Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Basic medical care, 6310410015 นางสาวกุลิสรา ดีไร่ - Coggle Diagram

- - - - ยุง มด หมัด เห็บ แมลงต่าง ๆ เข้าหู
        
        ในเด็กจะร้องไห้ ยิ่งแมลงขยับตัว หรือกัดจะเจ็บทุรนทุรายมาก
    - - กระดุม เมล็ดพืช
    - - ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตใช้น้ำ (ควรเป็นน้ำอุ่น) หยอดเข้าไปในหูให้เต็ม แมลงจะคลานออกมา หรือตายแล้วลอยขึ้นมา แต่ถ้ามีแก้วหูทะลุ ห้ามหยอดน้ำหรือฉีดน้ำเข้าไปเพราะจะทำให้เกิดการอักเสบได้
      - ถ้าใช้น้ำหยอดแล้วแมลงไม่ออกมาจะต้องตะแคงให้น้ำไหลออกให้หมด แล้วหยอดด้วยแอลกอฮอล์ 70 % หรือ หยดอีเธอร์ลงไปเพื่อฆ่าแมลง
      - ใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันมะพร้าวหยอดแทน เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงกัดแก้วหู
      - ถ้าแมลงนั้นตายและลอยขึ้นมาแล้ว ให้ใช้ไม้พันสำลีที่สะอาดทำความสะอาดหูข้างนั้น
        
        ถ้าแมลงนั้นตายและไม่ลอยขึ้นมาอาจจะเป็นเพราะแมลงตัวใหญ่ ควรนำส่งโรงพยาบาล
      - กรณีที่ไม่มีชีวิต ให้ตะแคงหูข้างนั้น อาจหลุดออกมาเอง
        
        นำส่งโรงพยาบาลในรายที่ไม่ออก ไม่พยายามเขี่ยออก เพราะจะยิ่งทำให้วัตถุเลื่อนลงไปอีก
  - - - ห้ามขยี้ตา ให้ลืมตาในน้ำสะอาด น้ำเกลือ 0.9% หรือ Boric acid 3% กรอกตาไปมาผงอาจหลุดออกมา
      - ถ้าผงอยู่ในเปลือกตาด้านล่าง ให้ดึงเปลือกตาล่างลงมาแล้วใช้ผ้าสะอาดเขี่ยออก
      - ถ้าผงอยู่ในเปลือกตาด้านบน ให้ดึงเปลือกตาบนลงมาทับเปลือกตาล่าง ขนของเปลือกตาล่างจะปัดเอาสิ่งแปลกปลอมออก ถ้ายังไม่ออกต้องปลิ้นหนังตาบนออกแล้วใช้มุมชายผ้าสะอาดเขี่ยออก
      - ผงฝังในลูกตา ให้หยอดด้วยน้ำมันมะกอก หรือของเหลวที่สะอาดและไม่ระคายเคืองต่อเยื่อบุตา ให้หลับตา ใช้ผ้าปิดตา แล้วส่งโรงพยาบาล
    - - ด่างจะละลายพวกสารประกอบพวกไขมันที่ผิวของลูกตา ไปในลูกตาได้ลึกกว่าพวกกรด ทำให้โปรตีนที่ผิวของลูกตาตกตะกอน
        
        อาการแสบตา น้ำตาไหลพราก เจ็บปวดตามาก ตาแดง เปลือกตาบวม ตาพร่ามัว
        
        ล้างตาทันทีด้วยน้ำสะอาด ขณะล้างตาให้แหวกตาผู้ป่วยให้กว้าง และบอกให้กรอกตาไปมาเพื่อล้างสารเคมีออกให้มากที่สุด
        
        สารละลายกรด ให้ล้างนาน 30 นาที
        
        เตรียมจัดส่งไปโรงพยาบาล
        
        สารละลายด่างควรล้างนานกว่า 1 ชั่วโมง
        
        ให้ใช้ยาปฏิชีวนะชนิดขึ้ผึ้งป้ายตา
        
        ขึ้ผึ้งป้ายตาคลอแรมเฟนนิคอล
        
        เพื่อป้องกันไม่ให้เปลือกตาติดกัน
        
        ถ้ามีอาการปวดตามากให้รับประทานยาแก้ปวดทันที
  - - - ถ้าเข้าหลอดลมอาจทำให้ทางเดิน หายใจอุดตัน และตายได้
      - กรณีติดคอ จะมีอาการเจ็บเวลากลืน
    - - ถ้าเป็นก้างหรือกระดูกขนาดเล็ก ให้ดื่มน้ำมาก ๆ กลืนก้อนข้าวสุก หรือกลืนขนมปังนุ่ม ๆ สิ่งแปลกปลอม จะหลุดลงกระเพาะอาหาร
      - ห้ามใช้มือแคะ หรือล้วง เพราะจะทำให้เนื้อเยื่อบวมแดง อักเสบติดเชื้อได้
      - ถ้าเห็นสิ่งแปลกปลอมชัดเจน ให้ใช้ไม้กดลิ้นที่พันผ้าก๊อซหรือผ้าสะอาด กดที่โคนลิ้นแล้วใชป้ากคีบ (forceps) คีบสิ่งแปลกปลอมออกมา
      - ถ้ามองไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมเลย ควรนำส่งโรงพยาบาล
      - ซักประวัติเกี่ยวกับวัตถุแปลกปลอมให้แน่ใจว่าคืออะไร
      - ช่วยเอาสิ่งแปลกปลอมออก
        
        เด็กเล็กน้อยกว่า 1 ปี
        
        ให้จับเด็กห้อยศีรษะและตบบริเวณกลางหลัง 5 ครั้ง กดหน้าอก 5 ครั้ง
        
        เด็กโต มากกว่า 1 ปี น้อยกว่า 9 ปี
        
        ให้จับนอนคว่ำพาดบนตักผู้ใหญ่ โดยให้ศีรษะของเด็กห้อยต่ำกว่าลำตัว แล้วตบบริเวณกลางหลัง หรือทำChoking
        
        ผู้ใหญ่
        
        ทำChoking 5 ครั้ง
        
        หมดสติ
        
        Chest compressions
- - - - พิษต่อระบบการแข็งตัวของเลือด (Hematotoxin)
        
        ปวดแผลมาก มีเลือดซึมออกจากแผล เลือดออกจากอวัยวะต่างๆ ระบบไหลเวียนล้มเหลว ตายในที่สุด
        
        งูเขียวหางไหม้ งูแมวเซา และงูกะปะ
      - พิษต่อกล้ามเนื้อ (Mytotoxin)
        
        ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมาปัสสาวะสีแดงคล้ำ จากกล้ามเนื้อถูกทำลาย ตามด้วยไตวาย และหายใจล้มเหลว
        
        งูทะเล
      - พิษต่อระบบประสาท (Neurotoxin)
        
        แขนไม่มีแรง กระวนกระวาย ลิ้นเกร็ง พูดจาอ้อแอ้ ตามัว น้ำลายฟูมปาก เนื่องจากกล้ามเนื้อการ กลืนเป็นอัมพาต หยุดหายใจ และตายในที่สุด
        
        งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยมและงูทับสมิงคลา
    - - ล้างแผลด้วยน้ำและสบู่ ไม่ควรใช้เหล้า ยาสีฟัน ขี้เถ้าทาแผล
        
        บีบเลือดออกจากแผลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ควรใช้ปากดูดหรือเปิดปากแผลด้วยของมีคม
        
        การห้ามเลือดควรใช้ผ้าสะอาดกดแผลโดยตรง
        
        พยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด เพราะเคลื่อนไหวมากทำให้พิษของงูเข้าสู่กระแสเลือดเร็วขึ้น
        
        วางอวัยวะส่วนนั้นให้ต่ำหรือระดับเดียวกับหัวใจ
        
        ให้ยาแก้ปวดได้ แต่ห้ามใช้ยาที่มีฤทธิ์แอลกอฮอล์ ยาระงับประสาท ยานอนหลับ ยาดองเหล้า
      - ข้อควรระวัง
        
        อาการของพิษงูเกิดได้ตั้งแต่ 15-30 นาที หลังถูกกัด หรือ อาจนานถึง 9 ชม. จึงต้องเฝ้าสังเกตอาการอย่างต่อเนื่อง
        
        การฉีดเซรุ่มแก้พิษงู ส่วนใหญ่ทำมาจากม้า ซึ่งอาจแพ้ได้ จึงควรฉีดต่อเมื่อมีอาการของพิษงูเท่านั้น
  - - - พิษปานกลาง
        
        เจ็บแปล๊บ เป็นรอยไหม้
        
        กะพรุนไฟ
      - พิษร้ายแรง
        
        เจ็บรุนแรง ช็อค อาจเสียชีวิต
        
        กะพรุนกล่อง กะพรุนขวดเขียว/หมวกโปรตุเกส(Portuguese man of war)
      - พิษอ่อน
        
        คัน ผื่น
        
        กะพรุนหนัง กะพรุนลอดช่อง กะพรุนหอม
    - - ให้ขึ้นจากน้ำทันที
        
        ใช้น้ำส้มสายชูราดบริเวณแผลหรือใช้น้ำทะเลชะล้างแรงๆหรือเทน้ำร้อนประมาณ 40-45 ํC จะช่วยบรรเทาพิษได้
        
        กะพรุน กะพรุนขวดเขียว/หมวกโปรตุเกส(Portuguese man of war) ห้ามใช้น้ำส้มสายชูหรือน้ำเปล่าราดเด็ดขาด
        
        ห้ามถูหรือใช้บัตรเขี่ยหรือสัมผัสแผลด้วยมือเปล่า
        
        หากมีอาการแพ้รุนแรง เช่น หอบ หายใจไม่ออก ให้นำส่งโรงพยาบาลเร็วที่สุด
  - - - รีบล้างแผลด้วยน้ำและสบู่หลาย ๆ ครั้ง พยายามล้างให้เข้าถึงรอยลึกของแผล ถ้าไม่มีสบู่ใช้ผงซักฟอกแทนก็ได้
        
        ทำความสะอาดซ้ำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น alcohol 70%
        
        ถ้าแผลฉกรรจ์มีเลือดออก ควรปล่อยให้เลือดออกก่อนระยะหนึ่งเพื่อล้างน้ำลายซึ่งอาจมีเชื้อไวรัสออก
        
        ถ้าสามารถเฝ้าดูอาการสัตว์ (กรณีที่มีเจ้าของ) ควรกักขังและเฝ้าดูอาการอย่างน้อย 10 วัน
        
        กรณีที่สัตว์ตาย ควรนำส่งเพื่อตรวจหาเชื้อด้วย
        
        ควรรีบมาพบแพทย์ เพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และวัคซีนป้องกันบาดทะยักทันที ไม่จำเป็นต้องรอให้สัตว์มีอาการก่อน
- - - - ทำให้เจ็บปวด ปวดแสบปวดร้อนและมีอาการอักเสบต่อมา
        
        ฟอสฟอรัส สารหนู อาหารเป็นพิษ
    - - ทำให้หมดสติ หลับลึก ปลุกไม่ตื่น ม่านตาหดเล็ก
        
        ฝิ่น มอร์ฟีน พิษจากงูเห่า งูจงอาง
    - - ทำให้เนื้อเยื่อของร่างกายไหม้พอง
        
        สารละลายกรด-ด่าง น้ำยาฟอกขาว
    - - ทำให้เกิดอาการเพ้อคลั่ง ใบหน้าและผิวหนังแดง ตื่นเต้น ชีพจรเต้นเร็ว ม่านตาขยาย
        
        Atropine พืชลำโพง
  - - - ต้องประเมินว่าผู้ป่วยรับสารพิษเข้าไปหรือไม่ โดยดูจากอาการและสิ่งแวดล้อม ที่พบผู้ป่วยร่วมด้วย เพื่อหาชนิดของสารที่รับประทานเข้าไป หรือ เก็บตัวอย่างอาเจียนไปให้แพทย์ตรวจ
      - ทำให้สารพิษเจือจาง
        
        กรณีที่ผู้ป่วยรู้สึกตัวและไม่มีอาการชัก
        
        ให้ดื่มน้ำหรือนม
        
        หากกินสารพิษที่เป็นกรด ให้ดื่มด่างอ่อนๆ เช่น น้ำปูนใส ผงชอล์คละลายน้ำ
        
        หากกินสารพิษที่เป็นด่าง ให้ดื่มกรดอ่อนๆ เช่น น้ำส้มสายชู น้ำส้มคั้น น้ำมะนาว
      - นำส่งโรงพยาบาลภายใน 15 นาที
      - ทำให้ผู้ป่วยอาเจียน เพื่อเอาสารพิษออกจากร่างกาย ในกรณีที่ต้องใช้เวลานานในการนำส่งไปโรงพยาบาล
        
        ห้ามทำให้อาเจียนในกรณีดังนี้
        
        หมดสติ หรือไม่ค่อยรู้สึกตัว
        
        รับประทานสารพิษชนิดกัดเนื้อ
        
        รับประทานสารพิษพวกน้ำมันปิโตรเลียม เช่น น้ำมันก๊าด น้ำมันเบนซิน น้ำมันสน
        
        สุขภาพไม่ดี เช่น โรคหัวใจ
      - ดูดซับสารพิษในระบบทางเดินอาหาร
        
        Activated charcoal ลักษณะเป็นผงถ่านสีดำ ให้ใช้ 1 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 1 แก้ว ให้ผู้ป่วยดื่ม
        
        ระวังในคนที่มีภาวะ gastrointestinal obstruction
      - ทำGastric lavage
        
        ห้ามใช้วิธีนี้หากได้รับสารกัดกร่อน
- - - - กรณีหลังสัมผัสโรค เช่น เมื่อมีบาดแผล
  - - - category ll
        
        ถูกข่วน งับ มีรอยถลอก ไม่มีเลือดออก หรือเลือดออกซิบๆ
        
        ล้างแผลด้วยสบู่ 15 นาที ฉีด RIG และวัคซีน
      - category lll
        
        ถูกข่วน ถูกกัด จนมีแผลเลือดออก ถูกเลียบริเวณแผลหรือเยื่อบุ
        
        ล้างแผลด้วยสบู่ 15 นาที ฉีดวัคซีน
      - category l
        
        ถูกเลีย สัมผัสน้ำลาย ไม่มีแผลถลอก
        
        ล้างบริเวณที่สัมผัส ไม่ต้องฉีดวัคซีน