Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การปลูกเชื้อเห็ดลงถุง - Coggle Diagram
การปลูกเชื้อเห็ดลงถุง
-
การเปิดดอกและการดูแลรักษา
ควรสร้างจากวัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่นเพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน วัสดุส าหรับ
มุงหลังคาและฝาผนัง ควรใช้หญ้าคาหรือวัสดุอื่นๆ ที่สามารถทดแทนได้ เช่น
พลาสติก หรือตาข่ายสีด า ภายในโรงเรือนต้องมีการถ่ายเทอากาศได้ดี เข้าไปภายในโรงเรือนจะต้องหายใจ
สะดวก แสงและอุณหภูมิ ควรพอเหมาะส าหรับเห็ดแต่ละชนิด (ตารางในหน้า 6)
เห็ดสกุลนางรม เป็นเห็ดกลุ่มที่ชอบเย็นมากกว่าร้อน อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 25-28 องศาเซลเซียส และไม่เกิน 35 องศาเซลเซียส โรงเรือนเปิดดอกจึงต้องมุงจากเพื่อลดอุณหภูมิลง พื้นโรงเรือนควร
โรยด้วยทรายหนาๆ เพื่อช่วยรักษาความชื้น
การเปิดดอกเห็ด
หลังจากเส้นใยเห็ดเจริญเต็มก้อนแล้ว ควร
ปล่อยให้เส้นใยเห็ดรัดตัวและสะสมอาหาร
เพิ่มมากขึ้น ใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน
วิธีการเปิดดอกเห็ดท าได้โดยดึงกระดาษหรือจุกที่ปิดถุงออก น าถุง
ก้อนเชื้อไปเรียงซ้อนกันไว้บนชั้นรูปตัวเอ รดน้ าให้ความชื้นภายใน
โรงเรือน เช้า กลางวัน และเย็น แต่ระวังอย่าให้น้ าเข้าถุงก้อนเชื้อ
เพราะจะท าให้ก้อนเชื้อเน่าและเสียหายเร็ว โดยรักษาความชื้นสัมพัทธ์
ในอากาศ 70-90 เปอร์เซ็นต์ หลังจากเปิดถุงได้ 7-14 วัน จะปรากฏ
ดอกเห็ดขนาดเล็กออกมาจากปากถุง
การดูแลรักษา
ก่อนเก็บผลผลิตควรงดการให้น้ า เพราะเห็ดจะ
เปียกชื้นไม่เป็นที่ต้องการของตลาด เก็บเกี่ยว
เมื่อดอกเห็ดมีอายุปานกลางไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป สังเกตจากขอบ
ดอกเห็ดยังงุ้มอยู่ ใช้มือจับดอกเห็ดแล้วดึงเบาๆ โยกไปทางซ้ายและ
ขวา ดอกเห็ดจะหลุดออกมา ต้องดึงดอกเห็ดให้หลุดออกจากถุงทั้ง
กลุ่ม ไม่ให้เหลือโคนติดที่ถุง เพราะจะท าให้หน้าถุงเน่าท าให้มีเชื้อรา
อื่นหรือมีแมลงหวี่เข้าท าลาย การเก็บผลผลิตควรเก็บไปเรื่อยๆ
จนกว่าก้อนเชื้อจะหมดอายุ ประมาณ 3-4 เดือน
-
สาเหตุของการเกิดเชื้อราปนเปื้อน
สาเหตุของการเกิดเชื้อราปนเปื้อนมีหลายประการ เช่น การทิ้งถุงก้อนเชื้อเห็ดที่เก็บดอกแล้วในบริเวณ
ฟาร์ม ซึ่งเป็นโอกาสให้เชื้อรายังกระจายอยู่ในบริเวณนั้น เมื่อมีฝนตกหรือลมแรงเชื้อราจะถูกฝนชะหรือลมพัด
แพร่เข้าไปในบริเวณโรงเรือนเพาะเห็ดโดยตรง หรือตกลงไปในน้ าที่ใช้รดเห็ดได้นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ อีก
