Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Tuberculus Spondylitis TB-Spine - Coggle Diagram

- - - - มีแผลผ่าตัดบริเวณหลังยาวประมาณ 6 นิ้ว
        
        สูญเสียเลือดจากการผ่าตัด 550 ml.
    - - เพื่อป้องกันภาวะ Hypovolemic Shock
    - - 1.PR 60-100 bpm , RR 12-20 bpm , BP 90/60-120/80 mmHg , ค่า Hct 36.1-44.3% Hb 10.6 mg%
      - 2.radivac drain มี content ไม่เกิน 200cc./hrแผลผ่าตัดไม่มีสารคัดหลั่งเป็นเลือดสีแดงสด
      - 3.มีปริมาตรปัสสาวะมากกว่า30ml/1 hr
    - - ประเมินอาการผู้ป่วยทั้งระดับความรู้สึกตัวและตรวจวัดสัญญาณชีพเพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงและความผิดปกติหลังผ่าตัด
      - ประเมินภาวะสูญเสียเลือดหลังผ่าตัด จากแผลผ่าตัด radivac drain และติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง โดยการติดตามประเมินอย่างน้อยทุกๆ 4 ชั่วโมง
        หากพบว่าเลือดออกเพิ่มมากกว่า 200 ซีซีต่อชั่วโมง ควรรายงานแพทย์ทันที
      - ดูแลให้สารน้ำตามแผนการรักษา ดังนี้
        -Acetar 1,000 ml vein drip 120 ml./hr. ทางหลอดเลือด
      - บันทึกปริมาณปัสสาวะจากสายสวนทุกๆ 1 ชั่วโมง หากมีปริมาตรปัสสาวะน้อยกว่า 30 มิลลิลิตร ให้รายงานแพทย์ทันที
      - ติดตามผล Hct ถ้ามีผลน้อยกว่า 27% ให้รายงานแพทย์ทันที
  - - - แผลผ่าตัดบริเวณหลังยาว 6 นิ้ว
        
        Pain score 8/10
    - - ผู้ป่วยสุขสบายไม่ปวดแผลผ่าตัด
    - - 1.ประเมิน pain score เพื่อตรวจดูระดับความเจ็บปวด
      - ให้ยาแก้ปวดตามแผนรักษา เพื่อลดอาการปวดจากการผ่าตัด
        
