Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การจำแนกหมวดคำไทยโดยใช้กรอบประโยคทดสอบ - Coggle Diagram
การจำแนกหมวดคำไทยโดยใช้กรอบประโยคทดสอบ
1.และ 2. คำถามและกริยาอกรรม
ประโยค ก. นาม + กริยาอกรรม(อ) + แล้ว
ตัวอย่าง ประโยค ก. ฝน ตก แล้ว
ประโยค ข. นาม + กำลัง + กริยาอกรรม(อ)
ประโยค ข. ฝน กำลัง ตก
6.คำคุณศัพท์ คือ คำที่ทำหน้าที่ขยายคำนามในภาษาไทย
ตัวอย่าง
ตัวอย่าง
3.หมวดคำกริยาสกรรม
ประโยค ก. นาม + กริยาสกรรม(ส) + นาม + แล้ว
ตัวอย่าง ประโยค ก. นก อ่าน หนังสือ
ประโยค ข. นาม + กำลัง + กริยาสกรรม(ส) + นาม
ตัวอย่าง ประโยค ข. นก กำลัง อ่าน หนังสือ
4.หมวดคำกริยาทวิกรรม
ประโยค ก. นาม + กริยาทสิกรรม(ท) + นาม + นาม + แล้ว
ตัวอย่าง ประโยค ก พี่ ป้อน ข้าว น้อง แล้ว
ประโยค ข. นาม + กำลัง + กริยาทวิกรรม (ท) + นาม + นาม
ตัวอย่าง ประโยค ข พี่ กำลัง ป้อน ข้าว น้อง
5.หมวดคำกริยาอกรรมย่อย
นาม + กริยาอกรรมย่อย + กว่า + นาม + แล้ว
ตัวอย่าง เอก อ้วน กว่า ก้อง แล้ว / เสื้อ เก่า กว่า กางเกง แล้ว
7.คำช่วยหลังกริยา คือ คำที่ปรากฏอยู่หลังตำแหน่ง "หน่วยกริยา"
ประโยค ก. นาม + กริยาสกรรม(ส) + นาม + แล้ว
ประโยค ก นาม + กริยาทวิกรรม(ท) + นาม + นาม + แล้ว
ประโยค ก. นาม + กริยาอกรรม(อ) + แล้ว
8.คำช่วยหน้ากริยา คือ คำที่ปรากฏในตำแหน่งหน้า "หน่วยกริยา"
นาม + กำลัง + กริยาสกรรม(ส) + นาม
นาม + กำลัง + กริยาทวิกรรม(ท) + นาม + นาม
นาม + กำลัง + กริยาอกรรม(อ)
9.หมวดคำปฏิเสธ ที่ใช้บ่อยที่สุด คือ คำว่า "ไม่"
ข้างหน้าคำช่วยหน้ากริยาบางคำ (ค่อย น่า ได้ มัว)
ข้างหน้าหรือข้างหลังคำช่วยหน้ากริยาบางคำ (ควร เคย ต้อง อยาก)
ข้างหลังคำช่วยหน้ากริยาบางคำ ( เกิด เกือบ กำลัง คง ค่อนข้าง จวน จะ ชัก แทบ พลอย เพิ่ง มัก ย่อม ยัง อาจ ดูเหมือน คล้ายจะ ท่าจะ หมายจะ เห็นจะ ออกจะ แสนจะ จะได้
ไม่ปรากฏคำช่วยหน้ากริยาในประโยค อาจปรากฏหน้าคำกริยา เช่น แดด ไม่ ออก เลย เป็นต้น
10.หมวดคำหน้ากริยา มีอยู่ 2 คำ คือ ไป มา มีความหมายแสดงทิศทางเกี่ยวกับตัวผู้พูด
ไป นำหน้าคำกริยา แสดงว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทิศทางที่ห่างออกไปจากตัวผู้พูด เช่น ไปส่ง เป็นต้น
มา นำหน้าคำกริยา แสดงว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทิศทางที่เข้ามาหาตัวผู้พูด เช่น มาส่ง มาพบ เป็นต้น
11.หมวดคำหลังกริยา มีอยู่ 11 คำ
ออก
แสดงว่าเป็นการเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง โดยขยายขนาดขึ้น
เสีย
แสดงว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว
แสดงว่าเป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นทันทีที่ผู้พูดพูดเสร็จ
เข้า
แสดงว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดไว้
แสดงว่าเป็นการเคลื่อนที่จากหนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง
แสดงว่าเป็นการเร่งเร้า
ไว้
แสดงความหมายว่าให้คงทำอย่างนั้นไว้
ลง
แสดงว่าเป็นเรื่องที่เกิดในทิศทางสู่เบื้องต่ำ
แสดงความหมาย มากกว่าเดิม
เอา
แสดงว่าเป็นเรื่องที่ถูกกระทำ
ขึ้น
แสดงว่าเป็นเรื่องที่เกิดในทิศทางสู่เบื้องบน เช่น หงาย ขึ้น เป็นต้น
แสดงึวามหมาย มากกว่าเดิม เช่น อ้วนขึ้น
ให้
แสดงว่าเป็นเรื่องที่ถูกกระทำ
มา
แสดงว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ฉันเห็นมากับตา
แสดงว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน และดำเนินไปถึงอนาคต
แสดงว่าเป็นเรื่องที่เกิดในทิศทางที่เข้ามาหาตัวผู้พูด เช่น ส่งมา เป็นต้น
ดู
แสดงความหมายว่า ลอง
ไป
แสดงว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว
แสดงว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วดำเนินอยู่ชั่วระยะหนึ่ง
แสดงว่าเป็นเรื่องที่เกิดในทิศทางที่ห่างออกไปขากตัวผู้พูด
แสดงว่า 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นหร้อมกัน
12.หมวดลงท้าย คือ คำปรากฏตำแหน่งท้ายสุดประโยค เช่น คะ ค่ะ ครับ จ๊ะ เป็นต้น
นาม + กริยาอกรรม + คำกริยาวิเศษณ์
คำกริยาวิเศษณ์ เช่น จัง เหลือเกิน ออก ก่อน ด้วย อี กระมัง เรื่อย บ่อย เหมือนกัน มาก ทีเดียว เสมอ หน่อย ทำไม เท่าใด เป็นต้น
13.หมวดคำกริยาวิเศษณ์
ตัวอย่าง เช่น เขาลื่นหกล้ม แยกเป็น เขาลื่น เขา หกล้ม ซึ่งหกล้ม เป็นกริยาอกรรม
14.หมวดคำพิเศษ ในภาษาไทยมีอยู่ไม่มากนัก เช่น ปกติ น่ากล้ว ธรรมดา ส่วนมาก ส่วนมากส่วนใหญ่ ที่จริง โดยทั่วไป โดยทั่ว ๆ ไป
15.หมวดคำสรรพนาม ถือว่าเป็นหน่วยย่อยของคำนาม
ปรากฏในตำแหน่งเดียวกับคำนามได้
ประโยค ก. นาม + กริยาอกรรม(อ) + แล้ว
ประโยค ข. นาม + กำลัง + กริยาอกรรม(อ)
18.หมวดคำลำดับที่
นาม + คำช่วยหน้ากริยา + กริยาสกรรม + นาม + ลักษณนาม + คำบอกลำดับที่
16.คำลักษณนาม
นาม + ลักษณนาม + กริยาอกรรมย่อย + นี่ + กริยาอกรรม + แล้ว
17.หมวดคำจำนวนนับ
นาม + คำช่วยหน้ากริยา + กริยาสกรรม + นาม + คำจำนวนนับ + ลักษณนาม
19.หมวดคำหน้าจำนวน
นาม + คำช่วยหน้ากริยา + กริยาสกรรม + นาม + คำหน้าจำนวน + คำบอกจำนวนนับ + ลักษณนาม
25.หมวดคำเชื่อมนาม
ได้แก่ คำที่ปรากฏระหว่างคำนาม 2 คำ เวลาออกเสียงไม่เน้นหนักที่คำเชื่อม
24.คำบุพบท
นาม + คำช่วยหน้ากริยา + กริยาอกรรม + คำบุพบท + นาม
23.หมวดคำบอกเวลา
ปรากฏได้ตามลำพัง อาจจะปรากฏต้นหรือท้ายประโยคก็ได้
ปรากฏตาทลำพังไม่ได้ ต้องทำหน้าที่ร่วมกับคำบอกเวลา
22.คำบอกกำหนดเสียงโท มี 4 คำ คือ นี่ นั่น โน่น นู่น
มีความหมายบ่งถึงสถานที่ที่อยู่ของคำนาม
21.คำบอกกำหนดเสียงตรีและจัตวา คือ นี้ นั้น โน้น นู้น ไหน แล้ว
มีความหมายชี้เฉพาะเจาะจงที่คำนาม
20.หมวดคำหลังจำนวน
นาม + คำช่วยหน้ากริยา + กริยาสกรรม + นาม + คำบอกจำนวนนับ + ลักษณนาท + คำหลังจำนวน
26.หมวดคำเชื่อมอนุพากย์
จะปรากฏในประโยคผสม และประโยคซับซ้อน