เช่น หัวเชื้อไม่บริสุทธิ์ การนึ่งฆ่าเชื้อถุงเห็ดที่ท าลายเชื้อไม่หมด ถุงแตกหรือถูกแมลงท าลาย
การป้องกันการเกิดเชื้อราปนเปื้อนในการเพาะเห็ดถุง
- ตรวจสอบความสะอาดและความบริสุทธิ์ของหัวเชื้อก่อนซื้อ
- การถ่ายเชื้อหรือใส่เชื้อ ควรท าในห้องที่สะอาดปราศจากฝุ่นละอองหรือเชื้อโรคอื่นๆ หรือ บริเวณที่ไม่มี
อากาศถ่ายเท
- คัดแยกถุงเห็ดเสีย ถุงเห็ดแตก ถุงเห็ดที่มีจุกส าลีชื้น น าไปนึ่งใหม่หรือเผาเพื่อลดการระบาดของเชื้อรา
- รักษาความสะอาดโรงเพาะ และบริเวณโดยทั่วไปรอบๆ ฟาร์ม
- เมื่อเก็บผลผลิตหมดแล้ว ควรพักโรงเพาะเห็ดประมาณ 2-3 อาทิตย์ เพื่อท าความสะอาดและฉีดยาฆ่า
แมลง หรือเชื้อราที่อาจซุกซ่อนตามพื้น และพื้นเสา ก่อนน าถุงเห็ดชุดใหม่เข้ามา ถ้าเป็นไปได้ควรแยกโรงบ่ม
กับโรงเปิดดอกต่างหาก
-
ศัตรูเห็ดสกุลนางรม
เห็ดสกุลนางรม มีคุณสมบัติทางกลิ่นที่ดึงดูดโรคและแมลงศัตรูเห็ดได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงมีศัตรูเห็ด
รบกวนหลายชนิดเช่น
- หนูและแมลงสาบ เริ่มเข้าท าลายตั้งแต่ระยะเชื้อและดอก เห็ด การก าจัดควรใช้ยาเบื่อ หรือใช้กับดัก
- ไร ตัวไรจะดูดกินน้ าเลี้ยงระยะก้อนเชื้อและดอกเห็ด ท าให้ผลผลิตลดลง ไรมีการระบาดมากเมื่อความชื้น
ในอากาศต่ า จึงควรให้ความชื้นอย่างสม่ าเสมอ การปราบไรควรเน้นในเรื่องความสะอาดและการป้องกัน
มากกว่าการใช้สารเคมี เพราะอาจเป็นอันตรายมาถึงคนที่กินเห็ดได้
- แมลงหวี่ เกิดกับดอกเห็ดที่มีอายุมาก แมลงหวี่จะเข้ามาตอมและวางไข่แพร่พันธุ์ ควรน าก้อนเชื้อชนิดนี้
ออกจากโรงเพาะทันที
- หอยทาก มักกัดกินดอกเห็ดที่ก าลังเจริญเติบโต ท าให้ดอกเห็ดมีรอยกัดไม่ได้คุณภาพ
-
แนวทางการพัฒนาให้เกิดการพึ่งพาตนเอง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีแนวพระราชด าริเกี่ยวกับการส่งเสริมชุมชนหรือการพัฒนาชนบทที่
ส าคัญๆ คือ การที่ทรงมุ่งช่วยเหลือพัฒนาให้เกิดการพึ่งตนเองได้ของคนในชนบทเป็นหลัก กิจกรรมและ
โครงการตามแนวพระราชด าริที่ด าเนินการอยู่หลายพื้นที่ทั่วประเทศในปัจจุบันนั้นล้วนแล้วแต่มีเป้าหมาย
สุดท้ายอยู่ที่การพึ่งตนเองได้ของราษฎรทั้งสิ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงด าเนินการแนะน าสาธิตให้
ประชาชนด าเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาทเป็นไปตามหลักการพัฒนาสังคมชุมชนอย่างแท้จริง ขอยกพระ
ราชด ารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงแสดงถึงแนวทางในการพัฒนาให้เกิดการพึ่งตนเอง ดังนี้
”
- ทรงยึดหลักที่ไม่ใช้วิธีการสั่งการให้เกษตรกรปฏิบัติตาม
