Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Eyes, Ears, Nose, and Throat (EENT), หัวข้อที่ 4 หู ตา คอ จมูก, โดย…

- - - - โรคที่ควรคำนึงถึง ได้แก่ เยื่อตาขาวอักเสบจากเชื้อไวรัส กุ้งยิง หนัง ตาอักเสบ ท่อน้ำตาอุดตัน ต้อหิน
      - มี 3 ประเภท
        
        ปวดร่วมกับการใช้สายตา เป็น ๆ หาย ๆ
        
        ปวดร่วมกับการอักเสบของเนื้อเยื่อลูกตา
        
        ปวดร่วมกับความดันลูกตาผิดปกติ
        
        Normal IOP <= 20 mmHg
    - - อาจเป็น
        
        ต้อกระจก ต้อหิน
    - - เยื่อตาขาวอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
        / Bacterial conjunctivitis
      - เยื่อตาขาวอักเสบจากการแพ้
        /Allergic conjunctivitis
      - เยื่อตาขาวอักเสบจากเชื้อไวรัส /Viral conjunctivitis
      - ท่อน้ำตาอุดตัน /Nasolacimal Duct Obstruction
      - ต้อเนื้อ /Pterygium
  - - - อาการและอาการแสดง
        
        ตาแห้ง คันตา หรือเจ็บตา
        
        เห็นจุดหรือมีเส้นใยบาง ๆ ในดวงตา
        
        เส้นเลือดฝอยในดวงตาแตก
        
        อาการตากลัวแสงหรือไม่สู้แสง
        
        การมองเห็นไม่ชัดเจนในระยะใกล้
        หรือในตอนกลางคืน
        
        มีขี้ตา มีน้ำตามาก หรืออาจมีเลือดออกจากดวงตา
      - อาการที่ผู้ป่วยต้องพบแพทย์ทันที
        
        ปวดลูกตามาก
        
        บริเวณตาขาวเริ่มเป็นสีแดง
        
        ปวดศีรษะรุนแรง
        
        เห็นแสงสีรุ้ง
        
        คลื่นไส้อาเจียน
        
        มีปัญหาในการมองเห็น หรือสูญเสียการมองเห็นบางส่วนหรือทั้งหมดชั่วคราว
      - การรักษาและการพยาบาล
        
        การรักษาเบื้องต้นตามอาการ
        
        ปิดตาและให้ยาระงับการปวด
        
        คำแนะนำ
        
        เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา เช่นผักใบเขียว ผักสีม่วง หรือเนื้อปลา ซึ่งมี ส่วนประกอบของกรดไขมันโอเมก้า 3
        
        งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง
        
        สวมแว่นกันแดดตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่แจ้ง หรือแว่นตาป้องกันขณะทำงานในบริเวณที่มีสารเคมีหรือฝุ่นละออง
        
        การตรวจตาเป็นประจำ
        
        ทุกช่วงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว อาทิ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
    - - อาการและอาการแสดง
        
        ตาแดง หนังตาบวม
        
        ขี้ตามากเป็นสีเหลือง/สีเขียว มักมีอาการอักเสบของตาทั้งสองข้าง โดยเป็นที่ตาข้างหนึ่งก่อน แล้วจึงลามมาอีกข้างหนึ่ง
        
        ไม่มีอาการปวดตา หรือเคืองตามาก ไม่คัน และต่อมน้ำเหลืองที่หน้าหูไม่โต
      - พบบ่อยในคนสูงวัย มักหายได้เองใน 10-14 วัน
      - การรักษาพยาบาลโรคและคำแนะนำเบื้องต้น
        
        ยาป้ายตา
        
        ขี้ผึ้งป้ายตา Tetracycline
        
        ใช้ก่อนนอนเพื่อป้องกันไม่ให้ตาติดกัน
        
        ก่อนใช้ยา ให้ใช้น้ำต้มสุกเช็ดขี้ตาออก
        
        ยาหยอดตา
        
        Neosporins
        
        Chloramphenica
        
        ครั้งละ 1-2 หยด ทุก 2-4 ชั่วโมง
        
        ยาปฏิชีวนะ
        
        กรณีหนังตาบวมมาก
        
        Cloxacillin หรือ Erythromycin 250-500 มก. วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็นและก่อนนอน
        
