Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

บุตรบุญธรรม - Coggle Diagram

- - - - หากคู่กรณีผุ้รับบุตรบุญธรรมเห็นพ้องกันว่าจะระงับความสัมพันธ์ระหว่งกันก็สามารถทำได้ 1.กรณีที่บรรลุนิติภาวะจะตกลงเมื่อใดก็ได้ 2.กรณีไม่บรรลุนิติภาวะต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน
  - - - 1.ฝ่ายหนึ่งทำการชั่วร้ายไม่ว่าจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ เป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง หรือถูกเกลียดชัง หรือได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องเลิกได้
      - 2.ฝ่ายหนึ่งหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่งอันเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องเลิกได้ ถ้าบุตรบุญธรรมกระทำการดังกล่าวต่อคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรม ให้ผู้รับบุตรบุญธรรมฟ้องเลิกได้
      - 3.ฝ่ายหนึ่งกระทำการประทุษร้ายอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีหรือคู่สมรสของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจอย่างร้ายแรงและการกระทำนั้นเป็นความผิดที่มีโทษอาญา อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องเลิกได้
      - 4.ฝ่ายหนึ่งไม่อุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องเลิกได้
      - ฝ่ายหนึ่งจงใจละทิ้งอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องเลิกได้
      - ฝ่ายหนึ่งต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเกินสามปี เว้นแต่ความผิดที่กระทำโดยประมาท อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องเลิกได้
      - 7.ผู้รับบุตรบุญธรรมทำผิดหน้าที่บิดามารดา และการกระทำนั้นเป็นการละเมิด หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๕๖๔ มาตรา ๑๕๗๑ มาตรา ๑๕๗๓ มาตรา ๑๕๗๔ หรือมาตรา ๑๕๗๕ เป็นเหตุให้เกิดหรืออาจเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อบุตรบุญธรรม บุตรบุญธรรมฟ้องเลิกได้
      - 8.ผู้รับบุตรบุญธรรมผู้ใดถูกถอนอำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมด และเหตุที่ถูกถอนอำนาจปกครองนั้นมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่า ผู้นั้นไม่สมควรเป็นผู้รับบุตรบุญธรรมต่อไป บุตรบุญธรรมฟ้องเลิกได้
    - - การฟ้องขอเลิกรับบุตรบุญธรรมจะต้องทำภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ผู้ฟ้องรู้หรือควรจะรู้ตาม มาตรา ๑๕๙๘/๓๔ ห้ามมิให้ฟ้องขอเลิกการรับบุตรบุญธรรมเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันที่ผู้ขอเลิกการรับบุตรบุญธรรมรู้หรือควรได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุให้เลิกการนั้น หรือเมื่อพ้นกำหนดสิบปีนับแต่เหตุนั้นเกิดขึ้น
  - - - การรับบุตรบุญธรรมเป็นอันยกเลิกไปหากมีการสมรสระหว่างผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรม เป็นการเลิกโดยผลกฎหมาย
  - - - เป็นกรณีหลักเดียวกันกับการหย่าโดยคำพิพากษาของศาล
  - - - 1.สำหรับบุตรบุญธรรมที่เป็นผู้เยาว์ใฟ้บิดามารดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง ให้ผูั้ปกครองทำหน้าที่ต่อไป 2.หากผู้เยาว์กำพร้าบิดามารดา ให้พนักงานอัยการร้องขอตั้งผู้ปกครอง
- - - - บุคคลที่จะรับบุตรบุญธรรมต้องอายุครบ 25 ปี ส่วนด้านบุตรลุญธรรมกฎหมายไม่ได้กำหนดอายุไว้เพียงแต่กำหนดว่าอายุต้องอ่อนกว่าผู้รับบุตรบุญธรรม 15 ปี
  - - - หากผู้รับบุตรบุญธรรมหรือบุตรบุญธรรมมมีคู่สมรสอยู่แล้วต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรส เวว้นแต่คู่สมรสไม่ยินยอม หรือเสียไปจากภูืมิลำเนาและหาตัวไม่พบ ต้องให้สาลมีคำสั่งอนุญาตแทน
        