“ด าริ คือ ความเห็นที่จะท า ไม่ใช่ค าสั่งแต่มันเป็นความเห็น มีทฤษฎีอะไรต้องบอกออกมา ฟังได้ฟัง ชอบใจก็
เอาไปได้ ใครไม่ชอบก็ไม่เป็นไร”
- ทรงเน้นให้พึ่งตนเองและช่วยเหลือตนเองเป็นหลักส าคัญ
“คนทุกคน ไม่ว่าชาวกรุงหรือชาวชนบท ไม่ว่ามีการศึกษามากหรือน้อยอย่างไร ย่อมมีจิตใจเป็นอิสระ มีความ
คิดเห็น มีความพอใจ เป็นของตนเอง ไม่ชอบการบังคับ นอกจากนั้นยังมีขนบธรรมเนียม มีแบบแผนเฉพาะ
เหล่ากันอีกด้วย”
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นจุดหลักส าคัญในการพัฒนาตาม
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชด าริ
“ภาระในการบริหารนั้นจะประสบผลด้วยดีย่อมต้องอาศัยความรักชาติ ความซื่อสัตย์สุจริต ความสมัครสมาน
กลมเกลียวกัน ประกอบกับการร่วมมือของประชาชนพลเมืองทั่วไป ข้าพเจ้าจึงหวังว่าท่านทั้งหลายคงจะ
พยายามปฏิบัติกรณียกิจในส่วนของแต่ละท่านด้วยใจบริสุทธิ์ โดยค านึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้เพื่อได้มา
ซึ่งความร่มเย็นเป็นสุขของประชาชนทั่วไปอันเป็นยอดปรารถนาด้วยกันทั้งสิ้น”
- ทรงใช้หลักประชาธิปไตยในการด าเนินการ
“เป็นสถานที่ที่ผู้ท างานในด้านพัฒนาจะไปท าอะไรอย่างที่เรียกว่า ทดลอง ก็ได้ และเมื่อทดลองแล้วจะท าให้
ผู้อื่นที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในวิชานั้นสามารถเข้าใจว่าเขาท ากันอย่างไรเขาท าอะไรกัน ฉะนั้นศูนย์ศึกษาการพัฒนา
นี้ ถ้าท าอะไรล้มเหลวต้องไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องถูกลงโทษ แต่เป็นสิ่งที่แสดงว่าท าอย่างนั้นไม่เกิดผล”
- ทรงยึดหลักสภาพของท้องถิ่นเป็นแนวทางในการด าเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด าริ
“การพัฒนาจะต้องเป็นไปตามภูมิประเทศของภูมิศาสตร์ และภูมิประเทศทางสังคมศาสตร์ในสังคมวิทยา ภูมิ
ประเทศของสังคมวิทยาคือ นิสัยใจคอของคนเราจะไปบังคับให้คนคิดอย่างอื่นไม่ได้ แต่ถ้าเราเข้าไปแล้วเรา
เข้าไปดูว่า เขาต้องการอะไรจริงๆ แล้วก็อธิบายให้เขาเข้าใจหลักการของการพัฒนานี้ก็จะเกิดประโยชน์อย่าง
ยิ่ง
- การสร้างความแข็งแรงให้ชุมชน ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลักที่จ าเป็นต่อการผลิต อันจะเป็น
รากฐานน าไปสู่การพึ่งตนเองได้ในระยะยาว
“การพัฒนาประเทศจ าเป็นต้องท าตามล าดับขั้นตอน ต้องสร้างพื้นฐาน คือ ความพอมี พอกิน พอใช้ ของ
ประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อนโดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เมื่อได้
พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจชั้นที่
