Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พรบ.การศึกการแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ - Coggle Diagram
พรบ.การศึกการแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒
หมวด ๙
เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
มาตรา ๖๖
ผู้เรียนมีสิทธิ ได้รับการพัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เพื่อให้มีทักษะที่เพียงพอต่อการนำไปพัฒนาต่อยอด
มาตรา ๖๕
ให้มีการพัฒนาบุคลากร ทางด้านผู้ผลิตและผู้ใช้เทคโนโลยี ให้มีความรู้และมีประสิทธิภาพ
มาตรา ๖๗
รัฐต้องส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาการผลิตเทคโนโลยี
เพื่อการศึกษา
มาตรา ๖๔
รัฐบาลต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิตและพัฒนาแบบเรียนตำรา วัสดุอุปกรณ์ และพัฒนาเทคโนโลยีทางการศึกษา
มาตรา ๖๘
ให้มีการระดมทุนเพื่อจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
มาตรา ๖๓
รัฐบาลต้องจัดสรรโครงสร้างพื้นฐานที่มีความจำเป็นต่อการสื่อสารเพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการศึกษาในระบบการศึกษานอกระบบ
มาตรา ๖๙
รัฐต้องจัดให้มีหน่วยงานกลางทำหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบายแผนส่งเสริมและประสานการวิจัยการพัฒนา รวมทั้งการประเมินคุณภาพ ของการผลิตและการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
หมวด ๘
ทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา
มาตรา ๖๐
ให้รัฐจัดสรรงบประมาณแผ่นดินให้กับการศึกษาในฐานะที่มีความสำคัญสูงสุดต่อการพัฒนา ที่ยั่งยืนของประเทศทั้งรัฐและเอกชนให้เท่าเทียมกัน
มาตรา ๕๙
ให้สถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคลมีอำนาจในการปกครองบำรุงรักษาและจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินของสถานศึกษา
มาตรา ๖๑
ให้รัฐจัดสรรเงินอุดหนุนการศึกษาที่จัดโดยบุคคลครอบครัวและองค์กรต่างๆตามความเหมาะสมและความจำเป็น
มาตรา ๕๘
จัดให้มีการระดมทรัพยากรและการลงทุนด้านงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน
มาตรา ๖๒
ให้มีระบบการตรวจเงินติดตามและประเมินสิทธิภาพและประสิทธิผล การใช้จ่ายงบประมาณการจัดการศึกษา ให้สอดคล้องกับหลักการศึกษา ติดตามและประเมิน ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
หมวด ๑
ความมุ่งหมายและหลักการ
มาตรา ๘
การจัดการศึกษาโดย ต้องให้ประชาชาชนมีการศึกษาตลอดชีวิต ให้สังคมมีส่วนร่วมในการศึกษา
มาตรา ๙
มีการจัด ระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา
มาตรา ๗
ปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
มาตรา ๖
จัดการพัฒนาคนไทยให้สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา คุณธรรมและจริยธรรม
มาตรา ๖
มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา
มาตรา ๕๑
ในกรณีที่ผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษาใดไม่ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดให้สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา จัดทำข้อเสนอแนะการปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงาน
ต้นสังกัด
มาตรา ๔๙
ให้มีสำนักงานรองรับมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา มีฐานะเป็นองคืการมหาชนทำหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และทำการประเมินผลการจัดการศึกษา
มาตรา ๔๘
ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา
มาตรา ๕๐
ให้สถานศึกษาให้ความร่วมมือในการจัดเตรียมเอกสารต่างๆ ที่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับสถานศึกษา
มาตรา ๔๗
ให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการศึกษาระดับอุดมศึกษา
มาตรา ๗
ครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา
มาตรา ๕๔
ให้มีองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูโดยยึดหลักการกระจายอำนาจการบริหารงานบุคคล ส่งเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา
มาตรา ๕๓
ให้มีองค์กรวิชาชีพครูผู้บริหารสถานศึกษาผู้บริหารการศึกษามีฐานะเป็นองค์กรอิสระภายใต้การบริหาร ของสภาวิชาชีพในกำกับของกระทรวงมีอำนาจหน้าที่กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ
มาตรา ๕๕
ให้มีกฎหมายว่าด้วยเงินเดือน สวัสดิการ และสิทธิมีรายได้ที่เพียงพอเหมาะสมกับฐานะสังคมและวิชาชีพ
มาตรา ๕๒
ให้กระทรวงส่งเสริมให้มีระบบการผลิต บุคลากรทางการศึกษาให้มีมาตรฐาน และคุณภาพที่เหมาะสม กับการเป็นวิชาชีพชั้นสูง
มาตรา ๕๖
การผลิตและ พัฒนาคณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคลให้ เป็นไปตามกฏหมายว่าด้วยการจัดตั้งสถานศึกษา
มาตรา ๕๑/๑
บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักด้านการสอนและการวิจัยในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา
มาตรา ๕๗
ให้หน่วยงานการศึกษาระดมทรัพยากรบุคคลในชุมชนให้มีส่วนร่วมกับการศึกษาโดยการนำประสบการณ์ ความรู้รอบตัวของบุคคลดังกล่าวมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการศึกษา
หมวด ๒
สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา
มาตรา ๑๑
