Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) - Coggle Diagram
มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia)
ความหมาย
เป็นภาวะที่มีความผิดปกติในระบบการสร้าง(proliferative
system)ของเซลล์สร้างเม็ดเลือด(hemopoietic cells)
มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ที่สร้างเซลล์เม็ดเลือดในไขกระดูกหรือ
เซลล์ต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาวมีหลายประเภท บางชนิดมักเกิดขึ้นในเด็กในขณะที่บางชนิดมักเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่
การประเมินภาวะสุขภาพ
การซักประวัติ
ซักประวัติเกี่ยวกับระยะเวลาที่เกิดอาการต่างๆ
ไข้
อ่อนเพลีย
เบื่ออาหาร
เกี่ยวกับโรคทางพันธุกรรม
การตรวจร่างกาย
เกี่ยวกับอาการทั่วๆไปที่พบบ่อยๆ
วัดอุณหภูมิกายพบว่ามีไข้
ชั่งน้ำหนักพบว่า น้ำหนักลดลงรวดเร็วอย่างไม่ทราบสาเหตุ เป็นอาการแสดงสำคัญ พบได้ถึงร้อยละ70ของผู้ป่วย
เกี่ยวกับอาการจากไขกระดูกทำงานผิดปกติ
ภาวะซีด โดยตรวจประเมินจาก เยื่อบุตา หรือ สีเล็บ
ตรวจประเมินภาวะเลือดออก จากการดูจุดจ้ำเลือดตามผิวหนัง หรือการมีเลือดออกในอวัยวะต่างๆ
เกี่ยวกับอาการที่เกิดจากมะเร็งเม็ดเลือดขาวแพร่กระจายไปแทรกในระบบน้ำเหลืองของร่างกาย ได้จากการคลำตับ ม้าม และต่อมน้ำเหลือง
เกี่ยวกับอาการที่เกิดจากมะเร็งเม็ดเลือดขาวแพร่กระจายไปแทรกในอวัยวะอื่นๆ นอกจากระบบน้ำเหลือง เช่น มีการโตของเหงือก หรือปวดกระดูก
เกี่ยวกับอาการแสดงของ leukostasis คือเม็ดเลือดขาวจำนวนมากขัดขวางการไหลเวียนเลือดทำให้เลือดเข้าสู่หลอดเลือดฝอยช้าลง ทำให้การกำซาบของเนื้อเยื่อสมอง นัยน์ตา และปอดลดน้อยลง ส่งผลให้ผู้ป่วยสับสน การมองเห็นเปลี่ยนแปลง และหายใจสั้นๆ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Complete blood count อาจพบฮีโมโกลบินต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ
จำนวนเม็ดเลือดขาว (WBC )อาจนับได้ปกติ(4500-10000 cell/ml)หรือต่ำกว่าปกติ(น้อยกว่า1000เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร) หรือสูงกว่าปกติ(มากกว่า200000 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร) มีเม็ดเลือดขาวเซลล์ตัวอ่อนที่โตไม่เต็มที
การตรวจไขกระดูก(Blast cell) ค่าปกติน้อยกว่าร้อยละ5ของเม็ดเลือดขาวทั้งหมด ใช้เกณฑ์มากกว่าร้อยละ30เป็นเกณฑ์วินิจฉัย
Absolute neutrophil count (ANC) โดยเฉพาะในผู้ป่วย AML จะมีภาวะ Neutropenia
ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง โดยคำนวณจากสูตร (% Neutrophils + % Band) x total WBC หารด้วย100 ค่า1000-1500/cu.mm มีความเสี่ยงติดเชื้อเล็กน้อย ค่า500-1000/cu.mm มีความเสี่ยงติดเชื้อปานกลาง ค่าน้อยกว่า 500/cu.mm มีความเสี่ยงติดเชื้อสูง
RBC HB(ค่าปกติ12-17g/dl) HCT ลดลง
Platelet ลดลง (ค่าปกติ 150000-450000 microlite)
Bone marrow biopsy โดยภาพรวมจะมีจำนวนเซลล์ในไขกระดูกเพิ่มมากขึ้น และมีอัตราส่วนของเซลล์ที่โตไม่เต็มที่ และพบ Philadelphia chromosome ในไขกระดูก โดยพบมากกว่าร้อยละ 90 ของผู้ป่วยที่เป็น CML
สารอื่นๆ เช่น ตรวจเลือดเพื่อหา leukocyte alkaline phosphatase เป็น enzyme ที่พบในแกรนนูลของ neutrophil พบมากใน neutrophil ที่เป็น segmented form พบน้อยใน band form อาจเรียกอีกชื่อว่า Neutrophil Alkaline Phosphatase (NAP) พบน้อยมากใน eosinophil ไม่พบใน basophil และในเม็ดเลือดขาวชนิดอื่น ในโรค CML จะมีค่า LAP score ต่ำ
การวินิจฉัยโรค
เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อเนื่องจากเม็ดเลือดขาวทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