สูงขึ้นโดยล าดับ”
“ในการสร้างความเจริญก้าวหน้านี้ ควรอย่างยิ่งที่จะค่อยสร้างค่อยเสริมทีละเล็กละน้อยให้เป็นล าดับ ให้เป็น
การท าไปพิจารณาไป และปรับปรุงไป ไม่ท าด้วยอาการเร่งรีบตามความกระหายที่จะสร้างของใหม่เพื่อความ
แปลกใหม่ เพราะความจริงสิ่งที่ใหม่แท้ๆ นั้นไม่มี สิ่งใหม่ทั้งปวงย่อมสืบเนื่องมาจากสิ่งเก่าและต่อไปย่อม
จะต้องกลายเป็นสิ่งเก่า”
- การส่งเสริมหรือสร้างเสริมสิ่งที่ชาวชนบทขาดแคลน และเป็นความต้องการอย่างส าคัญ คือ ความรู้ ด้าน
ต่างๆ
“การใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยในงานต่างๆ นั้น ว่าโดยหลักการควรจะให้ผลมาก ในเรื่องประสิทธิภาพ การ
ประหยัดและการทุ่มแรงงาน แต่อย่างไรก็ตามก็คงยังจะต้องค านึงถึงสิ่งอื่นเป็นพื้นฐานและส่วนประกอบของ
งานที่ท าด้วย อย่างในประเทศของเราประชาชนท ามาหาเลี้ยงตัวด้วยการกสิกรรมและการลงแรงท างานเป็น
พื้น การใช้เทคโนโลยีอย่างใหญ่โตเต็มรูปหรือเต็มขนาดในงานอาชีพหลักของประเทศย่อมจะมีปัญหา เช่น
อาจท าให้ต้องลงทุนมากมายสิ้นเปลืองเกินกว่าเหตุ หรืออาจก่อให้เกิดการว่างงานอย่างรุนแรงขึ้น เป็นต้น ผล
ที่เกิดก็จะพลาดเป้าหมายไปห่างไกลและกลับกลายเป็นผลเสีย ดังนั้น จึงต้องมีความระมัดระวังมากในการใช้
เทคโนโลยีที่ปฏิบัติงานคือ ควรพยายามใช้ให้พอเหมาะพอดีแก่สถานะของบ้านเมืองและการท ากินของราษฎร
เพื่อให้เกิดประสิทธิผลด้วย เกิดความประหยัดอย่างแท้จริงด้วย”
- ทรงน าความรู้ในด้านเทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสมเข้าไปถึงมือชาวชนบทอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
โดยทรงมุ่งเน้นให้เป็นขบวนการเดียวกับที่เป็นเทคโนโลยีทางการผลิตที่ชาวบ้านสามารถรับไปและสามารถไป
ปฏิบัติได้ผลจริง
“ในการท างานทั้งปวงนั้น ทุกคนจะต้องตั้งใจจริง อดทนและขยันหมั่นเพียร ซื่อตรงเห็นอกเห็นใจกัน ถ้อยที
ถ้อยอาศัยกัน มีเมตตามุ่งดีมุ่งเจริญต่อกัน ยึดมั่นในสามัคคีธรรม ความสุจริตทั้งในความคิดและการกระท า
ถือเอาความมั่นคงและประโยชน์ร่วมกันเป็นจุดหมายส าคัญ”
“ในด้านหนึ่งที่ไม่เคยคิดกัน ในด้านการพัฒนา เช่น เจ้าหน้าที่บัญชี ถ้าหากว่าท าการเพาะปลูก ชาวบ้านท าการ
เพาะปลูก เมื่อมีผลแล้วเขาบริโภคเองส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็ขายเพื่อให้ได้ มีรายได้ แล้วก็เมื่อมีรายได้แล้วก็
ไปซื้อของที่จ าเป็นและสิ่งที่จะมาเกื้อกูลการอาชีพของตัว อย่างนี้ไม่ค่อยมีการศึกษากัน เมื่อผลิตอะไรแล้วก็
จ าหน่ายไปก็มีรายได้ก็ต้องท าบัญชี ชาวบ้านท าบัญชีบางที่ไม่ค่อยถูก