Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีไร้สาย - Coggle Diagram
การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีไร้สาย
1G
แอนะล็อก:1 จี (อังกฤษ: 1G) เป็นชื่อย่อของมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคแรก ทำงานโดยอาศัยสัญญาณแอนะล็อก ใช้สำหรับการโทรทางไกล คิดค้นและเริ่มใช้ในยุโรปเหนือ หรือประเทศในแถบคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย คลื่นความถี่ที่เหมาะสมคือ 450 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นแรกของโลก คือโมโตโรลา ไดนาแท็ค รุ่น 8000X ก็ทำงานด้วยเครือข่าย 1 จีนี้เช่นกัน
ความเร็ว: ความเร็ว 1G นั้นสูงถึง 2.4Kbps
ความเร็ว: ความเร็ว 1G นั้นสูงถึง 2.4Kbps
ฟังก์ชั่น: 1G สามารถใช้สำหรับการโทรด้วยเสียงเท่านั้น
2G
เทคโนโลยี: 2G ใช้สัญญาณดิจิตอลสำหรับการสื่อสารกับเสาวิทยุ
ความเร็ว: ความเร็ว การถ่ายโอนของเครือข่าย 2G เพิ่มขึ้นหลายครั้งและถึงอัตราการถ่ายโอนสูงสุดในทางทฤษฎีที่ 50Kbps ด้วยความช่วยเหลือของ General Packet Radio Service (GPRS)
เทคโนโลยี 2G อนุญาตให้ผู้ใช้ส่งและรับข้อความและข้อความมัลติมีเดีย (MMS)
3G
3G ให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็ว แต่ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ผู้ให้บริการใช้
144Kbps-2Mbps
WCDMA = 384Kbps
HSPA หรือ 3.5G = 7.2Mbps
HSPA + หรือ 3.75G = 21.6 Mbps
สามารถใช้สำหรับการโทรด้วยเสียงและวิดีโอทั่วโลก
ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์: ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับการท่องอินเทอร์เน็ต 3G บนอุปกรณ์ที่รองรับ 3G เท่านั้น หากอุปกรณ์ไม่รองรับ 3G จะไม่สามารถเพลิดเพลินกับ 3G บนอุปกรณ์นั้นได้
4G
ความเร็ว:ในต้นปี 2551 ITU ยกมาตรฐานสำหรับ 4G ภายใต้ International Mobile Telecommunications Advanced (IMT-Advanced) และตั้งค่าความเร็วต่ำสุดที่ 100 Mbps และสูงสุด 1Gbps การเชื่อมต่อที่ให้อัตราการถ่ายโอนนี้สามารถตั้งชื่อเป็น 4Gกล่าวอีกนัยหนึ่งที่ตำแหน่งที่หยุดนิ่งความเร็วต้องอยู่ที่ประมาณ 1 Gbps และในขณะเคลื่อนที่จะต้องมีความเร็วขั้นต่ำ 100 Mbps
สัญญาณของ Generation 4 (4G) เป็นระบบเครือข่ายโทรคมนาคมที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้การสื่อสารไร้สายที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น 4G เป็นรุ่นที่นำเสนอความเร็วในการส่งข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับ Generation 3 (3G) ซึ่งเป็นรุ่นก่อนหน้า.
การส่งข้อความในเทคโนโลยี 4G สามารถทำได้ผ่านหลายวิธี เนื่องจาก 4G มีการพัฒนาและปรับปรุงให้มีความสามารถหลากหลาย เพื่อรองรับการสื่อสารที่หลากหลายรูปแบบ. นี่คือวิธีการส่งข้อความใน 4G:
1.SMS (Short Message Service)
2.แชทและแอปพลิเคชันสื่อสาร
3.VoIP (Voice over Internet Protocol)
4.Rich Communication Services (RCS)
5g
เทคโนโลยี 5G มีคุณสมบัติและสัญญาณที่เป็นเอกลักษณ์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ๆ ทำให้มีความแตกต่างที่สำคัญในด้านความเร็ว, ประสิทธิภาพ, และการรองรับแอปพลิเคชันที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง.
ความเร็วของเทคโนโลยี 5G สามารถมีความเร็วได้ในช่วงที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับวงความถี่ที่ใช้งาน และสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการส่งข้อมูล โดยปกติแล้วมีสองช่วงความถี่ที่สำคัญคือ Sub-6 GHz และ mmWave (millimeter wave):
1.Sub-6 GHz:ความเร็วประมาณ 100 Mbps ถึง 1 Gbps หรือมากกว่านี้
2.mmWave (millimeter wave):ความเร็วประมาณ 1 Gbps ถึง 10 Gbps หรือมากกว่า
การส่งข้อความในเทคโนโลยี 5G สามารถทำได้ผ่านหลายวิธี เนื่องจาก 5G มีความสามารถหลากหลายเพื่อรองรับการสื่อสารที่หลากหลายรูปแบบ. นี่คือวิธีการส่งข้อความใน 5G:
SMS (Short Message Service)
แชทและแอปพลิเคชันสื่อสาร
Rich Communication Services (RCS)
VoIP (Voice over Internet Protocol)