Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความต้องการพลังงานของร่างกาย - Coggle Diagram
ความต้องการพลังงานของร่างกาย
ทั่วไป
กลไกที่ทำให้ได้รับอาหารในส่วนที่เหมาะสม
ควบคุมการขับถ่าย
ควบคุมการปป.สารอาหารภายในเซลล์
ควบคุมการดูดซึมอาหารที่กินเข้าไป
ระบบประสาทส่วนกลางควบคุม
ค.หิว (hunger)
เกิดช้า/เร็วขึ้นกับ
ปริมาณอาหารที่ได้ครั้งสุดท้าย
อัตราการใช้พลง.ของร่างกาย
ระยะเวลาที่ไม่ได้อาหารเข้าไป
ค.อยากกิน(appetite)
ถ้าไม่อยากกินเลยจะมีผลร้ายต่อร่างกาย
hormone ขึ้นกับการกินอาหารด้วย
ค.อิ่ม (satiety) เมื่อกินไปแล้ว
จะถูกกระตุ้นเมื่อมีอาหารอยู่ในกระเพาะ
ต้องการพลง.ขั้นต่ำ 60%
กลไกการเกิดความหิว hunger mechanisms
ลำไส้คือสมองที่ 2 ของร่างกาย
สมองควบคุม
กระเพาะสั่งให้บีบตัว
มีระบบทางเดินอาหารที่ดี -> ระบบประสาทดี
หน้าที่หลักของสมองชช่องท้อง = สำรวจการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร
กระบวนการย่อยอาหาร
ปรับค.เร็ว/ช้าของการย่อยและการหลังน้ำย่อยอัตโนมัติ
ต้องการอาหาร
ส่วนหนึ่งของไฮโปทาลามัสจะส่งสัญญาณไปกระเพาะอาหาร
ทำให้หิว
ได้อาหารแล้ว
ส่วนหนึ่งของไฮโปจะส่งสัญญาณไปกดไม่ให้หิว
ควบคุม by hypothalamus
(ควบคุมค.หิว,อิ่ม)
ปัจจัยที่กข.กับค.อยากกิน
อิทธิพลของสังคม
อิทธิพลจากยา
ค.ชอบ
ค.อยากเฉพาะ
สวล.
metabolism
อิทธิพลของโรค
Metabolism
พลง.เกิดจาก metabolism ได้มาจากการปป.ทางเคมี
oxidative chemical reactions
ต้องใช้ O2 ไปเร่งปฏิกิริยาระดับบCell -> ย่อยอาหาร
ในกระบวนการจะเกิด
น้ำ
พลง.
ค.ร้อน
CO2
การเผาไหม้จะอาศัยO2+น้ำ -> พลง.
หน่วยของพลง. (kcal)
วัด by Bomb calorimeter วัเค.ร้อนโดยตรง
Kcal = ค.ร้อน/พลง. 1000 ml / 1 kg มีค.ร้อนเพิ่มขึ้น 1องศา
1 cal = 4.184 jul
BTU = ปริมาณค.ร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์ สูงขึ้น 1 องศาฟาเรน
การปป.ที่เกิดในcell + อวัยวะของร่างกาย
เป็นการปป.ทางสรีระเคมี+ปป.สภาพลักษณะอาหารที่บริโภค
ประโยชน์ของพลง.ที่ได้จากอาหาร
ใช้เป็นพลง.ค.ร้อน
เป็นพลง.ให้กน.น้อยกว่าพลง.ค.ร้อน 4 เท่า
ทำให้เกิดสารใหม่ที่เหมาะกับการเก็บไว้แล้วเอามาใช้เมื่อจำเป็น
วิธีที่ร่างการปป.+ใช้ประโยชน์
เอาสารอาหารมาเสริมสร้างเซลล์ให้ร่างกายเติบโต
เอามารวมเป็นสารใหม่ ที่มีหน้าที่ต่างจากสารเดิม
hormone
enz.
Oxidation / เผาผลาญให้เกิดค.ร้อน+พลง.
เป็นสารควบคุมให้เซลล์ของงร่างกายมีประสิทธิภาพในการทำงาน + คงสภาพปกติ
ลักษณะ
Catabolism
ทำให้สารอาหารแตกออกเป็นสารเล้กๆ
ขณะสลายมี 2 พลง.