        หากผู้เยาว์ต้องการเป็นบุตรบุญธรรมของคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรมทั้งสอง ก็สามารถทำได้ตามมาตรา ๑๕๙๘/๒๖ ผู้เยาว์ที่เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลใดอยู่จะเป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่นอีกในขณะเดียวกันไม่ได้ เว้นแต่เป็นบุตรบุญธรรมของคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรม
    - - ผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมหากมีอายุ 15 ปี แต่ไม่เกิน 20ปี นอกจากจะได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรรมแล้ว ต้องได้รับความยินยอมจากเด็กด้วย
    - - หากบิดาหรือมารดาตายหรือไม่ตายแต่ไม่สามารถให้ความยินยอมหรือไม่ให้ความยินยอมโดยไร้เหตุผล อัยการจะขอให้ศาลสั่งอนุญาตแทนได้
    - - มาตรา ๑๕๙๘/๒๓ ในกรณีที่ผู้เยาว์มิได้ถูกทอดทิ้ง แต่อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของสถานสงเคราะห์เด็กตามกฎหมายว่าด้วยการสงเคราะห์และคุ้มครองเด็ก บิดาและมารดา หรือบิดาหรือมารดาในกรณีที่มารดาหรือบิดาคนใดคนหนึ่งตายหรือถูกถอนอำนาจปกครอง จะทำหนังสือมอบอำนาจให้สถานสงเคราะห์เด็กดังกล่าวเป็นผู้มีอำนาจให้ความยินยอมในการรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมแทนตนก็ได้ ในกรณีเช่นนั้นให้นำความในมาตรา ๑๕๙๘/๒๒ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
        
        การรับบุตรบุญธรรมต้องได้รับความยินยอมจากสถานรับเด็กสงเคราะห์ โดยไม่จำต้องขอความยินยอมจากบิดามารดา
    - - มาตรา ๑๕๙๘/๒๒ ในการรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรม ถ้าผู้เยาว์เป็นผู้ถูกทอดทิ้งและอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์เด็กตามกฎหมายว่าด้วยการสงเคราะห์และคุ้มครองเด็ก ให้สถานสงเคราะห์เด็กเป็นผู้ให้ความยินยอมแทนบิดาและมารดา ถ้าสถานสงเคราะห์เด็กไม่ให้ความยินยอม ให้นำความในมาตรา ๑๕๙๘/๒๑ วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม
        
        กรณีผู้เยาว์ถูกทอดทิ้งและอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์เด็กตามกฎหมาย การรับบุตรบุญธรรมจึงต้องได้รับความยินยอมจากสถานสงเคราะห์เด็ก โดยไมจำต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดาเด็ก
    - - มาตรา ๑๕๙๘/๒๒ ในการรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรม ถ้าผู้เยาว์เป็นผู้ถูกทอดทิ้งและอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์เด็กตามกฎหมายว่าด้วยการสงเคราะห์และคุ้มครองเด็ก ให้สถานสงเคราะห์เด็กเป็นผู้ให้ความยินยอมแทนบิดาและมารดา ถ้าสถานสงเคราะห์เด็กไม่ให้ความยินยอม ให้นำความในมาตรา ๑๕๙๘/๒๑ วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม
  - - - การรับบุตรบุญธรรมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อได้จดทะเบียนตามกฎหมาย โดยมีเงื่อนไขที่บุตรผู้เยาว์ถ้าเป็นผู้เยาว์ต้องปฎิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการรับเด็กบุตรธรรม
- - - - ผู้รับบบบุตรบุญธรรมเป็นเหมือนผู้ปกครองเหนือบุตรบุญธรรม ต้องทำหน้าที่ดุจบิดามารดาเด้เช่นหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาต่อบุตรบุญธรรม บุตรบุญธรรมจึงสามารถฟ้องผู้รับบุตรบุญธรรมได้ไม่เป็นคดีอุทลุม
  - - - แม้บุตรบุญธรรมจะมีสิทธิรับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรมก็ตาม แต่หาได้มีสิทธิรับมรดกของบุตรบุญธรรมในฐานะทายาทโดยธรรมไม่ โดยกฎหมายให้สิทธิเพียงเรียกร้องทรัพย์สินที่ตนให้ไก่แก่บุตรบุญธรรมคืนจากกองมรดกของบุตรบุญธรรม ตามมาตรา ๑๕๙๘/๓๐ ถ้าบุตรบุญธรรมซึ่งไม่มีคู่สมรสหรือผู้สืบสันดานตายก่อนผู้รับบุตรบุญธรรม ผู้รับบุตรบุญธรรมมีสิทธิเรียกร้องเอาทรัพย์สินที่ตนได้ให้แก่บุตรบุญธรรมคืนจากกองมรดกของบุตรบุญธรรมเพียงเท่าที่ทรัพย์สินนั้นยังคงเหลืออยู่ภายหลังที่ชำระหนี้ของกองมรดกเสร็จสิ้นแล้ว