Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การออกแบบการเลือกกลุ่มตัวอย่าง(กลุ่ม 2-65) - Coggle Diagram
การออกแบบการเลือกกลุ่มตัวอย่าง(กลุ่ม 2-65)
ประชากร
ประชากร
สัญลักษณ์ที่ใช้แทนขนาดประชากร คือ N
ประชากรมี 2 ชนิด
ประชากรที่สามารถหาจำนวนที่แน่นอนได้
ประชากรที่ไม่สามารถหาจำนวนที่แน่นอนได้
หมายถึง กลุ่มของสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตทั้งหมดที่ต้องการศึกษาหาข้อมูล
กลุ่มตัวอย่าง
ควรใช้คำว่า "กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการศึกษา"
หมายถึง กลุ่มที่ถูกเลือกมาเป็นตัวแทนของประชากรตามขนาดตัวอย่างที่กำหนดไว้ โดยทั่วไปควรได้มาด้วยวิธีการสุ่ม
ขนาดตัวอย่าง
หมายถึง จำนวนหน่วยในประชากรที่ถูกเลือกขึ้นมาให้เป็นตัวแทนของประชากรที่ต้องการศึกษา
หน่วยที่ถูกเลือกขึ้นมาเป็นตัวแทน เรียกว่า "หน่วยตัวอย่าง"
สัญลักษณ์ที่ใช้แทนขนาดตัวอย่าง คือ n
การเลือกตัวอย่างอาศัยความน่าจะเป็น
การเลือกตัวอย่างโดยอาศัยความ
น่าจะเป็น (probability sampling)
การสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น (stratified random sampling)
การสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบนี้มักใช้กับประชากรที่มีลักษณะแตกต่างกันที่สามารถแยกเป็นกลุ่มย่อยๆตามลักษณะที่แตกต่างกันได้ แต่ละชั้นแตกต่างกัน แต่ภายในชั้นเดียวกันมีลักษณะเหมือนกัน
การสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มหรือแบ่งพื้นที่ (cluster random
sampling or area random sampling)
เป็นการดัดแปลงมาจากวิธีการสุ่มอย่างง่าย สำหรับกรณีที่ประชากรมีลักษณะการรวมกลุ่มเป็นหลายกลุ่ม และมีความคล้ายคลึงระหว่างกลุ่มมากแต่มีความแตกต่างกันมากภายในแต่ละกลุ่ม
ผู้วิจัยอาจจะใช้ลักษณะทางภูมิศาสตร์หรือภูมิประเทศในการแบ่งกลุ่ม เช่น หมู่บ้าน ตำบล จังหวัด เป็นต้น
ประสิทธิภาพต่ำกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ได้มาจากการสุ่มอย่างง่ายในกรณีที่กลุ่มตัวอย่างเท่ากัน
ข้อแตกต่างระหว่างการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นกับแบบแบ่งกลุ่มคือ การสุ่มแบบแบ่งชั้นเมื่อแบ่งประชากรออกเป็น
ระดับชั้นแล้ว
การสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย (simple random sampling)
วิธีการจับฉลาก เป็นวิธีที่นิยมใช้เมื่อประชากรมีขนาดไม่ใหญ่มาก เนินโดยการเขียน
หมายเลขของหน่วยตัวอย่างทั้งหมดตามรายชื่อประชากร ลงในกระดาษเพื่อทาเป็นฉลาก
วิธีการใช้ตารางเลขสุ่ม มักใช้เมื่อมีกรอบตัวอย่าง ซึ่งสะดวกกว่าวิธีจับฉลากเพราะวิธีจับฉลากต้องเขียนฉลากทุกหน่วยที่อยู่ใน
ประชากร และทำการเลือกฉลากขึ้นมาทีละใบจนครบตามขนาดตัวอย่างโดยตารางเลขสุ่ม
วิธีใช้คอมพิวเตอร์ในการสุ่ม วิธีการนี้ใช้คอมพิวเตอร์สร้างเลขสุ่มขึ้นมาระหว่างหมายเลข 1 ถึง N แล้วใช้
คำสั่งให้เลือกหมายเลขตามจำนวนที่พัฒนามาจากการจับฉลากและการใช้ตารางเลขสุ่ม
การสุ่มตัวอย่างแบบมีระบบ (systematic random sampling)
เป็นการเลือกหน่วยตัวอย่างที่ได้มีการเรียงลำดับอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว การสุ่มแบบมีระบบทำได้โดยการเลือกหน่วยตัวอย่างแรกแบบสุ่ม จากหน่วยที่ 1 ถึงหน่วยที่ k และเลือกหน่วย
การสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage random sampling)
วิธีนี้เป็นการผสานวิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างสุ่มหลายวิธีมาใช้ด้วยกันตามความเหมาะสม
ถ้าใช้การสุ่ม 2 ครั้ง ก็เรียก Two-stage sampling
การเลือกตัวอย่างไม่อาศัยความน่าจะเป็น ((non-probability sampling )
เลือกใช้อย่างไร
ไม่ทราบจำนวนประชากร
ไม่มีกรอบ ตัวอย่างที่สมบูรณ์
คำนึงถึงความสะดวกทั้งทางด้านเวลา กำลังคนและงบประมาณ รวมทั้งวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลของนักสถิติเป็นหลัก
ไม่สามารถอ้างอิงหรืออนุมานไปยังประชากรที่ต้องการศึกษาได้
