Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การประเมิน การคัดครองมารดาในระยะตั้งครรภ์ - Coggle Diagram
การประเมิน การคัดครองมารดาในระยะตั้งครรภ์
ตรวจคัดกรองสตรีตั้งครรภ์
การตรวจคัดกรองสตรีตั้งครรภ์สามารถทำในลักษณะดังนี้ คือ 1. การตรวจคัดกรองสตรีตั้งครรภ์ทุกราย คือ การตรวจกรองที่ทำในสตรีตั้งครรภ์ทุกรายโดยไม่เลือกว่าเป็นการตั้งครรภ์เสี่ยงสูงหรือไม่ เช่น การตรวจขนาดและลักษณะของเม็ดเลือดแดง การตรวจหมู่เลือด ABO และ Rh การตรวจการติดเชื้อซิฟิลิส เชื้อไวรัสตับอักเสบบี การตรวจเชื้อไวรัสเอดส์ การตรวจปัสสาวะดูไข่ขาวและน้ำตาลกลูโคสในปัสสาวะ เป็นต้น ในประเทศไทยมีความชุกของโรคธาลัสซีเมียสูง จึงควรตรวจกรองโรคธาลัสซีเมียในสตรีตั้งครรภ์ทุกราย 2. การตรวจคัดกรองเฉพาะสตรีตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง คือ การตรวจคัดกรองที่ทำในสตรีตั้งครรภ์เฉพาะรายที่เป็นการตั้งครรภ์เสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคนั้น ๆ เช่น การตรวจคัดกรองโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ การทำนายการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด เป็นต้น
โรคธาลัสซีเมีย
โรคธาลัสซีเมียเป็นโรคพันธุกรรมที่พบบ่อยที่สุดของประเทศ อุบัติการณ์ของประชากรไทยมีพาหะของโรคนี้ประมาณร้อยละ 30 – 40 และผู้ป่วยด้วยโรคนี้ร้อยละ 1 หรือประมาณ 600,000 คนต่อประชากร 60 ล้านคน โดยมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 12,000 คนต่อปี ผู้ป่วยจะมีอาการซีดมาก เหลือง ตับม้ามโตตั้งแต่เด็ก บางคนจะเริ่มมีอาการตั้งแต่อายุ 1 – 2 เดือน ร่างกายเจริญเติบโตช้ากว่าปกติ ภาวะซีดมากเรื้อรัง ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในไขกระดูก โดยเฉพาะที่ใบหน้า การให้เลือดทดแทนจะช่วยให้ชีวิตผู้ป่วยยืนยาวขึ้น ผู้ป่วยพวกนี้มีภาวะเหล็กเกิน โรคแทรกซ้อนที่สำคัญอันหนึ่งคือ ภาวะหัวใจวาย ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้แก่ ตับแข็ง เบาหวาน เป็นต้น การรักษาผู้ป่วยเหล่านี้ส่วนใหญ่มักเป็นการรักษาตามอาการหรือประคับประคองแบบเรื้อรังไปตลอดชีวิต
เบาหวานขณะตั้งครรภ์
ภาวะเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ ทำให้พบภาวะแทรกซ้อน ครรภ์เป็นพิษ คลอดก่อนกำหนดในมารดาเพิ่มขึ้น และพบทารกเสียชีวิตในครรภ์ในระหว่าง 4 – 8 สัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ที่ไม่รุนแรงจะไม่เพิ่มอัตราเสียชีวิตของทารกก่อนกำเนิด แต่พบทารกตัวโตและคลอดยาก ทำให้ตกเลือดหลังคลอดได้ ครรภ์แฝดน้ำ (เข้าใจว่าเกิดจากทารกปัสสาวะมาก) พบภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหลังคลอด ตัวเหลือง และภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำเพิ่มขึ้น ผลกระทบของภาวะเบาหวานในระยะยาวจะเพิ่มอัตราเสี่ยงของการเกิดเบาหวานหลังคลอดเพิ่มขึ้น รวมทั้งสามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ทำให้ลูกหลานมีความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและเบาหวนเพิ่มขึ้น
ทำนายการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
การตรวจภายในเพื่อประเมินการขยายและการบางตัวของปากมดลูกเป็นวิธีที่ง่ายและประหยัด แต่มีความผันแปรได้มากและมีความไวต่ำ
การใช้อัลตราซาวนด์วัดความยาวของแกนมดลูก โดยแกนปกติเมื่ออายุครรภ์ 24 สัปดาห์ ความยาวของปากมดลูกเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 35 มม. ถ้าพบว่าความยาวลดลงเรื่อย ๆ จะมีโอกาสคลอดก่อนกำหนดได้สูงขึ้น มีความถูกต้องในการประเมินความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดมากกว่าการตรวจภายใน
การตรวจสาร Fetal Fibronectin จากช่องคลอด พบว่ามีความไวสูงและอาจช่วยลดการได้รับยาหรือการรักษาที่ไม่จำเป็น
การดูแลรักษา
หลักสำคัญของการรักษาก็คือ พยายามยืดระยะเวลาการคลอดโดยเฉพาะก่อนอายุ 34 สัปดาห์ก็จะช่วยลดโอกาสเกิดภาวะการทำงานของปอดทารกล้มเหลว
การดูแลภาวะเจ็บครรภ์ก่อนกำหนด ต้องยืนยันการวินิจฉัยที่แน่นอนว่าเป็นการเจ็บครรภ์จริง ต้องยืนยันอายุครรภ์โดยอาศัยประวัติ การตรวจร่างกาย และการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อหาสาเหตุของการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนด ตรวจสภาวะสุขภาพของทารกในครรภ์ เลือกการให้ยาระงับการหดรัดตัวของมดลูก การใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ เร่งการกระตุ้นการทำงานของปอดทารก