        ยาแก้ปวด
        
        ดพาราเซตามอล 500 มก. 1 เม็ดทุก 4-6 ชั่วโมงเมื่อปวด
        
        ส่วนมากอาการจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ควรให้ยาต่อ 5-7 วัน แต่หากอาการไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์
    - - อาการและอาการแสดง
        
        เคืองตา น้ำตาไหล มีขี้ตาเล็กน้อย
        
        ต่อมน้ำเหลืองที่หน้าหูโต
        
        บางรายอาจมีไข้ เจ็บคอ อ่อนเพลียร่วมด้วย มักจะเริ่มเป็นที่ตาข้างหนึ่งก่อนแล้วจึงลามมา อีกข้างหนึ่ง มักพบว่าเป็นพร้อมกันหลายคน
      - พบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ อาจพบระบาด ในช่วงเดือนมิถุนายน ถึงธันวาคม
      - ติดเชื้อไวรัสติดต่อโดยการสัมผัสมักเป็นข้างหนึ่งแล้วลามมา อีกข้างหนึ่ง
      - การรักษาพยาบาลโรคและคำแนะนำเบื้องต้น
        
        ยาหยอดหรือยาป้ายตาที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ
        
        ยาหยอดหรือยาป้ายตาที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ
        
        ครั้งละ 1-2 หยด ทุก 2-4 ชั่วโมง
        
        เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
        
        หากไม่ดีขึ้นใน 1 สัปดาห์ หรือกระจกตาขุ่นมัวหรือเป็นแผล ควรส่งพบแพทย์
        
        ห้ามใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์
        
        อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น กระจกตาอักเสบ
    - - ที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ พบเป็นสาเหตุต้น ๆ ของอาการคันตา ตาแดง
      - อาการและอาการแสดง
        
        คันตามาก โดยมักจะคันตรงหัวตา ต้องขยี้ ยิ่งขยี้ยิ่งคัน ถ้าขยี้มาก ๆ หนังตาจะบวมช้ำ
        
        ตาขาวจะมีสีแดงเรื่อๆ ตาแดงเล็กน้อย หนังตาบวม
        
        มักมีน้ำตาไหล ตอนแรกน้ำตาจะใส ต่อมาจะเหนียว มักไม่มีขี้ตา หรือมีเพียงเล็กน้อย มีลักษณะใสๆ หรือเป็นสีขาว บางรายที่แพ้รุนแรง เยื่อตาขาวอาจบวมเป่งเป็นเยื่อใส ๆ
      - การรักษาพยาบาลโรคและคำแนะนำเบื้องต้น
        
        ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์
        
        ใช้เท่าที่จำเป็น แต่ละครั้งไม่ควรใช้ติดต่อกัน เกิน 7 วัน เพราะใช้ติดต่อนาน ๆ อาจทำให้กลายเป็นต้อหินเรื้อรังได้
        
        เป็นมาก ให้ยาแก้แพ้
        
        Chlorpheniramine ครั้งละ ½ – 1 เม็ด วันละ 2-3 ครั้ง
        ถ้ารู้สึกคันมาก
        
        แนะนำ อย่าขยี้ตา ควรประคบด้วยน้ำแข็งโดยใส่ก้อนน้ำแข็งไว้ในถุงพลาสติกเอาผ้าเช็ดหน้า สะอาดห่ออีกชั้นวางประคบลงบนเปลือกตาข้างที่คัน
        
        แนะนำ สังเกตสิ่งที่แพ้ เช่น อาหาร ยา เครื่องสำอาง ฝุ่น ควัน ละอองเกสร ขนสัตว์ ความร้อน ความเย็น เป็นต้น แล้วหาทางหลีกเลี่ยง
    - - อาการและอาการแสดง
        
