Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Systemic Lupus Erythematosus (SLE) หรือ โรคเอสแอลอีtext - Coggle Diagram

- - - - ผู้ป่วยมีประวัติเจ็บป่วยด้วยอาการดังนี้:
      - รอยโรคที่ผิวหนังปลายมือ นิ้วคล้ำ และมีหลอดเลือดอักเสบมา เป็นเวลา 4 ปี
      - ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น Systemic Lupus Erythematosus (SLE)
      - ช่วงหลังมี ไข้เป็นพักๆ, ผื่นรูปปีกผีเสื้อที่โหนกแก้ม, ผื่น discoid, แผลในช่องปาก, ผมร่วง, ข้ออักเสบที่ศอกและเข่า, ปวดศีรษะรุนแรงไม่ตอบสนองต่อ NSAIDs และ tramadol
      - มี อาการบวมที่เท้าและรอบเบ้าตา
      - อัตราการเต้นของหัวใจ 120 ครั้ง/นาที
      - อัตราการหายใจ 30 ครั้ง/นาที
      - อุณหภูมิช่องปาก 37.8°C
    - - Hemoglobin (Hb): 9.9 g/dL → ภาวะซีด
      - White Blood Cell (WBC): 3,800/mm³ → เม็ดเลือดขาวต่ำ
      - Bilirubin: ปกติ
      - ปัสสาวะ:
      - WBC 7 cells/high power field (HPF) → มีเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะเล็กน้อย
      - RBC 25–30/HPF → มีเลือดในปัสสาวะ → บ่งชี้ภาวะ ไตอักเสบ (Lupus Nephritis)
    - - Systemic Lupus Erythematosus (SLE)
      - เป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองที่ส่งผลต่อหลายระบบในร่างกาย เช่น ผิวหนัง ไต ระบบเลือด ข้อต่อ และระบบประสาท
- - - - 🎯 วัตถุประสงค์
        
        ผู้ป่วยสามารถควบคุมภาวะอักเสบได้ และอาการทางระบบต่าง ๆ ดีขึ้น
      - 📏 เกณฑ์การประเมินผล
        
        อุณหภูมิร่างกายอยู่ในช่วงปกติ (36.5–37.5°C)
        
        อาการบวม แดง ที่ข้อหรือผื่นลดลง
        
        ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกดีขึ้น
      - ข้อมูลสนับสนุน
        
        S:
        
        ผู้ป่วยบอกว่ามี ไข้เป็นพักๆ
        
        ปวดศีรษะรุนแรง
        
        ปวดข้อ/ข้ออักเสบ
        
        O:
        
        ผื่นที่โหนกแก้ม, ผื่น discoid
        
        ค่า WBC ต่ำ (3,800/mm³)
        
        ค่า Hb ต่ำ (9.9 g/dL)
        
        อุณหภูมิช่องปาก 37.8°C
        
        ผล CBC, RBC, WBC, ปัสสาวะผิดปกติ
      - 🩺 กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินอุณหภูมิร่างกายอย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง
        
        2.สังเกตอาการอักเสบ เช่น ผื่น, ข้อบวมแดง
        
        3.ให้ยา corticosteroids ตามแผนการรักษา
        
        4.สังเกตผลข้างเคียงของยา เช่น ภาวะน้ำตาลสูง
        
        5.ติดตามผลแล็บ CBC, CRP, ESR
  - - - ผู้ป่วยไม่แสดงอาการของการติดเชื้อระหว่างการรักษา
    - - 1.ตรวจวัดอุณหภูมิทุก 4 ชั่วโมง
        
        2.ประเมินอาการติดเชื้อ เช่น ไอ เจ็บคอ แผลเน่า/มีหนอง ปัสสาวะแสบขัด
        
        3.ให้การดูแลตามหลัก aseptic technique
        
        4.ส่งเสริม สุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น การล้างมือ
        
        5.แยกของใช้ส่วนตัว เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว
        
        6.ติดตาม ผล CBC เป็นระยะเพื่อตรวจดูจำนวนเม็ดเลือดขาว
    - - S (Subjective data):
        