บิดาและมารดาหรือผู้ปกครองมีหน้าที่ให้บุตรทำตามทำกฏหมายที่เกี่ยวข้องตลอดจนได้รับการศึกษานอกเหนือภาคบังคับตามความพร้อมของครอบครัว
มาตรา ๑๔
บุคคล ครอบครัว ได้รับการสนับสนุนจากรัฐให้มีความรู้ เงินอุดหนุนจากรัฐ การลดหย่อนภาษี
มาตรา ๑๐
การจัดการศึกษาต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันใน การรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มาตรา ๑๒
นอกเหนือจากรัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้บุคคลมีสิทธิในการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มาตรา ๑๓
บิดา มารดา มีสิทธิในการสนับสนุนจากรัฐ เงินเกื้อหนุน การลดหย่อนภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายทางการศึกษา
หมวด ๔
แนวการจัดการศึกษา
มาตรา ๒๒
การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้
มาตรา ๒๓
การจัดการศึกษาทั้งใน นอกระบบ และตามอัธยาศัย
มาตรา ๒๔
รัฐต้องส่งการการจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ
มาตรา ๒๗
ให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานและให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานจัดทำสาระของหลักสูตรตามวัตถุประสงค์
มาตรา ๓๐
ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ
มาตรา ๒๘
หลักสูตรการศึกษาระดับต่างๆ ให้จัดตามความเหมาะสมของแต่ละระดับโดยมุ่งพัฒนาคุณภาพ
มาตรา ๒๕
การจัดการเรียนรู้ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
มาตรา ๒๖
ให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการและให้สถานศึกษาใช้วิธีการที่หลากหลายในการจัดสรรโอกาสการเข้าศึกษาต่อ
มาตรา ๒๙
ให้สถานศึกษาร่วมกับ บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชนและสถาบันสังคมอื่นๆ ส่งเสริมความเข้มแข็งและพัฒนาระหว่างชุมชน
หมวด ๓
ระบบการศึกษา
มาตรา ๑๘
การศึกษาปฐมวัยและการศึกษาขั้นพื้นฐานให้จัดในสถานศึกษา
มาตรา ๑๙
การจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้จัดในมหาลัย
มาตรา ๑๗
การศึกษาภาคบังคับจำนวนเก้าปี จากเจ็ดถึงสิบหกปี
มาตรา ๒๐
การจัดการอาชีวศึกษา การฝึกอบรมวิชาชีพให้จัดในสถานศึกษา
ของรัฐ
มาตรา ๑๖
การศึกษาในระบบคือ การศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาอุดมศึกษา
มาตรา ๒๑
กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจอาจจัดการศึกษาเฉพาะตามต้องการโโยตามเกณฑ์ วิธีการให้อยู่ในกฏของกระทรวง
มาตรา ๑๕
การจัดการศึกษาแบบในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
หมวด ๕
การบริหารและจัดการศึกษา
ส่วนที่ ๓ การบริหารและการจัดการศึกษาของเอกชน
มาตรา ๔๕
ให้สถานศึกษาเอกชนจัดการศึกษาได้ทุกระดับและทุกประเภทการศึกษาตามที่กฎหมายกำหนด
มาตรา ๔๔
ให้สถานศึกษาเอกชนตามาตรา ๑๘เป็นนิติบุคคล
มาตรา ๔๖
รัฐต้องให้การสนับสนุนด้านเงินอุดหนุน การลดหย่อนหรือการยกเว้นภาษีและสิทธิประโยชน์อย่างอื่น
มาตรา ๔๓
การบริหารและการจัดการศึกษาของเอกชนให้มีความเป็นอิสระ โดยมีการกำกับติดตามจากรัฐ
ส่วนที่ ๒ การบริหารและการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มาตรา ๔๑
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาในระดับใดระดับหนึ่งหรือทุกระดับตามความพร้อม ความเหมาะสม และความต้องการภายในท้องถิ่น
มาตรา ๔๒
ให้กระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ส่วนที่ ๑ การบริหารและการจัดการศึกษาของรัฐ
มาตรา ๓๑
กระทรวงมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการส่งเสริมและกำกับดูแล
การศึกษา ทุกระดับ ทุกประเภท
และการอาชีวศึกษาแต่ไม่รวมถึงระดับอุดมศึกษาที่อยู่ในอำนาจหน้าที่กระทรวงอื่น
มาตรา ๓๒
การจัดระเบียบบริหารราชการในกระทรวงให้มีองค์กรหลักที่เป็นคณะบุคคลในรูปแบบสภาหรือคณะกรรมการ
มาตรา ๓๒/๑
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีอำนาจหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน กำกับการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
มาตรา ๓๒/๒
การจัดระเบียบราชการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
มาตรา ๓๓
พิจารณาเสนอแผนการศึกษาแห่งชาติที่บูรณาการศาสนา
มาตรา ๓๔
เสนอนโยบายแผนพัฒนามาตรฐานและหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
มาตรา ๓๕
ให้สำนักงานคณะกรรมการตามมาตรา ๓๔ เป็นนิติบุคคลและให้เลขาธิการของแต่ละสำนักงานเป็นกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการ
มาตรา ๓๕/๑
ให้มีคณะกรรมการการอุดมศึกษาพิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนาและมาตรฐานการอุดมศึกษา
มาตรา ๓๖
ให้สถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาเป็นนิติบุคคล
มาตรา ๓๗
การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษา
มาตรา ๓๘
ในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษาให้มีคณะกรรมการและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแล
มาตรา ๓๙
ให้กระทรวงกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษา
มาตรา ๔๐
ให้มีคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญา และสถานอาชีวศึกษาของแต่ละสถานศึกษาเพื่อทำหน้าที่กำกับ