เทคโนโลยีที่ใช้ในการทำธุรกรรม โดยไม่ต้องผ่านบุคคลที่สาม (Blockchain)

ความหมายของ Blockchain

ประเภทของ Blockchain

หลักการทำงานของเทคโนโลยี Blockchain

วิวัฒนาการของ Blockchain ด้วย Fork

ประโยชน์ของ Blockchain

องค์ประกอบของเทคโนโลยี Blockchain

ลักษณะการทำงานของ Blockchain

ระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเครือข่ายใยแมงมุมที่เก็บสถิติการทำธุรกรรมทางการเงินและสินทรัพย์ชนิดอื่นๆในอนาคตโดยไม่มีตัวกลางคือสถาบันการเงิน

การ Fork เป็นส่วนสำคัญในการเกิดวิวัฒนาการของการบล็อกเชนเหมือนอย่างที่การกลายพันธ์สำคัญต่อ DNAในสิ่งมีชีวิตซึ่งก่อให้เกิดการวิวัฒนาการผ่านการคัดเลือกของธรรมชาติ การFork ทำให้เราสามารถทดลองบล็อกเชนหลายเวอร์ชั่นขนานกันได้ โดยจะมีเพียงเวอร์ชั่นที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะอยู่รอด

5ข้อ ดังนี้

1.เก็บ Transaction ไว้ใน Public Ledger

2.Aต้องการโอนเงิน (ส่งข้อมูล) ไปให้ Bผ่านเลขบัญชีโดยใช้ Private key+Password และ Public Key

3.ยืนยันความถูกต้องโดย Miner และต้องไม่ถูกคัดค้านจากผู้ใช้

4.เพิ่ม Block นั้นเข้าไปใน Chain

5.เงินถูกถ่ายโอนและอัพเดตข้อมูลแก่ผู้ใช้

เป็นรูปแบบการเก็บข้อมูลแบบหนึ่งที่ทำให้ข้อมูล Digital transaction ของแต่ละคนสามารถแชร์ไปยังทุกๆคนได้ เป็นเสมือนห่วงโซ่(chain)ที่ทำให้blockของข้อมูลลิงก์ต่อไปยังทุกๆคนเป็น โดยที่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของและมีสิทธิในข้อมูลนั้นจริงๆ

เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับความเชื่อใจ ในการทำธุรกรรมที่มีมูลค่า มีองค์ประกอบ 4 ข้อดังนี้

Block

Consrnsus

Chain

Validation

แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

Public Blockchain แบบเปิดสาธารณะ

Consortium Blockchain แบบเฉพาะกลุ่ม

3.การชำระแบบ Peer to Peer และการส่งเงินกลับประเทศ สามารถช่วยแก้ปัญหาแอปพลิเคชั่นกับธนาคาร ใช้เป็นระบบที่ทำงานอยู่เบื้องหลังการทำธูรกรรมข้ามแอปพลิเคชั่นได้

4.การรักษาความปลอดภัยและการแบ่งปันข้อมูล KYC

5.การเพิ่มประสิทธิภาพงาน Trade Financeและงานประกัน

2.การซื้อขายพันธบัตรและหุ้น ซื้อได้โดยอัตนโนมัติและต้องมีมนุษย์มาเกี่ยวข้อ

  1. การโอนเงิน ชำระเงิน เป็นการใช้งานที่แพร่หลายที่สุด มีหลายรูปแบบและรวมไปถึงการสร้างสกุลเงินดิจิทัลขึ้นมาใหม่หรือเปลี่ยนเงินสกุลเดิมให้กลายเป็นเงินดิจิทัลก่อนจะนำใช้งาน

Private Blockchain แบบปิด