การพิจารณาว่าหน่วยใดเป็นหน่วยคำ เดียวกันหรือไม่
1.คำหรือส่วนของคำใดที่มีรูปและเสียงเหมือนกัน
ความหมายเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน
จัดเป็นหน่วยคำเดียวกันได้
วันนี้แดนมาโรงเรียน /
เธอมาทำไม /
เขามาแล้ว
(มา ในแต่ละประโยคเป็น หน่วยคำเดียวกัน )
ตัวอย่าง (ให้ดูที่ความหมายเป็นหลัก)
ไก่ขันตอนเช้า / ลุงชอบเล่าเรื่องขัน / ใช้ขันตักน้ำ (คำว่า ขัน เป็นคนละหน่วยคำกัน)
- นักเรียน นักร้อง นักเลง นักรบ (หน่วยคำเดียวกัน)
- เจ้าบ่าว ลูกบ่าว พี่บ่าว (หน่วยคำเดียวกัน)
- บ่าวไพร่ เจ้าบ่าว (คนละหน่วยคำ เนื่องจากคำว่า บ่าว คำแรก หมายถึง ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ส่วนคำว่า บ่าว คำหลัง หมายถึง ผู้ชายอย่างเดียว)
- คำหรือส่วนของคำมีความหมายเหมือนกัน แต่มีรูปและเสียงต่างกันเล็กน้อยและใช้แทนกันได้ ถือว่าเป็นหน่วยคำเดียวกัน
ตัวอย่าง
รวม - ร่วม
บ - บ่
ราดหน้า - ลาดหน้า
ระลอก - ละลอก
เด็กคนนี้เนื้อตัวกระมอมกระแมม / เด็กคนนี้เนื้อตัวขมอมขแมม / เด็กคนนี้เนื้อตัวมอมแมม (หน่วยคำเดียวกัน)
ในกรณีที่พยางค์ไม่มีความหมาย ซึ่งมีรูปและเสียงเหมือนกัน ถือว่า ไม่เป็นหน่วยคำ แต่เรียกว่า หน่วยที่ไร้ความหมาย
เช่น นกกระจาบกระโดด / เขากระหายน้ำ / หมากระโจนกัดเด็ก
- คำพ้องเสียง (มีเสียงเหมือนกันแต่ความหมายต่างกัน)
มี 2 กรณี
- มีรูปและเสียงซ้ำกัน แต่ความหมายต่างกัน (คนละหน่วยคำกัน)
ตัวอย่าง
ตำรวจซ้อมผู้ร้าย (ท้าร้าย)
เขาไปซ้อมฟุตบอล (ฝึกหัดเล่น)
- เสียงเหมือนกันแต่รูปต่างกัน (คนละหน่วยคำกัน)
ตัวอย่าง
การ / กาล / การณ์ / กานท์
กัน / กัณฑ์ / กรรณ / กัลป์
- รูปคำที่มีความหมายเหมือนกัน แต่เสียงต่างกันเล็กน้อย ซึงเกิดจาก ลักษณะบังคับทางเสียง ทำให้เสียงเปลี่ยนไปอย่างมีระบบและทำให้เกิดรูปคำหลายรูป ให้ถือว่าเป็น หน่วยคำเดียวกัน
ลักษณะบังคับทางเสียง คือ ระเบียบของภาษาที่กำหนดให้เสียงที่เกิดในสิ่งแวดล้อมต่างกันต้องเปลี่ยนแปลงไปตามอิทธิพลของเสียงข้างเคียง
ตัวอย่าง
saŋ san sam ในคำ สังคม สัณฐาน สัมมนา ซึ่งเป็นหน่วยย่อยในหน่วยคำเดียวกัน มีเสียง /kh/ /th/ /m/ เป็นตัวบังคับทางเสียง
มี 8 ชนิด
1.การกลมกลืนเสียง
1.1 การเปลี่ยนแปลงเสียงหลังด้วยอิทธิพลของเสียงหน้า
1.2 การเปลี่ยนแปลงเสียงหน้าด้วยอิทธิพลของเสียงหลัง
1.3 การเปลี่ยนแปลงเสียงหน้าและหลังร่วมกัน
สิบเอ็ด - สิบเบ็ด
อย่างนั้น - อย่างงั้น
เต้าเจี้ยว - เจ้าเจี้ยว
มนิลา - มลิลา
ทีเดียว - เทียว - เชียว - เจียว
หรือไม่ - ไหม - ไม๊
2.การผลักเสียง
2.1 เสียงสระรูปคำหน้าผลักดันให้เกิดเสียงรูปคำหลัง
2.2 เสียงสระรูปคำหลังผลักดันให้เกิดเสียงรูปคำหน้า
โคลง - โคลงเคลง
ท้อ - ท้อแท้
ยุ่ง - ยุ่งยาก
เหนื่อย - เหน็ดเหนื่อย
ลุกลน - ลุกลี้ลุกลน
หลวม - หละหลวม
3.การสูญหน่วยเสียง
เกียรติยศ - เกียรติ
วัฒนา - วัฒน์
สตางค์ - สตัง - ตัง
- การสับเสียง
ตะกร้อ - กระต้อ
ตะกร้า - กระต้า
สถิติ - สติถิ
- การเปลี่ยนเสียงสระเสียงสั้นเป็นเสียงยาว
น้ำ - น้าม
ไม่ - ม่าย
- การเปลี่ยนเสียงสระเสียงยาวให้เป็นเสียงสั้น
ท่าน - ทั่น
ข้าว - เข้า
- การซ้ำเสียงทั้งหมด
บ่อย - บ่อยบ่อย
ทั่ว - ทั่วทั่ว
แต่ถ้าซ้ำคำแล้วความหมายเปลี่ยนไม่ถือว่าเป็นหน่วยคำเดียวกัน
กล้วย (ผลไม้) - กล้วยกล้วย (ง่าย)
เด็ก (คนเดียว) - เด็กเด็ก (หลายคน)
- การแทนที่หน่วยเสียงบางเสียง (มีการเปลี่ยนแปลงรูปคำโดยที่รูปคำใหม่เกิดจากการแทนที่หน่วยเสียง รูปคำใหม่กับรูปคำเดิมมีความหมายเหมือนกัน)
พยัญชนะ
สระ
วรรณยุกต์
ราดหน้า - ลาดหน้า
โลหิต - โรหิต
ไปเถอะ - ไปเถิด
ไปเดี๋ยวไม่ทัน - ปะเดี๋ยวไม่ทัน
นั่น - นั้น
ปราด - ปร๊าด