การเลือกตัวอย่างไม่อาศัยความน่าจะเป็นมีหลายแบบ ดังนี้
1) การเลือกหน่วยตัวอย่างโดยบังเอิญ(accidental sampling)
ไม่มีหลักเกณฑ์
เลือกใครก็ได้ที่สามารถให้ข้อมูลได้แต่ต้องอยู่ในกลุ่มรวมของประชากรที่สนใจศึกษา
2) การเลือกหน่วยตัวอย่างแบบโควต้า(quota sampling)
1.จำแนกประชากรออกเป็นส่วนย่อยๆ ก่อนดยตัวแปรที่ใช้ในการจาแนกควรจะมีความสัมพันธ์กับตัวแปรที่สนใจศึกษา
2.จากนั้นพิจารณาขนาดตัวอย่างของแต่ละส่วนย่อย เพื่อกาหนดเป็นโควตา
ในแต่ละกลุ่มใช้วิธีการเลือกหน่วยตัวอย่างแบบบังเอิญ นั่นคือ เจอใครก็เลือกจนครบตามจานวนที่ต้องการ
3) การเลือกหน่วยตัวอย่างแบบเจาะจง(purposive sampling)
เป็นการเลือกตัวอย่างโดยใช้ดุลพินิจและการตัดสินใจของนักสถิติเป็นหลัก
ว่ามีลักษณะสอดคล้องหรือเป็นตัวแทนที่จะศึกษาได้หรือไม่ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการสำรวจหรือไม่
นักสถิติต้องเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์
4) การเลือกหน่วยตัวอย่างแบบก้อนหิมะ หรือ แบบสโนว์บอลล์(snowball sampling)
นักวิจัยเริ่มต้นจากการกำหนดลักษณะของหน่วยตัวอย่างที่ต้องการ
2.เลือกหน่วยตัวอย่างรายแรก
ให้หน่วยตัวอย่างรายนี้แนะนำผู้ที่จะเป็นหน่วยตัวอย่างต่อๆ ไป จนได้กลุ่มตัวอย่างครบตามจำนวนที่ต้องการ
เหตุผลที่ส่วนใหญ่นิยมทำการเลือกกลุ่มตัวอย่าง
การออกแบบการเลือกกลุ่มตัวอย่างของนักวิชาการต่างๆ เหตุผลที่ส่วนใหญ่นิยมทำการเลือกกลุ่มตัวอย่าง
ลดค่าใช้จ่าย
เพราะว่าการเก็บรวบรวมข้อมูลจากประชากร ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าขนาดใหญ่ ค่าใช้จ่ายก็ย่อมน้อยกว่า
ทำได้รวดเร็วกว่า
เนื่องจากปริมาณงานที่ต้องเก็บรวบรวมข้อมูลมีจำนวนที่น้อยกว่า
การเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูลของประชากรจากทุกหน่วยงาน
กลุ่มตัวอย่างที่ดี
คือ หน่วยตัวอย่างบางหน่วยในประชากรที่ถูกเลือกมาเป็นตัวแทนของประชากร
ตัวอย่างที่ดีควรเป็นตัวอย่างสุ่ม (random sample) คือมีการเลือก
หน่วยตัวอย่างมาอย่างสุ่ม
ควรใช้ความน่าจะเป็นในการเลือกหน่วยตัวอย่าง
เพราะจะทำให้ไม่เกิดความเอนเอียงจากการเลือกหน่วยตัวอย่าง (bias)
เปรียบเทียบการเลือกตัวอย่างโดยอาศัย/ไม่อาศัยความน่าจะเป็น
อาศัยความน่าจะเป็น
ข้อดี
ไม่ลำเอียง/เอนเอียง
ทุกหน่วยมีโอกาสถูกเลือกเป็นหน่วยตัวอย่าง
อ้างอิงไปยังประชากรได้
ควบคุมความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากการเลือกตัวอย่างได้
ข้อเสีย
มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก
ไม่อาศัยความน่าจะเป็น
ข้อดี
สะดวก
รวดเร็ว
ประหยัดค่าใช้จ่าย
ข้อเสีย
ลำเอียง/เอนเอียง
ไม่สามารถอ้างอิงไปยังประชากรได้จะสามารถสรุปอยู่เพียงขอบเขตของกลุ่มตัวอย่างเท่านั้น
หน่วยตัวอย่างที่ได้นั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักสถิติ และองค์ประกอบบางตัวไม่สามารถควบคุมได้
การกำหนดและการหาขนาดกลุ่มตัวอย่าง
การกำหนดขนาดตัวอย่างให้มีความเหมาะสม เพื่อเป็นตัวแทนที่ดีของประชากรนั้น ไม่จำเป็นต้องมีตัวอย่างขนาดใหญ่หรือน้อยจนเกินไป เพราะอาจะทำให้ความถูกต้องและความแม่นยำของค่าประมาณลดลง
กลุ่มตัวอย่างแบ่งออกเป็น 2 แบบ
การกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างจากตารางสำเร็จ เช่น การคำนวณโดย Taro Yamane ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% และตารางของ Krejcie&Morgan
การกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างจาก
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยการคิดโปรแกรมจากโคเฮน คือ โปรแกรมG*Power มีการพัฒนาโปรแกรมมาจากสูตรโคเฮนซึ่งนำใส่ในโปรแกรมนี้ สามารถคำนวณขนาดกลุ่มตัวอย่างให้เหมาะสมกับตามตัวสถิติ เช่น T-Test, F-Test นอกจากนี้ นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมที่ใช้ในการวิจัยขั้นสูง เช่น โปรแกรม LISREL