ความดันโลหิตสูงในสตรีตั้งครรภ์
ความดันโลหิตสูงในสตรีตั้งครรภ์ หมายถึง ความดันโลหิต Systolic ตั้งแต่ 140 มิลลิเมตรปรอท หรือความดันโลหิต Diastolic ตั้งแต่ 90 มิลลิเมตรปรอท Preeclampsia คือ ความดันโลหิตตั้งแต่ 140/90 มิลลิเมตรปรอท และมีโปรตีนในปัสสาวะ
ครรภ์เป็นพิษ
ภาวะแทรกซ้อนต่อมารดาที่สำคัญ ได้แก่ มีเลือดออกในสมอง รกลอกตัวก่อนกำหนด ความผิดปกติของระบบประสาท ปอดอักเสบจากอาหารสำลัก และปอดบวมน้ำ
ภาวะแทรกซ้อนต่อทารกที่สำคัญ ได้แก่ ภาวะการขาดออกซิเจนจากรกลอกตัวก่อนกำหนด
ครรภ์เป็นพิษพบมากในสตรีครรภ์แรก อายุน้อย ซี่งแตกต่างจากผู้ป่วยความดันโลหิตสูงเรื้อรัง ซึ่งส่วนใหญ่อายุมากกว่า 35 ปี และเป็นการตั้งครรภ์หลังปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ความอ้วน การตั้งครรภ์แฝด ภาวะเกล็ดเลือดต่ำเป็นความผิดปกติที่พบบ่อยที่สุด อาจพบการแตกของเม็ดเลือดแดง พบการทำงานผิดปกติของไต ตับ และสมอง
ทารกโตช้าในครรภ์
ภาวะทารกโตช้าในครรภ์บ่งชี้ถึงภาวะที่ทารกในครรภ์ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ตามศักยภาพที่กำหนดไว้แล้วในทางพันธุกรรม แพทย์ต้องทราบอายุครรภ์ที่ถูกต้องของทารกในครรภ์ เนื่องจากน้ำหนักของทารกเปลี่ยนตามอายุครรภ์
สาเหตุ
ปัจจัยทางมารดา (Maternal Causes)
ปัจจัยจากทารก (Fetal Causes)
ปัจจัยจากรก (Placental Causes)
การวินิจฉัย
ประวัติการฝากครรภ์ การคัดกรองกลุ่มเสี่ยงเป็นจุดเริ่มต้นของการวินิจฉัยภาวะทารกโตช้าในครรภ์ มารดาที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคไต มารดาที่เคยคลอดบุตรที่มีภาวะโตช้าในครรภ์จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น มารดาที่มีน้ำหนักน้อยขณะตั้งครรภ์และน้ำหนักไม่เป็นตามเกณฑ์ที่ควรเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยง ดังนั้นแพทย์ควรตรวจติดตามความสูงของยอดมดลูกและส่งตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อยืนยันต่อไป
การตรวจความสูงของยอดมดลูก การใช้สายวัดจากยอดมดลูกถึงเหนือกระดูกหัวหน่าวเป็นวิธีที่ง่ายจึงยังเป็นวิธีที่นิยมใช้กันอยู่อย่างแพร่หลายในการคัดกรองทารกโตช้าในครรภ์ เพื่อทำการตรวจยืนยันด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงต่อไปการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ในสตรีที่มีความเสี่ยงสูงจากประวัติหรือการตรวจร่างกายก็ตาม ควรได้รับการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อยืนยันอายุครรภ์ ประเมินความผิดปกติ และประเมินการเจริญเติบโตของทารกในช่วงอายุครรภ์ 16 – 20 สัปดาห์ และอาจตรวจติดตามการเจริญเติบโตอีกครั้งเมื่ออายุครรภ์ 32 – 34 สัปดาห์ การประเมินขนาดของทารกประกอบด้วยการวัดตัว วัดมาตรฐานต่าง ๆ และการคำนวณน้ำหนักทารกในครรภ์
การดูแลรักษา
รักษาอย่างไร
หลักการใหญ่ ๆ ในการดูแลทารกโตช้าในครรภ์ฝากครรภ์ เพื่อค้นหาและลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้สุขภาพทารกในครรภ์เลวลง และการเสริมสร้างการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
การฝากครรภ์หรือการตรวจเฝ้าระวังสุขภาพของทารกในครรภ์อย่างใกล้ชิด การนับจำนวนครั้งการดิ้นของทารก เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกในการประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ ทารกปกติควรดิ้นตั้งแต่ 10 ครั้งขึ้นไปในเวลา 12 ชั่วโมงในแต่ละวัน การใช้การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง Biophysical Profile และคลื่นเสียงความถี่สูงดอปเลอร์ และการตรวจติดตามอัตราการเต้นของหัวใจทารกโดยคลื่นไฟฟ้าเป็นวิธีมาตรฐานที่นิยมใช้เฝ้าระวังสุขภาพทารกในครรภ์ การตรวจโดยทั่วไปมักตรวจสัปดาห์ละครั้ง
การฝากครรภ์และการกำหนดเวลาคลอดที่เหมาะสม ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพ พร้อมให้บริการดูแลรักษาสตรีตั้งครรภ์แบบองค์รวม มีมาตรฐานทันต่อความก้าวหน้าทางวิชาการและเทคโนโลยี โดยเน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ดูแลทารกจากครรภ์มารดาสู่โลกภายนอก ตั้งแต่กระบวนการการวินิจฉัยก่อนคลอดเพื่อตรวจหาภาวะผิดปกติ รวมทั้งการดูแลรักษาระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดที่ดี เพื่อให้ลูกน้อยสุขภาพสมบูรณ์และแข็งแรง