        ปวดเปลือกตาตุบ ๆ
        
        เฉพาะที่จุดใดจุดหนึ่ง เวลาก้มศีรษะต่ำกว่าระดับเอว จะปวดมากขึ้น
        
        เป็นตุ่มแข็ง เมื่อเอามือไปแตะจะรู้สึกเจ็บ ต่อมาจะนุ่มลงบางครั้งมีหนองนูนเป่ง เห็นเป็นหัวขาว ๆ เหลือง ๆ โดยมากจะขึ้นเพียงตุ่มเดียว ที่เปลือกตาบนหรือล่างก็ได้
        
        เปลือกตาบวม หรือมีขี้ตาไหล กุ้งยิงขึ้นที่หางตา
        
        จะมีอาการรุนแรง อาจทำให้ หนังตาบวมแดงจนตาปิด ถ้าปล่อยทิ้งไว้ 4-5 วันต่อมา ตุ่มฝีมักจะแตกเองแล้วหัวฝีจะยุบลง และหายปวด
        
        ถ้าหนองระบายได้หมดก็จะยุบหายไปภายใน 1 สัปดาห์
        
        ผู้ป่วยที่เคยเป็นกุ้งยิงมาครั้งหนึ่งแล้ว อาจจะมี อาการกำเริบเป็นๆ หายๆ อาจเป็นตรงจุดเดิม หรือย้ายที่ หรือสลับข้างไปมาได้
        
        รายที่เป็นกุ้งยิงชนิดหัวหลบใน
        
        จะพบตุ่มนูนอยู่ใต้เปลือกตา กดถูกเจ็บเมื่อปลิ้นเปลือกตา จะเห็นหัวฝีซ่อนอยู่ภายใน
        
        ถ้าเป็นมากอาจทำให้มีหนังตาอักเสบร่วมด้วย
      - การรักษาพยาบาลโรคและคำแนะนำเบื้องต้น
        
        เมื่อเริ่มขึ้นเป็นตุ่มฝีใหม่ๆ ซึ่งเป็นตุ่มแข็ง ยังไม่กลัดหนอง
        
        ประคบด้วยน้ำอุ่นจัด ๆ โดยใช้ผ้าสะอาดห่อหุ้มปลายด้ามช้อน แล้วชุบน้ำอุ่นจัด ๆ กด ตรงบริเวณหัวฝี และนวดเบา ๆ
        
        ทำเช่นนี้วันละ 4 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาทีหลังประคบทุกครั้ง ให้ใช้ยาหยอดตาหรือป้ายตาที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ
        
        ถ้าเป็น ๆหาย ๆ บ่อย
        
        อาจมีภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น เบาหวาน สายตาผิดปกติ เป็นต้น ควรแนะน าไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่ชัดเจน
    - - อาการและอาการแสดง
        
        รู้สึกเคืองตาคล้ายมีอะไรเข้าตา
        
        ปวดร้อน
        
        อาจมีอาการคันร่วมด้วย
        
        น้ำตาไหลและกลัวแสงในรายที่เป็นชนิดแผลเปื่อย
        
        มีคราบหนองติดที่ขอบตา เมื่อเขี่ยออก อาจมีเลือดซึม
        
        ต่อมขนตาที่จอยตาจะเป็นตุ่มหนองแล้วแตกเป็นแผล
        
        เวลาตื่นนอนตาจะติดเพราะมีคราบหนอง
        
        ผู้ป่วยอาจมีประวัติเป็นกุ้งยิง เป็นๆหายๆ บ่อย หากเป็นเรื้อรังอาจทำให้ขนตาร่วง เกิดแผลเป็นที่ตรงขอบตาและ อาจทำให้มีแผลที่กระจกตาได้
      - การรักษาพยาบาลโรคและคำแนะนำเบื้องต้น
        
