ข้อวินิจทางการพยาบาลก่อนผ่าตัด

ข้อวินิจฉัยที่ 1 เกิดภาวะพร่องสารน้ำ สารอาหาร และภาวะไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ เนื่องจากมีการอาเจียน และมีการอุดตันของกระเพาะอาหาร

จุดประสงค์

เกณฑ์การประเมิน

กิจกรรมการพยาบาล

1.เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ํา สารอาหาร และสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ที่เหมาะสม

1.ไม่พบอาการและอาการแสดงของภาวะขาดสมดุลอิเล็กโทรไลต์ เช่น เกิดตะคริว หรือเหน็บชาตามร่างกาย เหนื่อยล้า ไม่มีแรง แม้จะพักก็ไม่หายเหนื่อย มีอาการขาดน้ำ ปากแห้ง คอแห้ง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน กล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจเต้นเร็ว หรือเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น

  1. ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ

Na+ = 135 -145 mEq/L

K = 3.5-5.0 mEq/L

CO2 = 24-30 mEq/L

CL = 90 -106 mEq/L

3.สัญญาณชีพ

BP 90-140/60-90 mmHg

PR 60-100/min

RR 16-22/min

Temp 36.5-37.4 C

4.บันทึกสารน้ำเข้าออก ปัสสาวะมากกว่า 16ml/hr

  1. ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะขาดสมดุลอิเล็กโทรไลต์ เช่น ตะคริว หรือเหน็บชาตามร่างกาย เหนื่อยล้า ไม่มีแรง แม้จะพักก็ไม่หายเหนื่อย มีอาการขาดน้ำ ปากแห้ง คอแห้ง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนกล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจเต้นเร็ว หรือเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น
  1. ประเมินสัญญาณชีพ เพื่อสังเกตอาการหัวใจเต้นเร็วและหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  1. ประเมินภาวะ dehydration ชั่งนํ้าหนักทุกวัน วันละคร้ังตอนเช้า
  1. ดูแลให้ได้รับสารน้ํา ตามแผนการรักษา คือ Acetar 300 ml IV load
  1. I/O record urine output ทุก4 ชม. Keep > 16 ml/4 hr.
  1. ติดตามผลตรวจจากห้องปฏิบัติการและปรับเปลี่ยน IV Fluid ตามแผนการรักษา

ผลการประเมิน

  1. ไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะขาดสมดุลอิเล็กโทรไลต์ เช่น ตะคริว หรือเหน็บชาตามร่างกาย เหนื่อยล้า ไม่มีแรง แม้จะพักก็ไม่หายเหนื่อย มีอาการขาดน้ำ ปากแห้ง คอแห้ง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนกล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจเต้นเร็ว หรือเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น
  1. ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
  1. สัญญาณชีพ

BP 100/64 mmHg

PR 100/min

RR 20/min

Temp 37.2 C

Na+ = 121 mEq/L

K = 3.3 mEq/L

CO2 = 22 mEq/L

CL = 90 mEq/L

ข้อวินิจฉัยที่ 2 ไม่สุขสบายเนื่องจากปวดท้อง แน่นท้อง

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อบรรเทาอาการปวดท้อง แน่นท้อง

เกณฑ์การประเมิน

ผลการประเมิน

  1. ผู้ป่วยปวดท้อง Pain Score น้อยกว่า 3
  1. ผู้ป่วยไม่มีอาการแน่นท้อง

การพยาบาล

  1. ประเมินความรุนแรงของความปวดทุก 2-4 ชั่วโมงด้วยการสังเกตและใช้แบบประเมินความปวด
  1. จัดให้นอนท่าศีรษะสูง 35-40 องศา เพื่อลดแรงดันในช่องท้องช่วยบรรเทาอาการแน่นท้อง
  1. ดูแลให้มีการระบายของสารเหลวออกจากกระเพาะอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ
  1. ดูแลให้ได้รับยาบรรเทาปวดตามแผนการรักษา ร่วมกับจัดการความปวดโดยไม่ใช้ยา (non-pharmacological management) และทำการประเมินซ้ำหลังจากนั้น หากอาการปวดไม่ทุเลา ควรรายงานแพทย์เพื่อให้การช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป
  1. ผู้ป่วยปวดท้อง Pain Score 2
  1. ผู้ป่วยไม่มีอาการแน่นท้อง

