Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection: UTI) - Coggle…
การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection: UTI)
การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง (Lower UTI)
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (cystitis)
พบบ่อยในบุคคลที่มีปัจจัยเสี่ยงเช่นการดูแลรักษาสุขอนามัยบริเวณอวยัวะเพศไม่เหมาะสม กลั้นปัสสาวะ Honeymoon cystitis, urinary retention, มีนิ่ว/การอุดก้ันในระบบทางเดินปัสสาวะ คาสายสวนปัสสาวะ รับประทานยากดภูมิ
อาการและอาการแสดง
อาการมักเกิดข้ึนทันทีทันใด อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปัสสาวะแสบขัด (dysuria) ปัสสาวะขุ่น (pyuria) ปัสสาวะมีกลิ่น ,ปัสสาวะบ่อย ,ปัสสาวะกระปริดกระปรอย ,ปวดท้องน้อย
การรักษา
uncomplicated cystitis : oral ATB กลุ่ม fluoroquinolone ได้แก่ norfloxacin, ciprofloxacin, ofloxacin
complicated cystitis : oral ATB กลุ่ม fluoroquinolone ได้แก่ ciprofloxacin, norfloxacin
บางรายอาจต้องให้ยาต้านการหดเกร็งของกระเพาะปัสสาวะร่วมด้วย
ค้นหาสาเหตุของกระเพาะปัสสาวะอักเสบและวางแผนการดูแลรักษา
การพยาบาล
ดูแลและเน้นย้ำให้รับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบตามแผนการรักษา โดยเฉพาะ complicated cystitis และควรตรวจเพื่อค้นหาสาเหตุของ รวมทั้งการรักษาต่อเนื่องเพื่อแก้ไขสาเหตุนั้น
การประคบด้วยความร้อนช่วยให้สุขสบายลดความเจ็บปวดได้
ดูแลให้ยาแก้ปวด(analgesic)ยาลดการหดเกร็ง(spasm)ตามแผนการรักษา
ในกรณีผู้ป่วยcomplicatedcystitisควรติดตามผลUA,U/C,BUN,Cr
การให้ความรู้ การปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
ท่อปัสสาวะอักเสบ (Urethritis)
การบาดเจ็บหรือการอักเสบบวมของเซลล์ที่บริเวณเยื่อเมือกบุท่อปัสสาวะ
ท่อปัสสาวะอักเสบจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (sexually transmitted urethritis)
โรคหนองในแท้ (Gonococcal urethritis: GU) เกิดจากเชื้อ Neisseria gonorrhea
โรคหนองในเทียม (non-gonococcal urethritis: NGU) ส่วนใหญ่เกิดจาก Chlamydia trachomatis
การพยาบาล
แนะนำให้พาคู่เพศสัมพันธ์ (sex partner) ของผู้ป่วยภายใน 60 วันก่อนที่จะเริ่มมีอาการ หรือก่อนวินิจฉัยหนองใน ให้มาตรวจและให้การรักษา (presumptive dual treatment)
แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำในอนาคต
แนะนำให้ตรวจเลือดเพื่อหาการติดซื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น เอชไอวี ซิฟิลิส เป็นต้น
เน้นย้ำให้ผู้ป่วยมาติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามผลการเพาะเชื้อหลังได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ 7 วัน และ 3 เดือน
ท่อปัสสาวะอักเสบจากที่ไม่ได้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ (non - sexually transmitted urethritis)
การพยาบาล
ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ดูแลให้ยาแก้ปวด(analgesic)
ในผู้ป่วยที่คาสายสวนปัสสาวะควรได้รับการถอดออกในระยะที่ท่อปัสสาวะอักเสบ
ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศตามปกติไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแต่หากมีอาการบวมหรือมีหนองมากอาจใช้น้ำเกลือ (0.9%NSS) ทำความสะอาดได้
หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าการติดเช้ือจะหายดี