พลง. mechanical energy
พลง. ค.ร้อน
เผา /oxidation อาหารเข้าสู่ร่างกาย
สารเคมีต่างๆที่เกิดขึ้นจะถูกขับออก
Anabolism
เอาสารอาหารมาสร้างสารใหม่ต่างจากสารเดิม
ร่างกายเจริญขึ้น
ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
สร้าง / ทำให้เกิดสารใหม่
ต้องใช้พลง.ในการสร้าง
การตรวจสอบ
ทางตรง
ให้คนเข้าไปอยู่ในห้องควบคุม วัดการใช้ออกซิเจน วัดค.ร้อนที่เกิดขึ้นวัดจน.คาร์บอน และน้ำที่เกิดขึ้น วัดไนโตรเจนที่มาจากฉี่
ทางอ้อม
อาศัยหลักการเผาผลาญอาหารจะต้องใช้ออกซิเจน และมีค.ร้อน คาร์บอนได น้ำที่เกิดขึน แล้วคำนวณ วัดไนโตรเจนจากฉี่
ค่าค.ร้อน+พลง.
ค่าค.ร้อนของสารอาหาร
เผาอาหาร คาร์โบ ไขมัน -> Co2 + น้ำ , pt+ N2
Pt. 1 g = 5.65 kcal
ไขมัน 1 g = 9.45 kcal
Carb 1 g = 4.10 kcal
ค่าพลง.ของสารอาหารในร่างกาย
carb oxidized 98%
ไขมัน oxidized 95%
สารอาหารเมื่ออยู่ในร่างกาย การเผาจะต่างจาก ิomb calorimeter
โปรตีน ถูกออกซิไดส์ ได้ CO2 น้ำ ยูเรีย แอมโมเนีย ทำให้เกิดพลง.น้อยลง เพราะยังมีส่วนที่ไมถูกออกซิไดส์อีก
ทำให้ pt. ถูกออกซิไดส์ในร่างกาาย ให้พลง. = 5.65--1.25 =4.4
ออกซิไดส์ pt. 92%
ค่าพลง.ของออาหาร
ค.หนาแน่นของพลง (calorie density) บ่งชี้ถึงพลง.ในอาหาร
อาหามีค่านี้มาก ให้พลง.มาก
การสะสมพลง.ในร่างกาย
สารอาหารที่มากเกินจะถูกเก็บในรูป
มวลกน.
กน.สามารถสะสมพลง.ได้จำกัดในรูปpt.เพื่อรักษาสภาวะของร่างกายให้มีสุขภาพดี
ร่างกายต้องอยู่ในภาวะขาดอาหารนานๆ ถึงจะดึงเอามาใช้
เนื้อเยื่อไขมัน
สะสมได้มากกว่าไกลโคเจน
ไกลโคเจน
สะสมในตับ+กน. เพื่อนำมาใช้อันดับแรก
ไกลโคเจนในตับ - รักษาระดับนต.กลูโคสให้ปกติ (80-90 mg/100ml)
เพื่อนำกลุโคสส่งให้เซลอื่นในเวลาสั้น
อาหารแต่ละชนิดจะให้พลง.มาก/น้อย ขึ้นกับ ปริมาณโปรตีน คาร์โบ ไขมัน
Basal metabolism
บ่งชี้ถึงค่า BMR
เป็น metabolism ที่เกิดขณะที่่ร่างกายอยู่ในการพักผ่อนร่างกาย+สมอง แต่ต้องใช้พลง.จน.แรกในการเต้นของหััวใจ การหายใจ การทำงานของปอด ตับ ไต ระบบประสาท ระบบเลือด และการทำงานของอวัยวะอื่นๆ
หรือหมายถึง ความร้อนที่เกิดขณะร่างกายไม่ได้ประกอบกิจกรรมภายนอกในสภาพที่ไม่มีการย่อย + การดูดซึมอาหาร
เป็นสภาวะที่ร่างกายใช้พลง.น้อยที่สุด
หรือ Basal metabolic process / Basal energy expenditure (BEE)
BMR ของร่างกายจะขึ้นกับมวลของไซโตพลาซึมที่มีอัตราการหายใจเป็นสัดส่วนโดยตรงกับพื้นผิวของร่างกาย ซึ่งจะวัดออกมาในรูป Basal metabolic rate BMR / resting metabolic rate RMR / resting energy expenditure REE
BMR
วัดตอนเช้าหลังตื่น โดยที่ยังไม่ทำอะไร + วัดหลังกินอาหารมื้อสุดท้ายไป 10-12 ชั่วโมง
เป็นตัวบ่งชี้กิจกรรมการทำงานของต่มไทรอยด์ ที่วร้างไทรอกซิน
hyperthyroidism - BMR สูง ไทรอกซินมาก
Hypothyroidism - BMR ต่ำ
วัดโดยตรง by respiratory chamber
วัดไทรอกซินในเลือด / protein bound-iodine PBI
วัดทางอ้อม by
SDA Specific dynamic action / thermic effect
อาหารเข้าสู่ร่างกายจะมีการกระตุ้นให้ปล่อยพลงออกมา (diet-induced thermogenesis / SDA / specific effect of food ) เพื่อใช้ในการย่อย+ดูดซึมสารอาหาร
SDA ของอาหารผสมอยู่ที่ร้อยละ