        Paracetamol 500 mg 1 เม็ด ทุก 6 ชั่วโมง
        
        Norgesic 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร
        
        Naproxen 250 mg 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร
        
        PCA
      - แนะนำให้ผู้ป่วยฝึกการหายใจเข้าออกเพื่อเบี่ยงเบนความเจ็บปวดจากการผ่าตัด
      - จัดท่าให้ผู้ป่วยสุขสบาย และพลิกตะแคงตัวแบบ log rolling (ใส่รูปด้วย) ทุก 2 ชั่วโมง
        ให้ศีรษะ คอ บ่า ไหล่ ของผู้ป่วย พลิกไปพร้อมกับแผ่นหลัง เพื่อประคองไม่ให้คอบิดขณะพลิกตัว
    - - 1.มีอาการทุเลาลง สีหน้าดีขึ้น
      - 2.Pain score ต่ำกว่า 3
  - - - แผลผ่าตัดบริเวณหลังยาว 6 นิ้ว
    - - เพื่อให้ผู้ป่วยไม่เกิดการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด
    - - ผู้ป่วยไม่มีการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด
    - - 1 สังเกตความผิดปกติบริเวณแผลผ่าตัด
      - 2 ดูแผลผ่าตัดไม่ให้เปียกน้ำทำแผลตามแผนการรักษา
      - 3 ให้ยาปฏิชีวนะ Cefazolin 1 gm ทางหลอดเลือดดำทุก 6 ชั่วโมง
      - 4 ดูแลการไหลของสิ่งคัดหลังใน radivac drain ให้เป็นระบบปิดและสุญญากาศ
      - แนะนำอาหารที่ส่งเสริมการเชื่อมของกระดูก เนื้อเยื่อ หลอดเลือด และเหมาะกับโรคประจำตัวผู้ป่วย ได้แก่ อาหารประกอบด้วย โปรตีน วิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม สังกะสีและธาตุเหล็ก หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง เพราะผู้ป่วยมีประวัติเป็นโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน
  - - - แผลผ่าตัดบริเวณหลังยาว 6 นิ้ว
    - - ปฏิบัติตนเกี่ยวกับการดูแลตนเองได้ถูกต้อง
    - - มีความรู้ ความเข้าใจและปฏิบัติตนได้ถูกต้องเมื่อกลับบ้าน
    - - แนะนำให้รับประทานยาต่างๆ จนครบตามแผนการรักษา โดยเฉพาะยาต้านวัณโรคและสังเกตอาการข้างเคียงของยา
      - แนะนำให้ออกกำลังกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหน้าท้อง
        หลัง แขน และ ขา ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอไม่หักโหม
      - อยู่ในอิริยาบถที่ถูกต้อง ให้หลังอยู่ในแนวตรงขณะยืน เดิน นั่ง นอน ไม่ควรนอนที่นอนอ่อนนุ่ม จัดท่านอนให้ถูกต้องเวลานอนหงาย พลิกตะแคงตัวและท่านอนตะแคง เมื่อจะลุกเดินให้ใช้เครื่องพยุงหลังและระมัดระวังอุบัติเหตุ
      - หากกล้ามเนื้อขายังไม่แข็งแรงขณะหัดเดินให้ใช้เครื่องช่วยเดิน เช่น Walker เป็นต้น
      - บำรุงร่างกายด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมากๆ 2,000-3,000 ซีซีต่อวัน
      - อยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก พักผ่อนให้เพียงพอและผ่อนคลายความเครียด
      - สังเกตอาการผิดปกติ เช่น แผลผ่าตัดติดเชื้อ มีปวด บวม แดง ร้อน มีสิ่งขับหลั่งจากแผล มีไข้ หรือปวดหลัง
      - ห้ามเอานิ้วมือหรือของแหลมไปขูดเฝือก เพราะจะทำให้เกิดรอยย่น แหว่ง เป็นเหตุให้เฝือกเสียหน้าที่ไป และอาจเกิดแรงกดทับบนผิวหนังได้
      - รักษาความสะอาดของเฝือกไม่ให้เฝือกโดนน้ำ เพราะอาจทำให้เปียกชื้นได้ กรณีเฝือกสกปรกให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดออก
      - ถ้ามีอาการคันบริเวณผิวหนังใต้เฝือก ไม่ให้ใช้วัสดุใดๆเข้าไปเกาในเฝือกเพราะจะทำให้เกิดบาดแผลได้ อาจใช้สเปรย์แป้งฉีดเข้าไปในเฝือกโดยใช้อุปกรณ์ช่วยที่ไม่ทำให้ผิวหนังระคายเคือง
      - จัดท่าผู้ป่วยให้อยู่ในท่าสุขสบาย วางแขนขาบนหมอนให้การไหลเวียนเลือดของอวัยวะบริเวณส่วนปลายไหลกลับได้สะดวกเพื่อลดโอกาสการปวดหรือบวม
  - - - ปลอดภัยจากอาการข้างเคียงหรือพิษของยารักษาวัณโรคและการรักษาทางยาได้ผล
    - - ผู้รับบริการไม่มีอาการของผลข้างเคียงของยาที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
    - - ผู้รับบริการได้รับยาPAS, INH, Rifampicinซึ่งผลข้างเคียงของยามีอันตรายต่อร่างกาย ควรเฝ้าระวัง
    - - ให้คำอธิบายเกี่ยวกับการรับประทานยาและความสำคัญของ
        การให้ยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การรักษาได้ผล
        
        PAS (para-amino salicylate) ผลข้างเคียงของยาคือ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องเดิน เป็นผื่น มีไข้ อ่อนเพลีย
        