แนะนำให้ผู้ป่วยดื่มน้ำอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน (ในกรณีที่ไม่มีข้อห้าม)
อาการและอาการแสดง
ปัสสาวะแสบขัด(dysuria)คัน(pruritus)ที่บริเวณรูเปิดท่อปสัสาวะมีมูกหรือหนองออกมาทางท่อ ปัสสาวะ
เพศชาย เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ขณะปัสสาวะ และปวดบริเวณอัณฑะ
เพศหญิง ในรายที่มีอาการพบมีlabiaบวมแดงเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เจ็บขณะปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อย และอาจมีตกขาว คันบริเวณช่องคลอด ไข้สูง ปวดท้องน้อยรุนแรง
การวินิจฉัย
อาการและอาการแสดง
Upper UTI
ไข้สูง ,หนาวสั่น
ปวดหลังบริเวณบั้นเอว CVA tenderness
Nausia/Vomiting
BUN, Cr rising, decreased urine output
ปัสสาวะมีเลือดปน
ปวดร้าวลงมาที่บริเวณขาหนีบ
Lower UTI
ปัสสาวะขัด/ลำบาก (dysuria)
ปัสสาวะขุ่น (pyuria)
ปัสสาวะมีกลิ่น
ปัสสาวะบ่อย
ปวดท้องน้อย
กลั้นปัสสาวะไม่ได้
คันบริเวณรูเปิดท่อปัสสาวะ
มีหนองออกมาทางท่อปัสสาวะ
การตรวจปัสสาวะ
วิธีการเก็บปัสสาวะส่งตรวจ
Void: mid stream urine
Catheter
clean intermittent catheter (CIC)
Foley’s catheter
suprapubic catheter
ชนิดของการตรวจ
Urinary analysis (UA)
WBC > 10 cells/HPF (Pyuria)
bacteria > 20 cell/HPF (bacteriuria)
Nitrite positive
RBC positive
epithelial > 20 cell/HPF
Urine culture (U/C)
pathogen > 104 CFU/mL ในกรณีเก็บจาก mid-stream urine
pathogen > 102 CFU/mL ในกรณีเก็บจาก Foley’s cath
pathogen > 101 CFU/mL (low count bacteriuria) ในกรณีท่ี ผู้ป่วยได้รับยา ATB มาก่อนที่จะเก็บ specimen หรือ เก็บจาก suprapubic cath
Urinegramstain(U/G)
การตรวจเพิ่มเติม เพื่อช่วยค้นหาสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยง
Blood sampling: CBC, Hemoculture, BUN, Cr, Electrolyte
Digital rectal examination (DRE)
Ultrasound (U/S) KUB
X-ray plain KUB
CT scan
Cystoscope
Voiding cystourethrography (VCUG)
Intravenous pyelogram (IVP)
การแบ่งชนิดของ UTI
แบ่งตามตำแหน่งของการติดเชื้อ
Upper UTI
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (cystitis)
ท่อปัสสาวะอักเสบ (urethritis)
ต่อมลูกหมากอักเสบ (prostatitis)
Lower UTI
กรวยไตอักเสบ (pyelonephritis)
แบ่งตามความรุนแรง
การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะแบบซับซ้อน (Complicated UTI) เกิดจากความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะทำให้การรักษายุ่งยากซับซ้อน หรือ ต้องใช้หลายวิธีร่วมกันเชื้อก่อโรคเป็นเชื้อดื้อยาหรือมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น AKI, sepsis
การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะแบบไม่ซับซ้อน (Uncomplicated UTI) สาเหตุ UTI เกิดจากปัจจัยที่ไม่ซับซ้อน เชื้อก่อโรคไม่ใช่เชื้อดื้อยา รักษาไม่ยุ่งยาก ไม่มี ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
แบ่งตามลักษณะการเกิดซ้ำ
Reinfection UTI
เกิด UTI ซ้ำหลังการรักษามากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป ส่วนใหญ่มากกว่า 2 เดือน พบการเกิดสูงถึงร้อยละ 80 ของ recurrent UTI ทั้งหมด โดยจะพบเชื้อก่อโรคตัวใหม่หรือ เชื้อตัวเดิมสายพันธุ์ใหม่ก็ได้
สาเหตุส่วนใหญ่ พฤติกรรมการดูแลสุขภาพอนามัยส่วนบุคคลไม่ถูกวิธี โดยเฉพาะการทาความ สะอาดบริเวณ perineum หรือเกิดจากต่อมลูกหมากอักเสบ (prostatitis)
