Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาพรวมตราสารทุนและหุ้นสามัญ - Coggle Diagram
ภาพรวมตราสารทุนและหุ้นสามัญ
1.ลักษณะของตราสารทุน
บริษัท ออกให้ผู้ถือ ซึ่งมีสิทธิเป็นเจ้าของ เพื่อระดมทุนใช้ในกิจการนอกเหนือจากการระดมทุนตลาดเงิน
ผู้ถือ มีสิทธิในสินทรัพย์ มีส่วนได้เสียรายได้ โอกาสได้รับส่วนแบ่งเงินปันผล *สามารถขายต่อเพื่อทำกำไรได้
** บริษัทผู้ออกตราสารทุน ไม่มีภาระผูกพันในการจ่ายเงินปันผลอาจไม่จ่ายก็ได้ ขึ้นกับผลประกอบการ
2.ตราสารทุนกับธุรกิจ
เงินทุนของกิจการ =สถาบันการเงิน ระดมจากผู้ถือหุ้น แหล่งเงินทุนภายใน
(แหล่งเงินทุนภายใน หมายถึง บริษัทขอส่วนแบ่งเงินปันผล เช่น มีเงินปันผล 100 บาทขอแบ่ง 40 บาทไว้ในการลงทุนต่อ)
รูปแบบองค์กรและการขยายกิจการ
1.กิจการเจ้าของคนเดียว (Sole Proprietorship) รับผิดชอบคนเดียว *เสียภาษีบุคคลธรรมดา ข้อเสีย เงินทุนจำกัด (ความเสี่ยงที่เจ้าหนี้จะยึดทรัพย์สินส่วนตัว) อายุของกิจการขึ้นอยู่กับอายุของผู้ก่อตั้ง
2.ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน (Ordinary Partnership) และห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน (Registered Ordinary Partnership) 2 คนขึ้นไป และใช้ร่วมกัน ไม่จำกัดต่อหนี้ (กฏหมายแพ่ง ไม่บังคับ ถ้าจดทะเบียน =นิติบุคคล) *ความเสี่ยงที่เจ้าหนี้จะยึดทรัพย์สินส่วนตัว
3.ห้างหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership) *นิติบุคคล
กฏหมายแพ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท คือจำกัดความรับผิดชอบ ไม่จำกัด
4.บริษัทจำกัด (Company Limited)
*นิติบุคคล
3 คนขึ้นไป
1.แบ่งหุ้นราคาเท่าๆกัน
2.ราคา Par 5 บาท
3.รับผิดจำกัดตาม
หนี้ที่ตนยังส่งไม่ครบ
4.คนเริ่มก่อตั้ง ต้องลงชื่อซื้อหุ้น 1 หุ้น
ข้อดี มีการแยกสินทรัพย์อย่างชัดเจน อายุไม่จำกัด จนกว่ากิจการจะล้มละลาย
ข้อเสีย ต้องรายงานส่งงบการเงิน/เสียภาษีนิติบุคคล (กำไรสุทธิหลังหักภาษีจ่ายเป็นเงินปันผลได้)
5.บริษัทมหาชนจำกัด (Public Company Limited)
เสนอขายหุ้นกับประชาชน และมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของ
**บริษัทจำกัดและบริษัทมหาชน ออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อขยายกิจการได้
3.หุ้นสามัญ (Common Stock)
หุ้นประเภทหนึ่งที่อยู่ในงบการเงิน ในส่วนของเจ้าของ
เป็นเจ้าของ/มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุม (ตามสัดส่วนที่ถือ)
**ผลตอบแทนคือ เงินปันผล หุ้นปันผล
ประเภทของหุ้นปันผล
1.Blue Chip หุ้นบริษัทขนาดใหญ่ ก่อตั้งนาน น่าเชื่อถือ
ผู้นำตลาด และผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี
เช่น SET50 Index SET100 มีการทบทวนทุกๆ 6 เดือน
2.Growth Stock ช่วงเติบโต > อุตสาหกรรมเดียวกัน
(กระแสเงินสดเป็น +) มีการจ่ายเงินปันผลทีต่ำหรือไม่จ่ายปันผลได้เพราะไป Reinvestment
2.1 ROE สูง
2.2 P/E P/BV สูง
2.3Dividend Payout Ratio ต่ำ
3.Value Stock **ผลตอบแทนเงินผลปันผลสูง
หุ้นที่ราคา < ทฤษฎี
3.1 เน้นการลงทุนระยะยาว
3.2 P/E P/BV สูง
3.3 ปันผลจะสูงกว่าธุรกิจเดียวกัน
4.Income Stock **ผลตอบแทนเงินผลปันผลสูง
4.1 จ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอ เรียกว่า หุ้นปันผล
4.2 ธุรกิจขยายตัวไม่สูงมาก ไม่จำเป็นต้องใช้เงินสดในการ Reinvestment ต่อ
เช่น SET High Dividend 30 Index
5.Defensive Stock ไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจ
5.1 เศรษฐกิจขาลง ผลประกอบการดี
5.2 เศรษฐกิจขาขึ้น ผลประกอบการน้อย
*เรียกว่า Non-Cyclical Stock
6.Cyclical Stock ผลตอบแทน > ดัชนีราคาตลาด(ขาขึ้น ขาลง)
*ผันผวนตามเศรษฐกิจ หรืออุปสงค์อุปทาน
เช่น วัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ยานยนต์
แต่พวก Counter Stock จะสวนทางกับเศรษฐกิจ นิยมช่วงเศรษฐกิจซบเซา เช่น หุ้น Fast Food
7.Speculative Stock แปรผันตามข่าว
หุ้นบริษัทใหม่ มีสภาพคล่อง
*กำไรต่างๆที่เกิดขึ้น เนื่องจากสาเหตุอื่น ไม่ใช่ผลประกอบการ
8.Penny Stock ราคาต่ำ
(ตลาดไหนมี Penny มากจะส่งผลต่อมูลค่าของตลาดนั้นต่ำ แล้วราคาจะผันผวน เพราะเข้ามาเก็งกำไร)
4.ผลตอบแทน
4.1 เงินปันผล ส่วนแบ่งของกำไรที่แบ่งให้กับผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนผู้ถือหุ้น (จ่ายเป็นเงินสดหลังหักภาษีนิติบุคคล หรือหุ้นปันผล)
อัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout)(%)=เงินปันผล/กำไรสุทธิ
100
อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield)(%) =เงินปันผล/ต้นทุน
100
4.2 กำไรส่วนต่าง (Capital Gain)