Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Common cold
ไข้หวัด, Case, ตรวจร่างกาย - Coggle Diagram
Common cold
ไข้หวัด
หมายถึง
ไข้หวัด (common cold) เป็นภาวะผิดปกติของระบบทางเดินหายใจส่วนบนที่พบได้บ่อย มีอาการไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองโดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา
พยาธิสภาพ
เชื้อไวรัสสามารถผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ทางเยื่อบุ ทางเดินหายใจส่วนบน ร่างกายจะมีกระบวนการป้องกันตนเองอยู่แล้วในระดับหนึ่ง ในกรณีที่เกิดการติดเชื้อ ไวรัสจะทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจส่วนบนเกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับเซลล์ 2 ประการ คือ 1. การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เกี่ยวข้องการเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาได้ อาการแสดงที่ เซลล์ 2 ประการ คือ 1. การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงใครงสร้างบางอย่างของเซลล์ (tight junction disruption และ cytoskeleton remodeling) จากนั้นจะกระตุ้นให้เกิดภาวะเครียดออกซิเดซันโดยสร้างสาร reactive oxygen species ออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโปรตีน บางอย่างภายในเซลล์ และ 2. การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวข้องกับการอักเสบ
เมื่อร่างกายเกิดภาวะไข้หวัด ร่างกายจะหลั่งโกรทแฟลคเตอร์ออกมาจำนวนมาก จำนวนมากจะไปกระตุ้น Sterile:C.-motif-pointed domain ETS-factor (SPDEF) และ epidermal growth factor receptor EGF R) ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการสร้างสารคัดหลั่งในระบบทางเดินหายใจส่วนบนให้ผลิตสารคัดหลั่งออกมา โดยภาวะเครียดออกซิเดชันจะยิ่งเร่งการกระตุ้นนี้ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น การกระตุ้นที่มากเกินไปจะทำให้มีการสร้าง mucus-associated genes เพิ่มมากขึ้นจนนำไปสู่การสร้างสารคัดหลั่งในระบบทางเดินหายใจส่วนบนในปริมาณมาก
สาเหตุ
สาเหตุของโรค เกิดจากการติดเชื้อไวรัสและนำไปสู่การอักเสบในระดับเซลล์ ( เชื้อที่เป็นสาเหตุหลักคือ hinoviruses และ coronaviruses ตามลำดับ) หรือเชื้อโรคที่มีอยู่ในน้ำมูก น้ำลายและเสมหะของผู้ป่วย ติดต่อโดยการหายใจสูดเอาฝอยละอองเสมหะที่ไอจามในระยะไม่เกิน 1 เมตร หรือจากการสัมผัสสิ่งของที่แปดเปื้อนเชื้อหวัดแล้วไปขยี้ตาหรือแคะจมูก เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทำให้เป็นไข้หวัด ร่วมกับสภาวะที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลงเช่น เครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ
อาการและอาการแสดง
มีไข้เป็นพักๆ ครั่นเนื้อ ครั่นตัว อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ระคายคอ คอแห้ง หรือเจ็บคอเล็กน้อย จาม คัดจมูก น้ำมูกใส ต่อมา ไอแห้งๆหรือมีเสมหะสีขาว ในรายที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนจะมีไข้สูงเกิน4วัน เจ็บคอมาก มีน้ำมูกข้นเหลืองหรือเขียวเกิน24ชั่วโมง มีเสมหะ สีเหลืองหรือเขียว หรือต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอโต
-
ภาวะแทรกซ้อน
เกิดการอักเสบแทรกซ้อนของเชื้อแบคที่เรียทำให้เกิดเป็น ทอนซิลอักเสบ ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปลอดอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ บางรายมีอาการบ้านหมุนเนื่องจากอวัยวะในการทรงตัวภายในหูชั้นในอักเสบ
การรักษา
1.สำหรับไช้โรคหวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัส ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ จะรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น ไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น มีไข้ - ก็ให้ยาลดไข้ ไอ - ก็ให้ยาแก้ไอ มีน้ำมูก - ก็ให้ยาลดน้ำมูก เป็นต้น แต่ควรระมัดวังในเด็กเล็ก ควรให้แต่เพียงยาลดไข้และ ช่วยเช็ดตัวเพื่อลดไข้เท่านั้น ส่วนการให้ยาอื่นๆ ควรอยู่ในการรักษาของแเพทย์ นอกจากนี้ควรปฏิบัติตัวเพื่อช่วยให้อาการของโรคดีขึ้น ดังนี้
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง โดยท่านอนที่เหมาะสม คือ การนอนศีรษะสูงจะช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้
- ดื่มน้ำมากๆ จะช่วยลดไข้และทดแทนน้ำที่เสียไปเนื่องจากไข้สูง นอกจากนี้การดื่มน้ำอุ่นจะช่วยลดการระคายเคืองในลำคอ และทำให้เสมหะอ่อนตัวลง ทำให้ขับเสมหะออกได้ง่ายขึ้น
- รับประทานอาหารที่มีคุณค่า จะช่วยเพิ่มความต้านทานแก่ร่างกายได้
- ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเพื่อป้องกันอาการหนาวสั่น และ หลีกเลี่ยงสถานที่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอยู่เสมอ
- งดว่ายน้ำขณะเป็นหวัด เพื่อไม่ให้เชื้อโรคลุกลามไปเป็นไซนัสอักเสบ
-
2.สำหรับไข้โรคหวัดที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไม่ควรพักรักษาตนเองหรือหาซื้อยารับประทานด้วยตนเอง สมควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง(ใช้ยาปฏิชีวนะ)
วิธีการป้องกัน
1.หมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรงโดยการ ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาร่างกายให้อบอุ่นเวลาที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง
-
- หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่บ่อยๆ ล้างก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
4.อย่าใช้ของเครื่องใช้ร่วมหรือนอนรวมกันกับผู้ป่วยผู้ป่วยควรแยกตัวออกห่างจากผู้อื่น เวลาไอหรือจามควรใช้ผ้าปิดปากและจมูก สวมหน้ากากอนามัยเวลาเข้าที่ชุมชน
-
-