Relapse UTI
เกิด UTI ซ้ำหลังการรักษาพบเชื้อก่อโรคตัวเดิมภายใน 2 สัปดาห์ แต่ก็ไม่สามารถขจัดเชื้อก่อโรคให้หมดได้เพราะปัจจัยบางอย่าง
สาเหตุส่วนใหญ่ มีความผิดปกติของโครงสร้างหรือการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ มีการติดเชื้อ ที่ไต (renal infection) ที่ยังไม่ได้รับการรักษา
การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะส่วนบน (Upper UTI)
กรวยไตอักเสบ (pyelonephritis)
เกิดจากมีการอุดก้ันในทางเดินปัสสาวะจนมีการคั่งของน้ำปัสสาวะ/ไตบวมน้ำ (hydronephrosis) ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง (lower UTI) ลุกลามขึ้นมาถึง กรวยไตและเนื้อไต
อาการและอาการแสดง
มีไข้สูง หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน และจะพบอาการเฉพาะ คือ ปวดหลังบริเวณบั้นเอว (flank pain) ตรวจร่างกายโดยการเคาะ (percussion) พบ costovertebral angle (CVA) tenderness
อาจมีอาการปวดรา้ วลงมาท่ีขาหนบี (หากผู้ป่วยมีนิ่ว)
การรักษา
ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะและส่งตรวจ UA, U/C ทุกครั้ง
กรณีที่อาการไม่รุนแรงอาจรักษาด้วยยาoralATBแต่ถ้าสงสัย complicatedUTIหรือหลังให้การรกัษา ด้วย oral ATB อาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง ควรเปลี่ยนชนิดของ ATB หรือเปลี่ยนเป็น IV ATB
ยา ATB ที่นิยมใช้ ได้แก่ ยากลุ่ม fluoroquinolone เช่น ciprofloxacin
ดูแลให้สารน้ำอย่างเพียงพอ ติดตามการทำงานของไต ผู้ป่วยบางรายอาจต้องให้ยาต้านการหดเกร็งของ กระเพาะปัสสาวะบรรเทาอาการปวดและค้นหาสาเหตุของกรวยไตอักเสบวางแผนการดูแลรักษาให้ครอบคลุม
การพยาบาล
ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพ และระดับความปวด อย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง
ดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ติดตาม intake/output เพื่อประเมินและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ AKI, sepsis, septic shock
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำและอาหารอย่างเพียงพอ
ดูแลให้ยาลดไข้ตามแผนการรักษา
ดูแลความสุขสบาย: เช็ดตัวลดไข้ (tepid sponge) ปวดหลัง
ติดตามผล UA, U/C, CBC, H/C
ติดตามผล BUN, Cr, Electrolyte
ดูแลผู้ป่วยตาม CAUTI bundle ในกรณีผู้ป่วยคาสายสวนปัสสาวะ
ติดตามผลการตรวจทางรังสีวิทยา เพื่อค้นหาสาเหตุและแก้ไขสาเหตุของกรวยไตอักเสบ
เน้นย้ำให้ติดตามการรักษาอย่างสม่าเสมอ เพื่อค้นหาสาเหตุและแก้ไขสาเหตุกรวยไตอักเสบ
เชื้อก่อโรค (pathogen)
เชื้อก่อโรคที่พบบ่อย gram negative bacteria ที่เป็น normal flora ใน ระบบทางเดินอาหาร คือ Escherichia coli (E.coli) หรือ Uropathogenic Escherichia coli (UPEC)
เชื้อก่อโรคที่พบรองลงมา คือ เชื้อแบคทีเรีย เช่น Proteus mirabilis, Klebsiella pneumoniae, Enterococcus faecalis, Staphylococcus aureus เป็นต้น
เชื่อที่พยไม่บ่อย คือ เชื้อรา (fungus) เช่น Candida spp. หรือเชื้อไวรัส (virus)
กลไกทางเข้าของเชื้อโรค (route of entry of pathogen)
เชื้อโรคย้อนกลับขึ้นไปสู่ท่อปัสสาวะ (ascending infection)
เชื้อโรคกระจายตัวมาทางกระแสเลือด(Hematogenousroute)
เชื้อก่อโรคกระจายมาทางกระแสน้ำเหลือง(Lymphaticspread)
เชื้อก่อโรคแพร่เข้ามาโดยตรง (direct extension)
