบาลตามอาการเช่น อาการไข้ ปวดท้อง
- ให้การพยาบาลป้องกันการกลับเป็นซ้ำ ประกอบด้วย
5.1 ดื่มน้ำมากๆ
5.2ห้ามกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน
5.3 การทำความสะอาดอวัยวะเพศที่ถูกต้องในเพศหญิง
5.4 หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปนานๆ ไม่เปลี่ยนเมื่อขับถ่าย
5.5 ถ่ายปัสสาวะก่อนนอน
5.6 รีบถ่ายปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์
5.7 การดื่มน้ำผลไม้ที่ทำให้ปัสสาวะเป็นกรดอ่อนๆ เช่น น้ำแครนเบอรีหรือน้ำกระเจี๊ยบจะช่วย ลดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้
กรณีศึกษา
- กระตุ้นให้ดื่มน้ำ
- ดูแลสายสวนปัสสาวะ ได้แก่ Milkingสาย ,ดูแลไม่ให้สายหักพับงอ, ติดพลาสเตอร์ตรงหน้าขา ป้องกันการเลื่อนหลุด ไม่แปะตึงเกินไป, ถุงปัสสาวะอยู่ต่ำกว่ากระเพาะปัสสาวะ
- ดูแลทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ก่อน-หลังการขับถ่าย
- ให้ยา meropenem 1g IV q 8 hr. ตามแผนการรักษา และสังเกตอาการข้างเคียง ได้แก่ ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย
- บันทึกI/O , V/S
- สังเกตสีปัสสาวะ
-
-