Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ที่มีความผิดปกติ ของภาวะเสียสมดุลน้ำอิเล็กโตรลัยท์และกรดด่าง …
การพยาบาลผู้ที่มีความผิดปกติ
ของภาวะเสียสมดุลน้ำอิเล็กโตรลัยท์และกรดด่าง
สาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยรายนี้เกิด CKD คืออะไร
โรคเบาหวาน น้ำตาลในหลอดเลือดสูงจึงทำลายหลอดเลือดในไต
ระบุการประเมินผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง และไตวายเฉียบพลัน
การประเมินผู้ป่วยไตวายเฉียบพลัน
1.ซักประวัติ
2.ตรวจร่างกายอย่างละเอียด เช่น
-sign of hypovolemic, orthostatic hypotention บ่งชี้ว่าผู้ป่วยมีการขาดสารน้ำและเกลือแร่
-engorged neck vein
-fine crepitation ที่ชายปอด
-Ascites, edema, anasarca
-Abdominal bruit บ่งชี้ renal artery stenosis
-ตรวจ eye ground พบ exudate,
-ระเมิน Pre renal และ Post renal ARF
การประเมินผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง
ประเมินค่า eGFR อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
ส่งตรวจ Urinalysis (hematuria, proteinuria)
ประเมินลักษณะทางคลินิก เพื่อหาสาเหตุของโรคไตที่รักษาให้หายได้ เช่น
-Urinary tract abnormalities
-Heart failure
-Sepsis
-Dehydration
ไม่เคยมีประวัติโรคไตมาก่อน ควรส่ง SCr และ eGFR ซ้ำภายใน 7 วัน
เพื่อค้นหาโรคที่ทำให้เกิด AKI
เปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่าง AKI กับ CKD
ภาวะไตวายเฉียบพลัน AKI คือ ภาวะที่ไตสูญเสียหน้าที่ได้ลดลงอย่างเฉียบพลัน ในระยะเวลาเป็นชั่วโมงหรือวัน และอยู่ในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน
ไตวายเรื้อรัง CKD คือ ไม่เกิดขึ้นพร้อมกันใน คราวเดียว
แต่จะค่อย ๆ สำแดงอาการออกมาเป็นระยะ ไตวายเรื้อรังจะถูกแบ่งออกเป็น 5 ระยะ
ตามระดับของค่า ประเมินการทำงานของไต
อธิบายระยะต่าง ๆ ของไตวายเรื้อรัง
โรคไตเรื้อรังแบ่งเป็น 5 ระยะ โดยแบ่งตามระดับของ อัตราการกรองของไต (eGFR)
ระยะของโรคไตเรื้อรัง ระยะที่ 1 > 90 มีภาวะไตผิดปกติ เช่น มีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ แต่อัตราการกรองยังปกติ
ระยะที่ 2 60 - 90 มีภาวะไตผิดปกติ เช่น มีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ อัตราการกรองลดลงเล็กน้อย
ระยะที่ 3a 45 - 59 อัตราการกรองลดลงเล็กน้อยถึงปานกลาง ระยะที่ 3b 30 - 44 อัตราการกรองลดลงปานกลางถึงมาก
ระยะที่ 4 15-29 อัตราการกรองลดลงมาก
ระยะที่ 5 > 15 ไตวายระยะสุดท้าย
การพยาบาลก่อนฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
ดูแลให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารก่อนการฟอกเลือด เพื่อป้องกันความดันโลหิตต่ำ
ขณะฟอกเลือด ชั่งน้ำหนักตัวก่อนฟอกเลือด
ดูแลการเตรียมเส้นเลือด ฟอกไต ชนิด AVF ทําความสะอาดแขน บริเวณหลอดเลือดที่จะแทงเข็ม
โดยการฟอกสบู่ให้สะอาด ซับเบาๆ ให้แห้งก่อนการฟอกเลือดทุกครั้ง
การพยาบาลหลังฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
