Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หลักสูตรเกลียวสว่าน (Spiral Curriculum) - Coggle Diagram
หลักสูตรเกลียวสว่าน
(Spiral Curriculum)
ความหมาย
การจัดเนื้อหาหรือหัวข้อเนื้อหาเดียวกันในทุกระดับชั้น
แต่มีความยากง่ายและความลึกซึ้งแตกต่างกัน
ในชั้นต้นๆ จะสอนในเรื่องง่ายๆ ตื้นๆ แล้งค่อยๆ เพิ่มความยาก
และความลึกลงไปเรื่อยๆ ตามระดับชั้นที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ตัวอย่าง
หลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521 ของกระทรวงศึกษาธิการ
วิชาคณิตศาสตร์กำหนดให้เรียนเรื่อง การคูณ ทั้งในระดับชั้น ประถม 1
ประถม 2 ประถม 3-4 และ ประถม 5-6 แต่จะมีความยากและ
ความซับซ้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
กลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต กำหนดให้นักเรียนเรียนเรื่อง พืช
ในทุกระดับชั้นจาก ป.1-6 โดยจะมีรายละเอียดมากขึ้นและลึกลง
เรื่อยๆ
วิชาวิทยาศาสตร์ กำหนดให้นักเรียนเรียนในเรื่อง ระบบร่างกาย
โดยเริ่มเรียนตั้ง แต่ประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย โดยมี
ความละเอียดของเนื้อหาที่เพิ่มขึ้นตามระดับชั้น
ที่มา
บรูเนอร์ (Bruner, 1960)
เชื่อว่าในเนื้อหาของแต่ละเนื้อหาวิชาจะมีโครงสร้างและการจัดระบบ
ที่แน่นอน จึงควรนำความจริงในข้อนี้มาใช้กับการจัดหลักสูตร
โดยการจัดลำดับเนื้อหาให้ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ อย่างมีระบบจากง่าย
ไปหายาก
ฟรอสท์และโรแลนด์ (Frost and Roland,1969)
หลักสูตรเกลียวสว่านช่วยในการอำนวยความสะดวกในการเรียน
การสอนอย่างมีลำดับขั้นตอนของโครงสร้างวิชาวิทยาศาสตร์
บูรณาการเข้ากับกระบวนการทางานของนักวิทยาศาสตร์ได้อย่างดี
ดิวอี้ (Dewey, 1938)
แนวคิดเรื่องหลักสูตรสว่านแตกต่างไปจากบรูเนอร์ ดิวอี้ความเชื่อว่า
การเจริญงอกงามขึ้นอยู่กับการฝึกใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหาที่ได้
มาจากประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียนมากกว่าจากปัญหาที่
กำหนดให้จากภายนอก และในขณะที่ผู้เรียนฝึกใช้สติปัญญากับ
การแก้ปัญหาเหล่านี้ เขาจะได้ความคิดใหม่ๆ และพลังในการทำงาน
สรุป
เป็นหลักสูตรที่มีเนื้อหาเดียวกันทุกระดับ แต่ในเเต่ละระดับจะมี
ความยากง่าย ความลึกซึ้งต่างกันออกไป เช่น การเรียนในระดับต้นๆ
จะได้เรียนแค่เนื้อหาพื้นฐาน ง่ายๆ แต่ถ้าเรียนในระดับสูงขึ้นไป
เนื้อหาที่เรียนจะลึกขึ้น และยากขึ้นตามลำดับ
ข้อเสีย
ผู้สอนที่ใช้หลักสูตรต้องมีความรู้ความสามารถ
ที่จะสอนเนื้อหาความยากง่ายได้ทุกระดับ
หากผู้เรียนที่มีพัฒนาการช้า จะไม่สามารถ
เรียนตามเนื้อหาในระดับสูงได้ทัน
ข้อดี
จัดการหลักสูตรได้ง่าย
การเรียงลำดับความยากง่ายทำให้สามารถจัด
ความเหมาะสมของเนื้อหากับระดับนักเรียนได้ง่าย