        INH (iso-nicotinic acid) ผลข้างเคียงของยา ปลายประสาทอักเสบ ชาตามปลายมือปลายเท้า การตอบสนองต่อเอ็นกล้ามเนื้อไวกว่าปกติ อาจทำให้เกิดตับอักเสบได้ ควรสังเกตอาฃการตาเหลือง ตัวเหลืองและการมองเห็นที่ผิดปกติ
        
        Rifampicin ผลข้างเคียงของยาถ้าใช้ในขนาดสูง มีผื่น มีไข้ ค่าSGOT, alkaline phosphatase, bilirubin ในเลือดสูง อาจเกิดตับอักเสบ
  - - - ป้องกันการเกิด cast syndrome.
    - - ผู้ป่วยไม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เนื่องจากการใส่ cast syndrome
    - - หลังผ่าตัด 1 วัน on body cast
    - - อธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเข้าเฝือก
      - แนะนำเกี่ยวกับการดูแลรักษาเฝือก
        
        หากเฝือกยังไม่แห้งมีโอกาสแตกร้าว หุบ ยุบได้ง่าย ควรดูแลเกี่ยวกับการแข็งตัวของเฝือกโดยไม่ให้ใช้ผ้าคลุมเฝือกบริเวณที่ยังไม่แห้งไม่แห้ง เพราะเฝือกจะแห้งเองภายใน 24-48 ชั่วโมง
        
        การอุ้มหรือยกเฝือกปูนในขณะที่เฝือกยังเปียก ควรใช้ฝ่ามือช้อนส่วนล่างของเฝือกไม่ให้ส่วนใดต้องห้อยแล้วยกพร้อมกันและให้ได้ระดับเดียวกันตลอดเวลาที่เคลื่อนที่จนวางเรียบร้อย
        
        ห้ามเอานิ้วมือหรือของแหลมไปขูดเฝือก เพราะจะทำให้เกิดรอยย่น แหว่ง
        เป็นเหตุให้เฝือกเสียหน้าที่ไป และอาจเกิดแรงกดทับบนผิวหนังได้
        
        ทำการสอดหมอนในส่วนต่างๆเมื่อเฝือกยังเปียกอยู่ โดยให้ผู้ป่วยนอนหงายนำหมอนไปรองบริเวณส่วนโค้งของหลังส่วนเอว
        
        รักษาความสะอาดของเฝือกไม่ให้เฝือกโดนน้ำ เพราะอาจทำให้เปียกชื้นได้
        กรณีเฝือกสกปรกให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดออก
        
        ถ้ามีอาการคันบริเวณผิวหนังใต้เฝือก ไม่ให้ใช้วัสดุใดๆเข้าไปเกาในเฝือกเพราะจะทำให้เกิดบาดแผลได้ อาจใช้สเปรย์แป้งฉีดเข้าไปในเฝือกโดยใช้อุปกรณ์ช่วยที่ไม่ทำให้ผิวหนังระคายเคือง
        
        จัดท่าผู้ป่วยให้อยู่ในท่าสุขสบาย วางแขนขาบนหมอนให้การไหลเวียนเลือดของอวัยวะบริเวณส่วนปลายไหลกลับได้สะดวกเพื่อลดโอกาสการปวดหรือบวม
      - 3.ดูแลให้มีการเจาะเผือกเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่บริเวณท้อง
      - 4.ประเมินอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องอืด หายใจตื้น
- - - - ผลข้างเคียงของยาคือ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องเดิน เป็นผื่น มีไข้ อ่อนเพลีย
        ใช้ยาเป็นเวลานานๆ จะลดการดูดซึมวิตามินบี12 ทำให้ลำไส้เกิด megaloblastic anemia
    - - ผลข้างเคียงของยา ปลายประสาทอักเสบ ชาตามปลายมือปลายเท้า การตอบสนองต่อเอ็นกล้ามเนื้อไวกว่าปกติ อาจทำให้เกิดตับอักเสบได้
    - - ผลข้างเคียงของยาถ้าใช้ในขนาดสูง มีผื่น มีไข้ ค่าSGOT, alkaline phosphatase, birirubinในเลือดสูง อาจเกิดตับอักเสบ