ปัจจัยเสี่ยง
พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
เพศหญิง คือ ลักษณะทางกายภาพ ,การมีเพศสัมพันธ์ ,การสวนล้างช่องคลอด ,การใช้วิธีการคุมกำเนิด เช่น หมวกยางครอบปากมดลูก ,หญิงตั้งครรภ์
เพศชายวัยสูงอายุ มีความเสี่ยงในการเกิดนิ่ว ,ต่อมลูกหมากโต ที่ทำให้ขัดขวางการไหลออกของน้ำปัสสาวะ
มีการอุดก้ัน เช่น นิ่วในทางเดินปัสสาวะ, ต่อมลูกหมากโต
มีโครงสร้างผิดปกติ เช่น ท่อปัสสาวะตีบ ,ปัสสาวะไหลย้อนกลับจากกระเพาะปัสสาวะขึ้นสู่ท่อไตหรือไต
มีปัญหาระบบประสาทกระเพาะปัสสาวะบกพร่อง คือ neurogenic bladder ,มีปัสสาวะคั่งค้าง (urinary retention)
โรคเบาหวาน โดยเฉพาะเบาหวานที่มีปัญหาระบบประสาทอัตโนมัติ (diabetic neuropathy: DN)
การคาสายสวนปัสสาวะ (retained Foley’s catheterization)
ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิต้านทาน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV/AIDS)
ปัจจัยอื่นๆ เช่น การใช้ยาบางชนิดที่มีอาการข้างเคียงไปรบกวนการทางานของระบบประสาทที่เป็น ตัวส่งสัญญาณไปยังกระเพาะปัสสาวะและต่อมลูกหมาก
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่สัมพันธ์กับการคาสายสวน (catheter associated UTI: CAUTI)
การเกิด UTI หลังจากที่ผู้ป่วยคาสายสวนปัสสาวะ (Foley’s catheter) นานมากกว่า 48 ชั่วโมง หรือ หลังจากเอาสายสวนปัสสาวะออก ภายใน 48 ชั่วโมง
การคาสายสวนปัสสาวะ ต้องมีข้อบ่งชี้หรือมีความจาเป็นเท่านั้น หากไม่มีความจาเป็นหรือแก้ไขปัญหาได้แล้ว ต้องเอาสายสวนปัสสาวะออกเร็วที่สุด
ข้อบ่งชี้การคาสายสวนปัสสาวะ
ต้องการติดตามปริมาณ urine output อย่างละเอียด เช่น Sepsis, Shock, CHF, AKI
ผ่าตัดโดยให้ยาระงับความรู้สึกทั่วร่างกาย (general anesthesia: GA), ใช้ระยะเวลาผ่าตัดนาน
เสียเลือดมาก หรือได้รับสารน้าทางหลอดเลือดดาปริมาณมาก ระหว่างการผ่าตัด
หลังผ่าตัดระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ ลาไส้ใหญ่ส่วนปลาย ใน 5-7 วันแรก
หลังผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะใน 7 วันแรก
ต้องสวนล้างกระเพาะปัสสาวะ (continuous irrigate bladder: CBI) ใช้สาย Foley 3 หาง
มีการอุดตันของระบบทางเดินปัสสาวะอย่างรุนแรง ไม่สามารถปัสสาวะได้เอง
มีแผลกดทับขนาดใหญ่บริเวณก้นกบหรืออวัยวะสืบพันธุ์ และไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้
ผู้ป่วยระยะท้าย
การดูแลขณะที่ผู้ป่วยคาสายสวนปัสสาวะ (catheter care)
ยึดหลัก Standard precautions และใช้ CAUTI bundle ในการดูแลผู้ป่วยที่คาสายสวนปัสสาวะ
ทำความสะอาดด้วยบริเวณรูเปิดท่อปัสสาวะ ด้วยน้าสะอาดและสบู่วันละ 2 คร้ัง และทุกครั้งหลังถ่ายอุจจาระ
ดูแลสายสวนปัสสาวะให้เป็นระบบปิดเสมอห้ามปลดข้อต่อ
ดูแลให้ปัสสาวะไหลได้สะดวกสายไม่หักพับงอหรืออุดตัน
ถุงรองรับปัสสาวะต้องอยู่ต่ำกว่ากระเพาะปัสสาวะของผู้ป่วย
ตรึงสายสวนปัสสาวะให้แน่นและอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
ตวงปัสสาวะอย่างน้อยเวรละ 1 ครั้ง หรือปริมาณปัสสาวะไม่เกิน 2 ใน 3 ของถุง
ล้างมือ ใส่ถุงมือ เช็ดรูเปิดของถุงปัสสาวะดว้ ย 70% alcohol ก่อนและหลังเทปัสสาวะ
หลีกเลี่ยงการ clamp Foley’s catheter โดยไม่จาเป็น
เปลี่ยนสายสวนและถุงรองรับปัสสาวะใหม่ ทั้งชุดเมื่อมีการอุดตันรั่ว ข้อต่อต่างๆ เลื่อนหลุด หรือมีการทำลาย closed system
ร่วมพิจารณากับแพทย์ถึงความจำเป็นในการคาสายสวนปัสสาวะทุกวัน