        รายที่เป็นแผลเปื่อยและมีคราบหนอง
        
        ให้ใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำต้มสุกหรือน้ำเกลือเช็ดชำระ ให้สะอาด
        
        ประคบด้วยน้ำอุ่นจัดๆ
        
        ใช้ยาป้ายตาที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะป้ายที่ขอบหนังตา
        
        วันละ 3-4 ครั้ง
        
        รายที่มีการอักเสบมากให้รับประทานยา
        
        Cloxacillin หรือ Erythromycin 250-500 มก. วัน ละ 4 ครั้ง ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงเป็นเวลา 5-7 วัน หากไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์
        
        รายที่ไม่มีแผลเปื่อย มีเพียงเกล็ดสีขาวของรังแค
        
        ให้ใช้ไม้พันสำลีชุน้ำต้มสุก หรือน้ำเกลือ เช็ดชำระออก และใช้แชมพูรักษารังแคสระผม
        
        หากคันมาก บวมแดงมาก ให้ใช้ยาหยอดตาสเตียรอยด์ ทาบริเวณขอบตา วันละ 3-4 ครั้ง
    - - อาการและอาการแสดง
        
        มีน้ำตาไหลมาก
        
        มีขี้ตามากเป็นครั้งคราว
        
        เมื่อเกิดการอักเสบของถุงน้ำตา จะพบตุ้มนูนตรวหัวตา ใช้นิ้วกดจะมีหนองไหลออกมาในตาและตุ่มนูนก็ยุบลง แต่ต่อมาจะนูนขึ้นอีก หากเป็นรุนแรงจะปวด แดง ร้อน คล้ายฝี อาจแตก มีน้ำตาและหนองไหล
      - การรักษาพยาบาลโรคและคำแนะนำเบื้องต้น
        
        ถ้าพบคนที่มีอาการน้ำตาไหลมากผิดปกติ ควรแนะนำไปพบแพทย์
        
        ถ้าพบว่ามีถุงน้ำตาอักเสบ ควรใช้น้ำอุ่นจัดๆ ประคบให้ยาแก้ปวดและยาป้ายตา หรือยาหยอดปฏิชีวนะ
        
        ถ้าอักเสบรุนแรงให้ยาปฏิชีวนะ
        
        Cloxacillin หรือ Erythromycin 250-500 มก. วัน ละ 4 ครั้ง ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงเป็นเวลา 5-7 วัน หากไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์
    - - อาการและอาการแสดง
        
        เห็นแผ่นเนื้อเยื่อสามเหลี่ยมสีเหลืองๆ ที่บริเวณตาขาวชิดตาดำ
        
        ส่วนมากเกิดด้านหัวตา ส่วนน้อยที่หางตา เพราะหัวตามีโอกาสกระทบกับสายเหตุที่ทำให้เกิดต้อเนื้อได้มากกว่า
        
        ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกว่ามีอาการผิดปกติ บางครั้งมีการอักเสบ จะมีอาการเคืองตา น้ำตาไหล ตา แดง หรือมีอาการปวดเล็กน้อยในบางราย
        
        เมื่อเป็นระยะเวลานานอาจลุกลามไปถึงกลางตาด าท าให้เกิดตามัว
        
        บางรายอาจเป็นต้อเนื้อที่หัวตาและหางตาพร้อมกัน อาจเป็นตาข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้
      - การรักษาพยาบาลโรคและคำแนะนำเบื้องต้น
        
        ถ้าไม่มีการอักเสบและเป็นน้อยๆ
        
        ไม่ต้องทำอะไร แต่ควรสวมแว่นตากันแดดเวลาออกนอก บ้าน เพื่อป้องกันมิให้ต้อเนื้อลุกลาม
        
        ถ้ามีอาการอักเสบ
        
        ให้ใช้ยาหยอดตาปฏิชีวนะ ฮิสตาออป หยอดทุก 2-4 ชั่วโมงจนกว่าจะหาย อักเสบ
        
        รอจนกระทั่งต้อเนื้อยื่นเลยขอบตาด าเข้าไป 3-4 มิลลิเมตร ค่อยแนะนำให้พบแพทย์เพื่อทำ การผ่าตัดลอกออก
    - - อาการและอาการแสดง
        