        ผู้ป่วยมีประวัติได้รับยา steroids เป็นระยะเวลานาน
        
        รายงานว่า รู้สึกอ่อนเพลีย
        
        O (Objective data):
        
        ค่า WBC ต่ำ = 3,800 /mm³
        
        ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น SLE (โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง)
        
        อยู่ในแผนการรักษาด้วย ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น corticosteroids
        
        ผล CBC แสดงความเสี่ยงต่อ ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ
    - - -ไม่มีไข้สูง หนาวสั่น หายใจเร็ว หรือบวมแดงผิดปกติ
        
        -ผล CBC: ค่า WBC ไม่ลดลงต่ำกว่า 3,000 /mm³ หรือ ไม่สูงผิดปกติ
        
        -ไม่มีสัญญาณของการติดเชื้อปรากฏ เช่น ปวด บวม ร้อน แดง หรือมีหนอง
  - - - ผู้ป่วยไม่มีภาวะไตอักเสบเพิ่มเติม และการทำงานของไตเป็นปกติ
    - - S: ผู้ป่วยมีอาการบวมที่เท้าและรอบดวงตา
        
        O:
        
        RBC ในปัสสาวะ 25–30 /hpf
        
        WBC ในปัสสาวะ 7 /hpf
    - - -ปัสสาวะใส ไม่มีเลือดหรือฟองมากผิดปกติ
        
        -ไม่มีอาการบวมเพิ่มขึ้น
        
        -ค่า BUN/Creatinine อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    - - 1.ตรวจบันทึกปริมาณปัสสาวะทุก 8 ชั่วโมง
        
        2.สังเกตอาการบวมที่เท้า ใบหน้า
        
        3.ส่งตรวจปัสสาวะซ้ำตามแพทย์สั่ง
        
        4.ติดตามผลค่า BUN, Creatinine
        
        5.ให้คำแนะนำการลดเค็ม และดื่มน้ำอย่างเพียงพอ (ถ้าแพทย์อนุญาต)
  - - - ผู้ป่วยสามารถลดความรู้สึกเจ็บปวดลง และรู้วิธีจัดการกับอาการ
    - - -VAS pain score ลดลงจากก่อนหน้า
        
        -ผู้ป่วยสามารถนอนหลับพักผ่อนได้ดีขึ้น
        
        ผู้ป่วยรายงานว่าสามารถควบคุมความปวดได้
    - - 🔎 ข้อมูลสนับสนุน
        
        S: ผู้ป่วยรายงานว่าปวดศีรษะรุนแรง ไม่ดีขึ้นจาก NSAIDs หรือ tramadol
        O: ไม่มีสัญญาณของสาเหตุอื่น เช่น ความดันสูง หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
    - - 1.ประเมินระดับความปวดด้วย VAS
        
        2.ให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
        
        3.ประคบเย็นหรือประคบร้อนบริเวณที่เหมาะสม
        
        4.จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ ลดแสง เสียง
        
        5.แนะนำเทคนิคผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก นั่งสมาธิ
  - - - ผู้ป่วยสามารถยอมรับและปรับตัวต่อภาพลักษณ์ของตนเองได้
    - - ผู้ป่วยแสดงความสามารถในการพูดคุยเกี่ยวกับรูปลักษณ์ตนเอง
        
        มีท่าทีที่ดีขึ้นต่อการปรับตัว
        
        แสดงพฤติกรรมการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม
    - - S: ผู้ป่วยแสดงความไม่พอใจหรือรู้สึกเศร้าเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของตนเอง
        O: สังเกตพบว่า มีผมร่วง, ผื่นที่ใบหน้า, แผลในปาก
    - - เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับรูปลักษณ์
        
        2.สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มหรือกิจกรรมให้กำลังใจ
        
        ให้คำแนะนำการดูแลตนเอง เช่น การใช้วิก, ครีมบำรุง
        
        ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการฟื้นฟูเมื่อโรคสงบ
        
        ประสานงานกับนักจิตวิทยาหรือผู้ให้คำปรึกษา