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 3 ขาดความรู้ในการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องก่อนและหลังผ่าตัด

การพยาบาล

  1. อธิบายและให้ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัดอย่างสอดคล้องกับแผนการรักษาของแพทย์ (เนื้อหาจากหลักการพยาบาลองค์รวมสำหรับผู้ใหญ่ที่เจ็บป่วยในระยะก่อนผ่าตัด)

ข้อวิจทางการพยาบาล

ข้อวินิจทางการพยาบาลหลังผ่าตัด

ข้อวินิจฉัยที่ 1 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหรือการเปลี่ยนแปลงทางสมอง (encephalopathy)เนื่องจากผ่าตัดทำทางลัดในระบบพอร์ตัล

ข้อวินิจฉัยที่ 2 ไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลผ่าตัด

ข้อวินิจฉัยที่ 3 เสี่ยงต่อภาวะโลหิตจางจากขาดวิตามินบี
12 (pernicious anemia ) หลังตัดกระเพาะอาหารออก (gastrectomy)

การพยาบาล

การพยาบาล

1.ประเมินตาแหน่งลักษณะความเจ็บปวดและความรุนแรงของความเจ็บปวดของผู้ป่วยด้วยมาตรวัดความเจ็บปวดแบบPain score 0 - 10 คะแนน

2.ดูแลให้ได้รับยาแก้ปวดตามแผนการรักษา คือ Pethidine 25 mg.

3.จัดให้ผู้ป่วยนอนท่า Semi fowler's position หัวสูง 45 องศา

4.ดูแลสิ่งแวดล้อมให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายไม่มีเสียงรบกวนดูแล ความสะอาดของรอบๆเตียงผู้ป่วย

5.ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวลหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนแผล สังกตลักษณะของแผลผ่าตัดว่ามีบวมแดงหรือไม่ ถ้ามีรายงานแพทย์

1.สังเกตอาการจากภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสมองจากตับสูญเสียหน้าที่ hepatic encephalopathy เช่น ระดับความรู้สึกตัวลดลง เอะอะโวยวาย เป็นต้น

2.ดูแลให้ได้รับยา lactulose เพื่อทำให้อุจจาระมีฤทธิ์เป็นกรดซึ่งจะทำให้แบคทีเรียในลำไส้ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้จึงส่งผลให้การสร้างแอมโมเนียลง

  1. ดูแลให้ได้รับการสวนอุจจาระด้วยน้ำเกลือเพื่อลดแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ ซึ่งแบคทีเรียจะเป็นตัวช่วยเปลี่ยนโปรตีนที่คั่งค้างภายในลำไส้ให้กลายเป็นแอมโมเนีย
  1. ดูแลให้ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดตามแผนการรักษา
  1. แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีปริมาณโปรตีนต่ำ
  1. ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ แอมโมเนียในเลือดระยะเวาลาการแข็งตัวของเลือด

การพยาบาล

1สังเกตอาการและอาการแสดงของการขาดวิตามินบี 12 ได้แก่ ชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง

  1. แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีวิตามินบี 12 เช่น ตับ เนื้อสัตว์ เป็นต้น
  1. ดูแลให้ได้รับวิตามินบี 12 ตามแผนการรักษา

2.ประเมินด้วยการถามหรือให้สาธิตย้อนกลับ อธิบายเพิ่มเติมหากยังไม่สามารถตอบได้หรือตอบได้ไม่ถูกต้องระยะหลังผ่าตัดผู้ป่วยหลังผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะเลือดออก จะมีโอกาสเกิดปัญหาคล้ายคลึงกับผู้ป่วยหลังผ่าตัดทั่วไป อาทิเช่น

1) เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด ได้แก่ ช็อคจากการเสียเลือด รั่วซึมของรอยต่ออวัยวะจากการผ่าตัด ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึกของขา ถุงลมปอดแฟบ ปอดบวมเฉพาะที่และลำไส้เป็นอัมพาต

2) ไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลผ่าตัด

3) เสี่ยงต่อการติดเชื้อของแผลผ่าตัดเนื่องจากผิวหนังถูกทำลายจากการผ่าตัด

4) เสี่ยงต่อการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะเนื่องจากการคาสายสวนปัสสาวะ

5) พร่องความรู้ในการปฏิบัติตัวเมื่อกลับไปอยู่บ้าน