ชั่งน้ำหนักหลังการฟอกเลือดทุกครั้ง สังเกตมีเลือดออกมาก ผิดปกติหรือไม่ หลังฟอก 1 วัน
ให้ผู้ป่วยบริหารเส้นฟอก เลือดโดยการบีบและ คลายมือเป็นระยะๆ อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง
ห้ามเจาะเลือด วัดความดัน แทงเข็มให้เลือดหรือยา ทางหลอดเลือดแขนข้างที่ทําเส้น
ระวังการกระทบกระแทกแรงๆ
นวัตกรรมทางการพยาบาล
วงล้อดูแลสุขภาพผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังแบบ 2 in 1 ฉบับพกพา
ประกอบด้วย ข้อมูลการดูแล สุขภาพโรคเบาหวาน ความดันโลหิต และโรคไตเรื้อรัง เป็นวงล้อ 2 ด้าน
ด้านที่ 1 เป็นวงล้อการดูแลสุขภาพผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง
โดยพัฒนาจาก กระบวนการ “ปิงปองจราจรชีวิต 7 สี ” ที่บอกระยะสีของโรค และการปฏิบัติตัว
ด้านที่ 2 เป็นวงล้อการดูแลสุขภาพผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง บอกระยะของโรคและการปฏิบัติตัว ผู้ป่วยและ
กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
ระดับความรู้สึกตัวลดลง เนื่องจากมีภาวะของเสียคั่งในร่างกาย
กิจกรรมการพยาบาล
1.สังเกตและประเมินระดับความรู้สึกตัวของการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาทจากของเสียคั่ง เช่น สับสน ชักเกร็ง หมดสติ คลื่นไส้อาเจียน
และบันทึกสัญญาณชีพ
2.ให้ผู้ป่วยได้รับอาหารโดยจำกัดโปรตื่นเพื่อลดการทำงานของไตและให้อาหารที่มี คาร์โบไฮเดรตสูงเพื่อป้องกันการแตกสลายโปรตีนในร่างกาย
3.เตรียมความพร้อมก่อนไปฟอกเลือก เช่น งดยาความดันโลหิตทุกชนิดและแจ้งให้ผู้ป่วยทราบ วัดสัญญาณชีพ ชั่งน้ำหนัก ประเมินระดับความรู้สึกตัว
4.หลังกลับจากฟอกเลือด วัดสัญญาณชีพ ชั่งน้ำหนัก ประเมินความรู้สึกตัว
เช่น สับสน อ่อนเพลีย ซึมลง
เสี่ยงต่อภาวะเลือดเป็นกรด เนื่องจากการแลกเปลี่ยนก๊าซลดลง
กิจกรรมทางการพยาบาล
1.ติดตามผลอิเลคโตรลัยท์ได้แก่ Na, K เนื่องจากไดเสียหน้าที่
ทำให้ไม่สามารถขับ K ออกทางปัสสาวะและดูดซึม Na กลับได้
ประกอบกับร่างกายมีสภาพเป็นกรดมีการทำลายเนื้อเยื่อ
2.ติดตามผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
3.ประเมินอัตราการหายใจ และอาการเหนื่อยหอบ
4.ติดตามผลเลือดทางห้องปฏิบัติการ
เสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เนื่องจากความอยากอาหารลดลง
กิจกรรมทางการพยาบาล
ประเมินผลและติดตามการรับประทานอาหารของผู้ป่วย
ในแต่ละมือทั้งจํานวน และชนิดของอาหารที่ได้
และบันทึกปริมาณ ลักษณะของสิ่งที่ผู้ป่วยอาเจียนออกมา
ติดตามให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารให้เพียงพอ คือให้ได้รับประมาณ 30 - 35 กิโลแคลอรีต่อ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม พร้อมประสานงานกับโภชนากร
ดูแลความสะอาดช่องปากและฟันให้สะอาด
เพื่อกระตุ้นความอยากอาหารและป้องกันการ เกิดแผลในช่องปาก และแนะนำให้ญาติและ ผู้ป่วยจัดอาหารและรับประทานครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง