การดูแลรักษาโรคเบื้องต้นกลุ่มอาการฉุกเฉิน: เป็นลม หมดสติ ชัก การเสียโลหิต จมน้ํา ช็อค และการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน
เป็นลม
ภาวะหมดสติชั่วคราว เกิดทันทีทันใด จากเลือดไปเลี้ยงสมองลดลง -> สูญเสียการทรงตัว แต่สามารถกลับคืนดีได้เอง
ซักประวัติ
ต้องอาศัยข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้อื่น ซึ่งการประเมินความน่าเชื่อถือของผู้ให้ประวัติที่อาจเห็นเหตุการณ์เองจึงเป็นสิ่งที่มีความสําคัญ รวมทั้งสภาพแวดล้อม กิจกรรม หรือสิ่งกระตุ้นก่อนที่ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกตัว
หมดสติ
อาการชัก (seizure)
ภาวะการเสียโลหิต
จมน้ํา
ภาวะช็อค
อาการก่อนที่จะไม่รู้สึกตัว ex. ตาลาย(ไม่ใช่บ้านหมุน) มองเบลอๆ/เห็นเหลืองๆ ไม่มีแรง เหงื่อแตก ซีด ใจสั่น อาการจากความผิดปกติของสมอง ex. อ่อนแรงบางส่วน บ้านหมุน พูดผิดปกติ
บางรายไม่มีอาการนำ
อาการขณะไม่รู้สึกตัว ลักษณะการล้ม ระยะเวลาที่ไม่รู้สึกตัว
อาการหลังจากผู้ป่วยเริ่มรู้สึกตัว
ประวัติอื่นๆ ex. ประวัติที่อาจบ่งชี้ว่าผู้ป่วยเสียเลือดหรือขาดสารน้ํา อาการไม่รู้สึกตัวครั้งก่อนๆ U/D โดยเฉพาะโรค cardio neuro หรือ DM ยาที่ใช้ และประวัติเกี่ยวกับ โรคหัวใจหรือการเสียชีวิตในครอบครัวที่อาจเกิดจากโรคหัวใจ
PE
V/S, HRในท่านอน/ยืน, การขาดน้ำ/ซีด, ความผิดปกติของหัวใจ&ระบบประสาท, การบาดเจ็บ/การกัดลิ้น/แผลต่างๆ
ข้อมูลเชิงคลินิก
ระดับน้ำตาลในเลือด
ความเข้มข้นของเลือด
การพยาบาล
ABCs
จัดให้อยู่ที่ร่ม อาการถ่ายเท นอนราบไม่หนุนหมอน คลายเสื้อผ้าให้หลวม
ตะแคงหน้าด้านใดด้านหนึ่ง นำสิ่งแปลกปลอมออกจากปาก
อาการไม่ดีขึ้นจนมีระบบหายใจ/ไหลเวียนโลหิตไม่ทํางานต้องช่วยฟื้นคืนชีพ ⚠
สงสัยภาวะผิดปกติของระดับน้ําตาล ให้ตรวจระดับน้ําตาลในเลือด หาก < 40
รักษาตาม guideline
ถ้าเกิดจาก vasovagal reflex
นวดหลอดเลือด carotid ข้างละ 5-10 วินาที ทําจากข้างขวา -> ซ้าย
แก้ไขสาเหตุของอาการเป็นลม
ซักประวัติ
PE
ข้อมูลเชิงคลินิก
การพยาบาล
จากญาติ ผู้เห็นเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่หรือผู้นําส่ง
ซัก ประวัติโดยตรงและการซักประวัติเพิ่มเติมเพื่อประเมิน
ระดับความรู้สึกตัวลดลงดําเนินไปอย่างรวดเร็วเพียงใด
อาการก่อนที่จะหมดสติ ex. สับสน อ่อนแรง ปวดศีรษะ มีไข้ ชัก เวียนศีรษะ เห็นภาพซ้อน N/Vเจ็บแน่นหน้าอก
ประวัติการใช้ยา การใช้สารเสพติด แอลกอฮอล์
U/D
ร่องรอยถูกทำร้าย เศษอาหารจากการอาเจียน ยาเกินขนาด สารพิษ ภาวะทาง metabolic การมีปัสสาวะ/อุจจาระราด อาจสงสัยอาการชัก/ความผิดปกติของ CNS
V/S, LOC
ระดับน้ําตาลในเลือด
ความเข้มข้นของเลือด
ประเมิน ABCs
ประเมินหาสาเหตุของการหมดสติ
ให้ออกซิเจน/IVF
ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงกึ่งคว่ำไปด้านใดด้านหนึ่ง ไม่หนุนหมอน จับศีรษะและคอแหงนเชิดขึ้นเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ลิ้นตกไปอุดกั้นทางเดินหายใจ
Keep warm
NPO
หมดสติ + hypoglycemia < 70 mg/dl
ให้ 50% glucose ทางหลอดเลือดดํา
หมดสติจากการกินสารพิษมาภายในชม.
Refer สถานบริการที่มีความพร้อม
NG lavage ยกเว้นกินกรด/ด่าง
ซักประวัติ
อาการก่อนชัก (preictal symptoms)
อาการชัก (seizure symptom หรือ seizure semiology)
อาการหลังชัก (postictal symptoms)
ปวด ศีรษะ ซึม หลับ สับสน หรือมีอาการทางจิต เช่น หูแว่ว เห็นภาพหลอน
บางรายอาจมีอาการแขนขาอ่อนแรงเป็นซีก เช่น แขนซ้ายไม่ สามารถขยับได้ (Todd’s paralysis)
ระยะเวลานานเท่าใดจนกระทั่งผู้ป่วยกลับมาเป็นปกติ
ปัจจัยกระตุ้นอาการชัก (precipitating or trigger factors)
การเจ็บป่วยปัจจุบันที่อาจเป็นสาเหตุของอาการชัก เช่น การติดเชื้อในสมอง อุบัติเหตุของศีรษะระยะ เฉียบพลัน โรคหลอดเลือดสมองระยะเฉียบพลัน ความผิดปกติทางเมตาโบลิก หรือมีไข้สูงในเด็ก เป็นต้น
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีตโดยเฉพาะโรคทางระบบประสาท
U/D ยาที่ใช้ประจําและสารเสพติด
psychosocial history
ประวัติโรคลมชักและโรคทางพันธุกรรมต่าง ๆ ในครอบครัว
PE
เด็กที่มีอาการชัก
ผู้ใหญ่ที่มีอาการชัก
การพยาบาล
LOC ประเมิน ABCs
ดูแล Airway clear ให้ออกซิเจน
จัดให้อยู่ที่ที่ปลอดภัย
จัดท่านอนกึ่งคว่ำไปด้านใดด้านหนึ่ง ป้องกันสำลัก/ลิ้นตกอุดกั้นทางเดินหายใจ
ให้ IVF สำหรับฉีดยากันชักซ้ำ
NPO
กรณีชักไม่หยุด (status epilepticus)
ให้ยาระงับชักทางหลอดเลือด หรือสวนทวารหนัก
(ตามแผนการรักษาสําหรับภาวะชัก standing order)
เกณฑ์ประเมินภาวะการเสียโลหิตนําไปสู่ระดับความรุนแรงของ Hypovolemic shock
ซักประวัติ
หาสาเหตุ
อาการสำคัญ/อาการร่วม
ประเมินความรุนแรง
เสียเลือดจากการบาดเจ็บ: ลักษณะการบาดเจ็บบาดแผล การช่วยเหลือที่ได้รับก่อนมา เวลาอาหารมื้อสุดท้ายที่รับประทาน
เสียเลือดที่ไม่ใช่จากการบาดเจ็บ
อาการสําคัญ เช่น อาการเลือดออกผิดปกติ ได้แก่ อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด/ถ่ายดํา มีเลือดออกทางช่องคลอด เลือดกําเดา แน่นท้อง ท้องตึง
อาการร่วม เช่น อาการปวด ตําแหน่ง ลักษณะอาการปวด ระยะเวลาที่ปวด อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หายใจลําบาก สับสน เวียนศีรษะ ตาลาย เหงื่อออก มือเท้าเย็น ผิวซีด/เหลือง เจ็บหน้าอก ใจสั่น เป็นลม หมดสติ
ปริมาณเลือดที่ออกก่อนมา
ระดับความรู้สึกตัว อาการสับสน วุ่นวาย กระสับกระส่าย
ปัสสาวะครั้งสุดท้าย/ปริมาณปัสสาวะใน 24 ชม.