แนวทางการรักษา
ฉีดยากระตุ้นเพิ่ม จำนวนเม็ดเลือดขาวในบางโรค ขึ้นกับสาเหตุ
รับประทานอาหารที่สุกสะอาด ผ่านความร้อน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
การฉายรังสีรักษา
การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด
ให้ยา Neuprogen ตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว
กิจกรรมการพยาบาล
ติดตามผลตรวจ CBC และคำนวณ absolute neutrophil count เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
จำกัดการเข้าเยี่ยม และอธิบายให้ผู้ป่วยและญาติเข้าใจถึงความจำเป็น เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ
ดูแลรักษาความสะอาดร่างกาย ปากฟันของผู้ป่วยและสิ่งแวดล้อม เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ
จัดให้อยู่ในห้องแยกตามความจำเป็น เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ
ดูแลให้ได้รับยากระตุ้นการสร้าง neutrophil ตามแผนการรักษา เพื่อเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว
ดูแลให้รับประทานอาหารอย่างเหมาะสม คือสุกใหม่ หลีกเลี่ยงผักและผลไม้สด
ยกเว้นผลไม้ที่ไม่รับประทานเปลือก เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ
วัดและบันทึกอุณหภูมิกายอย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการแสดงของการติดเชื้อ
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และผลการตรวจพิเศษเกี่ยวกับการติดเชื้อ เพื่อติดตามการติดเชื้อ
ติดตามสังเกตุสิ่งคัดหลั่งต่างๆ เช่น เสมหะ ปัสสาวะ เป็นต้น เพื่อติดตามการติดเชื้อ
เสี่ยงต่อภาวะเลือดออกง่ายหยุดยากเนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำ
กิจกรรมการพยาบาล
ตรวจประเมินวัด Blood pressure ทุก 2 ชั่วโมง ( 60-100 bpm ) เพื่อสังเกตุการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวลและระมัดระวังเพื่อป้องกันการเกิดแผลเลือดออก
แนะนำให้ทำความสะอาดปากและฟันด้วยแปรงสีฟันอ่อนนุ่มเพื่อป้องกันการเกิดเลือดออกที่เหงือก
สังเกตุและประเมินจุดจ้ำเลือดตามผิวหนังเพื่อประเมินอาการเลือดออก
จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุ เพื่อป้องกันการเกิดบาดแผล
หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน (Aspirin) หรือไอบูโปรเฟน
แนวทางการรักษา
หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดวิตามินเคซึ่งมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
ยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids)ในรูปแบบยารับประทานหรือยาฉีด เพื่อชะลอการทำลายเกล็ดเลือด
การให้เลือดหรือเกล็ดเลือด ในผู้ป่วยที่มีเลือดออกหรือผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเลือดออกมาก
การผ่าตัดม้าม แพทย์จะผ่าตัดหากรักษาด้วยวิธีการใช้ยาแล้วไม่เป็นผล
ยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ในรูปแบบยารับประทานหรือยาฉีด เพื่อชะลอการทำลายเกล็ดเลือด เช่น เพรดนิโซน (Prednisone)
ความทนในการทำกิจกรรมลดลง
เนื่องจากสื่อนำออกซิเจนลดลง
แนวทางการรักษา
ให้ออกซิเจนตามแผนการรักษาของแพทย์
กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่นธาตุเหล็กและผักใบเขียว เพื่อเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง
รับประทานยา ฮอร์โมน หรือวิธีทางแพทย์อื่น ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตเม็ดเลือดแดงได้มากขึ้น
รับประทานอาหารเสริม เช่นวิตามินB12
กิจกรรมการพยาบาล