PE
Conscious & Primary assessment
Secondary assessment
ข้อมูลเชิงคลินิก
การพยาบาล
ประเมินสภาพ
แก้ไขสาเหตุการเสียเลือด
สารน้ำทดแทน
LactateRinger’ssolution/
NSS ปริมาณ 3-4 เท่าของปริมาณเลือดที่เสียไป
ให้ออกซิเจนที่เหมาะสม
Retain Foley’s catheter
record ข้อมูลสำคัญ& refer
พยาธิสภาพ
แสดงเกณฑ์และระดับความรุนแรงของภาวะช็อค
ซักประวัติ
Hypovolemic shock
Cardiogenic shock
Septic shock
Anaphylactic shock
Neurogenic shock
hypoadrenal shock
Metabolic shock
การลดลงของ preload เกิดจากการสูญเสียเลือด/สารน้ําในร่างกายไป
จากความผิดปกติของหัวใจหรือหลอดเลือดขนาดใหญ่ ซักประวัติการเจ็บป่วยในอดีตโดยเฉพาะโรคเรื้อรัง และโรคหลอดเลือด สาเหตุที่ทําให้เกิดอาการกําเริบรุนแรง ex. ออกแรงมากกว่าปกติ ความเครียด การขาดยา เป็นต้น
ประเมินความเสี่ยงของการเกิด sepsis ที่จะทําให้เกิดภาวะช็อค โดยใช้เกณฑ์ qSOFA Score 1) ระดับความรู้สึกตัวลดลง GCS น้อยกว่า 15 คะแนน 2) RR >= 22 ครั้ง/นาที และ 3) ระดับ SBP <= 100 mmHg
คะแนนรวม >= 2 ให้ผลบวก มีความเสี่ยงต่อ sepsis
มีประวัติอาการแพ้อย่างรุนแรง จากการได้รับสารก่อภูมิแพ้
ได้รับการบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะ (head injury) บาดเจ็บเหนือ กระดูกไหปลาร้า หรือบาดเจ็บที่หน้าอย่างรุนแรง การตกจากที่สูงมากกว่า 6 เมตร หรือการตกจากที่สูงในแนวดิ่ง การกระเด็นออกจากยานพาหนะ การได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่ทรวงอก/ช่องท้อง การบาดเจ็บจากการแขวนคอ (hanging)
การขาดยาที่มีสเตียรอยด์เป็นส่วนผสม เช่น ยาลูกกลอน ยาลม เป็นต้น
ประวัติ DM ที่มี Hypoglycemia หรือ Alcohol withdrawal โรคตับแข็ง ไตวายเรื้อรัง ที่มีภาวะของเสียคั่งในร่างกาย
อาการแสดงตามระบบ
การตรวจร่างกายที่สำคัญ
ข้อมูลเชิงคลินิก
การพยาบาล
LOC ประเมิน ABCs
นอนราบเพิ่มการไหลเวียนของเลือดจากส่วนปลายกลับสู่หัวใจ เพิ่มเลือดไปเลี้ยงสมอง
ให้ออกซิเจน & keep warm
IVF (NSS/LRS) เพื่อรักษา V/S
NPO
Retain Foley’s catheter ดูปริมาณ urine
แก้สาเหตุของภาวะช็อค ex. หากมี bleeding ให้ Stop bleed, น้ำตาลต่ำให้กลูโคส
Fatal drowning หมายถึง การจมน้ําซึ่งผู้ป่วยเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หรือเสียชีวิตภายใน 24 ชม.แรก
Nonfatal drowning หมายถึง การจมน้ําและยังมีชีวิตอยู่มากกว่า 24 ชม. ซึ่งผู้ป่วยอาจหายเป็นปกติ หรือเสียชีวิตก็ได้
พยาธิสรีรวิทยา
จมน้ำ กลั้นหายใจตาม reflex ขณะที่บ้วน/กลืนน้ำลายมาก น้ำบางส่วนเข้าทางเดินหายใจ ทำให้ไอ อาจเกิด Laryngospasm ในการกั้นไม่ให้น้ำเข้า แต่เกิดเพียงชั่วครู่
Hypoxia & Hypercapnia
หมดสติและหยุดหายใจ จาก tachycardia -> bradycardia -> pulseless electrical activity -> asystole
หากได้รับการช่วยเหลือ
น้ำในถุงลมทำให้สูญเสีย surfactant
เยื่อบุบริเวณถุงลม มีการรั่วของสารน้ํา เกลือแร่ออกมา
pulmonary edema
การพยาบาล
ให้ออกซิเจน& keep warm
เอาสิ่งแปลกปลอมในปากออก
ระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตหยุดทํางาน > CPR หลีกเลี่ยง neck flexion & extension
ห้ามกดท้อง (Abdominal thrust) หรือ Heimlich manuever (AHA Class III, LOE C) > ล่าช้าในการช่วยผายปอดครั้งแรก/อาเจียนเพิ่มขึ้น
ประเมินความรู้สึกตัว ABCs
การช่วยหายใจในครั้งแรก แนะนําให้ 5 ครั้ง (ตาม European Resuscitation Council; ERC) ตามด้วยการกดนวดหน้าอก 30 ครั้ง และเข้าวงรอบ 30:2
BP ลดลง/มีภาวะช็อค > IVF
recovery position ในแนวระนาบขนานกับฝั่ง
จมน้ําเค็มให้ hypotonic solution
จมน้ําจืดให้ isotonic solution
ดูแลบาดแผล และประเมินอาการบาดเจ็บร่วม ถ้าสงสัยว่ามีกระดูแลหลังหัก (spinal injury) /การบาดเจ็บที่ศีรษะ (head injury) ให้ดูแลเหมือนกระดูกสันหลังหัก หรือการบาดเจ็บที่ศีรษะ
Refer
นางสาวชนกนันท์ บุญเดช รหัส 6310410028