แนะนำให้ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นและนำออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แนะนำให้ฝึกการหายใจเป็นจังหวะ เพื่อให้หายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แนะนำให้ไม่ออกกำลังกายหักโหมเพื่อลดการใช้ออกซิเจน
ให้นอนศีรษะสูง45องศา เพื่อให้กระบังลมเคลื่อนต่ำปอดขยายตัวได้เต็มที่
แนะนำไม่ให้ทำกิจกรรมที่ไม่ใช้แรงเยอะเพื่อป้องกันอาการเหนื่อย
ประเมินอัตราการหายใจและลักษณะการหายใจเพื่อประเมินการขยายของช่องอก
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยทางพันธุกรรม
down syndrome
การได้รับกัมมันตภาพรังสี
ซีเซียมจากโรงไฟฟ้าปรมาณู
สารเคมี สารเบนซีน
การมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
การติดเชื้อ Human T-cell leukemia virus
อาการและอาการแสดง
Acute lymphocytic leukemia(ALL)
อาการทั่วๆไปที่พบบ่อยได้แก่ ไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
อาการจากไขกระดูกทำงานผิดปกติ เช่น ติดเชื้อง่าย ภาวะซีด เลือดออกง่าย
อาการที่เกิดจากมะเร็งเม็ดเลือดขาวแพร่กระจายไปแทรกในระบบน้ำเหลืองของร่างกาย เช่น ต่อมน้ำเหลือง ตับ และ ม้ามโต
อาการที่เกิดจากมะเร็งเม็ดเลือดขาวแพร่กระจายไปแทรกในอวัยวะอื่นๆ นอกจากระบบน้ำเหลือง เช่น สมองทำให้ปวดศีรษะ การมองภาพเปลี่ยนแปลง คลื่นไส้ อาเจียน คอแข็ง ชัก เดินเซ
แขนขาอ่อนแรงในกระดูกและข้อทำให้ปวดข้อปวดกระดูก
Acute Non-lymphocytic Leukemia (ANLL) or Acute Myelocytic leukemia(AML)
อาการทั่วๆไปที่พบบ่อยได้แก่ ไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
อาการจากไขกระดูกทำงานผิดปกติ
ภาวะติดเชื้อง่ายพบว่าการติดเชื้อเป็นสาเหตุการตายที่มากที่สุดของ AML เนื่องจากการขาด mature and normal granulocyte โดยเฉพาะช่วงที่มีภาวะ neutropenia ที่มี neutrophil น้อยกว่า 100/cu.mm และในช่วงที่มี severe neutropenia ผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อราเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ภาวะเลือดออกง่าย ซึ่งในผู้ป่วย AML จะพบว่ามีภาวะเลือดออกเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ และที่พบบ่อยได้แก่ เลือดออกในทางเดินอาหาร ปอด และกะโหลกศีรษะ นอกจากนี้การมีไข้ ยังเพิ่มความต้องการในการใช้ ได้แก่ เกร็ดเลือดด้วย จึงอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออก
ภาวะซีดผู้ป่วยจะอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
อาการที่เกิดจากมะเร็งเม็ดเลือดขาวแพร่กระจายไปแทรกในระบบน้ำเหลืองของร่างกาย เช่น ตับ ม้ามและต่อมน้ำเหลืองโต โดยพบว่า 1 ใน 3 ของผู้ป่วย AML มีม้ามโต
อาการที่เกิดจากมะเร็งเม็ดเลือดขาวแพร่กระจายไปแทรกในอวัยวะอื่นๆ นอกจากระบบน้ำเหลือง เช่น ในเหงือกทำให้เหงือกโต ในกระดูกและข้อทำให้ปวดข้อปวดกระดูก
Chronic Myelocytic leukemia(CML)
ระยะที่เป็น โดยใน chronic phase
มักไม่มีอาการ หรือถ้ามีอาการมักมีอาการอ่อนเพลีย เหงื่อออกตอนกลางคืน น้ำหนักลด
ใน accelerated phase
เป็นระยะที่ myeloid cell อาจถูกผลิตในตับและม้ามจึงทำให้ตับและม้ามโต ส่งผลให้แน่นท้องและปวดท้อง ไขกระดูกเคลื่อนเข้าไปในกระดูกยาว เช่น กระดูกต่นขาทำให้ปวดกระดูก
เมื่อมีจำนวนเม็ดเลือดขาวมากเกินกว่า 100,000/cu.mm.จะเกิดอาการแสดงของ leukostasis คือเม็ดเลือดขาวจำนวนมากขัดขวางการไหลเวียนเลือดทำให้เลือดเข้าสู่หลอดเลือดฝอยช้าลง ทำให้การกำซาบของเนื้อเยื่อสมอง นัยน์ตา และปอดลดน้อยลง ส่งผลให้ผู้ป่วยสับสน การมองเห็นเปลี่ยนแปลง และหายใจสั้นๆ
Chronic lymphocytic leukemia(CLL)
โดยอาการของ CLL ในคนส่วนใหญ่ถูกวินิจฉัยโดยไม่มีอาการแสดง
พยาธิสรีรวิทยา
การแบ่งชนิดของมะเร็งเม็ดเลือดขาว แบ่งตามชนิดของเม็ดเลือดขาวที่ถูกสร้างมากขึ้นและระยะเวลาการดำเนินโรค แบ่งได้เป็น 4 ชนิด
Acute lymphocytic leukemia(ALL) เกิดจากความผิดปกติในการสร้างเม็ดเลือดขาว ชนิดlymphocyte ตัวอ่อน(immature lymphoid cell; lymphoblast) จากไขกระดูกมากกว่าปกติอย่างรวดเร็ว ไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดขาวปกติได้และยังขัดขวางการเจริญของ normal myeloid cell อีกด้วย จึงส่งผลให้มีการสร้างเม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือดลดลงอีกด้วย
Chronic lymphocytic leukemia(CLL) ซึ่งจะพบจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด lymphocyte ทั้งตัวแก่และตัวอ่อนสูงกว่าปกติ แต่เมื่อโรคก้าวหน้ามากขึ้น CLL จะมีlymphocyteตับ และม้าม ส่งผลให้ต่อมน้ำเหลือง ตับและม้ามโต และเมื่อโรคก้าวหน้าเข้าสู่ระยะท้ายจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจางจึงทำให้อ่อนเพลีย ส่งผลให้ต่อมน้ำเหลือง ตับและม้ามโต และเมื่อโรคก้าวหน้าเข้าสู่ระยะท้ายจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจางจึงทำให้อ่อนเพลียเหนื่อยง่าย และเมื่อภาวะเกร็ดเลือดต่ำกว่าปกติจึงทำให้มีจุดจ้ำเลือด
Acute Non-lymphocytic Leukemia (ANLL) or Acute Myelocytic leukemia(AML) เกิดจากการเจริญผิดปกติของกลุ่ม myeloid cell คือ erythrocyte, neutrophil, megakaryocyte, และ macrophage) ทำให้มีการสร้างเม็ดเลือดขาวชนิดที่ไม่ใช่ lymphocyte ได้แก่ monocyte, granulocyte และ erythrocyte ตัวอ่อนจากไขกระดูกมากกว่าปกติอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเซลล์ ที่ผิดปกติไปอย่างเด่นชัดใน ANLL คือ myeloblast จากการทำ bone marrow biopsy จึงพบ myeloblast มากกว่าร้อยละ 20 พบบ่อยในผู้ใหญ่มากกว่าในเด็ก โดยเฉพาะอายุมากกว่า 60 ปี พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง AML
Chronic Myelocytic leukemia(CML) พบน้อยในคนที่อายุน้อยกว่า 20 ปี มักพบในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และมักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง CML แบ่งเป็น 3 ระยะผู้ป่วยส่วนใหญ่มักได้รับ
การวินิจฉัยในระยะเรื้อรัง โดยมักพบจากผลการตรวจเลือดและร่างกายประจำปี ซึ่งให้ค่าจำนวนเซลล์
เม็ดเลือดขาวสูงกว่าปกติถ้าไม่ได้รับการรักษาจะก้าวหน้าไปสู่ระยะท้ายภายใน 3-5 ปี
ระยะแรกเป็นระยะเรื้อรังคือ chronic phase พบว่าเม็ดเลือดขาวส่วนใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นยังเป็นตัวเต็มวัยและยังทำหน้าที่ได้ปกติ มี blast cell ในไขกระดูกน้อยกว่าร้อยละ 15 จึงทำให้ผู้ป่วยในระยะนี้ประมาณร้อยละ 40-50 ไม่มีอาการ
ระยะรวดเร็วคือ accelerated phase เป็นช่วงที่เม็ดเลือดตัวอ่อนถูกผลิตมากกว่าเม็ดเลือดตัวเต็มวัย
ระยะวิกฤตของเม็ดเลือดตัวอ่อนคือ blast crisis มี blast cell ในเลือดหรือไขกระดูกมากกว่าร้อยละ 30
ชนิดของมะเร็งเม็ดเลือดขาว
Chronic lymphocytic leukemia(CLL) พบได้บ่อยในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 55 ปี และสามารถพบในเด็กได้บ้าง
Acute Non-lymphocytic Leukemia (ANLL) or Acute Myelocytic leukemia(AML) สามารถพบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก
Chronic Myelocytic leukemia(CML) พบได้ในผู้ใหญ่ แต่ไม่ค่อยพบในเด็ก
Acute lymphocytic leukemia(ALL) พบได้บ่อยในเด็กอายุน้อยกว่า 10 ปี รวมถึงในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 65ปี