        ตาค่อยมัวลงทีละน้อย
        
        ระยะแรกจะรู้สึกเหมือนมีหมอกบัง
        
        มองในที่มืดชัดกว่าที่สว่าง
        
        มองที่สว่างรู้สึกพร่ามัว สู้แสงไม่ได้หรือเห็นภาพซ้อน
        
        ตามัวมากขึ้นทำให้แก้วตาขุ่นส่งผลให้มองไม่เห็น
      - การรักษาพยาบาลโรคและคำแนะนำเบื้องต้น
        
        ส่งไปพบจักษุแพทย์
      - เป็นภาวะที่แก้วตาหรือเลนส์ภายในลูกตามีลักษณะขุ่นขาวขึ้นจากปกติที่มี ลักษณะโปร่งใสเหมือนกระจก เมื่อแก้วตาขุ่นขาวก็จะมีลักษณะทึบแสง ไม่ยอมให้แสงผ่านเข้าสู่ลูกตาไป รวมตัวที่จอตาทำให้เกิดอาการตาฝ้าฟางหรือมืดมัว
    - - อาการและอาการแสดง
        
        Acute
        
        ปวดลูกตาและศีรษะข้างใดข้างหนึ่งเฉียบพลันอย่างรุนแรง
        
        เป็นระยะเวลานานร่วมกับตาพร่ามัว
        เห็นแสงสีรุ้ง คลื่นไส้อาเจียน
        
        Chronic
        
        ตาจะมัวลงทีละน้อย
        
        ระยะแรกไม่รู้สึกผิดปกติ
        
        อาจมึนศีรษะ อ่านหนังสือแล้วเมื่อยตา
        
        เมื่อใช้ไฟฉายส่องให้ผู้ป่วยมองต่ำ กดบนเปลือกตารู้สึกว่าข้างที่ปวดนั้นจะแข็งกว่าข้างที่ไม่ปวด หากเป็นรุนแรงทำให้ประสาทตาเสื่อม ตาบอดได้
      - มีภาวะความดันในลูกตาสูงทำให้ประสาทตาเสื่อมเกิดอาการตามัว ตาบอด
      - การรักษาพยาบาลโรคและคำแนะนำเบื้องต้น
        
        ส่งไปพบจักษุแพทย์
- - - - ขี้หูอุดตัน (Impacted cerumen)
        
        อาการและอาการแสดง
        
        หูอื้อ มักเป็นเพียงข้างเดียว เกิดขึ้นเฉียบพลันหลังว่ายน้ำ อาบน้ำหรือสระผมเนื่องจากขึ้หูที่
        สะสมอยู่อุ้มน้ำที่เข้าไปในรูหู จนก้อนขี้หูพองตัว อัดแน่นในช่องหู ทำให้หูอื้อ
        
        บางรายจะรู้สึกว่ามีน้ำค้างอยู่ในรูหูตลอดเวลา เมื่อเอาไม้พันสำลีเช็ดออก จะรู้สึกหูยิ่งอื้อ
        เนื่องจากไม้พันสำลีดันขี้หูลึกเข้าไปและเกิดการอัดแน่นยิ่งขึ้น
        
        บางรายอาจมีอาการปวดหู หรือวิงเวียนศีรษะร่วมด้วย
        
        การรักษาพยาบาลโรคและคำแนะนำเบื้องต้น
        
        หากส่องไฟดูในหูแล้วพบว่า มีขี้หูไม่มาก ให้ใช้ที่แคะขี้หูที่สะอาดเขี่ยขี้หูออก
        
        หากพบขี้หูแข็งและแน่นมาก ให้ยาละลายขี้หู หยอดหูบ่อยๆ ซ้ำ ๆ นาน 3-5 วัน
        
        หากมีอาการอักเสบ ควรให้ยาปฏิชีวนะ
        
        Cloxacillin หรือ Erythromycin 250-500 มก.
        วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงเป็นเวลา 5-7 วัน
        
        หากไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์
      - สิ่งแปลกปลอมเข้าหู
        (Foreign body in ear canel)
        
        อาการและอาการแสดง
        
        หูอื้อ ปวดหู และอาจทำให้มีการติดเชื้ออักเสบได้
        
        การรักษาพยาบาลโรคและคำแนะนำเบื้องต้น
        
        หากเป็นแมลงหรือมดเข้าหู ให้หยอดหูด้วยน้ำอุ่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก หรือน้ำมัน
        ถั่วเหลือง ซึ่งตัวแมลงมักตาย และอาจลอยขึ้นมาได้เอง
        
        หากเป็นสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ที่ไม่มีชีวิต ให้เอียงหูด้านนั้นลงต่ำ แล้วเคาะที่ศีรษะเบา ๆ ถ้า
        เป็นสิ่งของเล็ก ๆ อาจหลุดออกมาได้
        
        หากปฏิบัติข้อ 1 และ 2 แล้วไม่ได้ผลควรส่งพบแพทย์
      - เยื่อแก้วหูทะลุ (Ruptured eardrum)
        
        อาการและอาการแสดง
        
        หูอื้อ หูตึง เกิดขึ้นทันทีหลังได้รับการบาดเจ็บ บางรายอาจมีอาการปวดในรูหูหรือมีเลือดไหลออก
        จากรูหู หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดอาการอักเสบกลายเป็นโรคหูน้ำหนวกได้
        
        ควรส่งพบแพทย์ทันที
      - โรคเชื้อราในช่องหู (Otomycosis)
        
        อาการและอาการแสดง
        
        คันหูมาก อาจปวดหู หูอื้อ
        
        การรักษาพยาบาลโรคและคำแนะนำเบื้องต้น
        
        ให้ใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำยาทาแผลสด เช็ดหูวันละ 3-4 ครั้ง
        
        หรือใช้หยอดหูครั้งละ 10 หยด โดยนอนตะแคงให้ยาค้างในหูอย่างน้อย 5 นาที จากนั้นตะแคงหูข้างนั้นลง ซับให้แห้ง ท าวันละ 3-4 ครั้ง อาจรู้สึกแสบมาก อาการจะดีขึ้นใน 2-3 วัน
        
        หากไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ควรส่งพบแพทย์
      - หูชั้นนอกอักเสบ (Otitis externa)
        
        การรักษาพยาบาลโรคและคำแนะนำเบื้องต้น
        
        ให้ยาแก้ปวดลดไข้และยาปฏิชีวนะ
        
        Cloxacillin หรือ Erythromycin 250-500 มก.
        วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงเป็นเวลา 5-7 วัน
        
        หากไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์
        
        อาการและอาการแสดง
        
        ปวดหู อาจมีน้ำเหลือง/หนองไหล บางรายอาจมีอาการหูอื้อ คันหู หรือมีไข้ร่วมด้วย
        
        เมื่อดึงใบหูแรงๆ จะเจ็บในรูหูมากขึ้น เมื่อส่องหูจะเห็นการอักเสบหรือฝีในช่องหู เยื่อแก้วหูเป็นปกติ ไม่มีรูทะทุ
        
        อาจพบต่อมน้ำเหลืองโตที่หน้าหู หลังหูหรือบริเวณคอ
    - - หูชั้นกลางอักเสบ (Otitis media)
        
        Acute
        
        จะมีอาการหลังเป็นไข้หวัด เจ็บคอ หรือเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอื่นๆ มีอาการปวดในรูหู หูอื้อ ไข้สูง หนาวสั่น
        
        บางรายอาจวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน
        
        การรักษาพยาบาลโรคและคำแนะนำเบื้องต้น
        
        ให้ยาแก้ปวด ลดไข้ และยาปฏิชีวนะ เช่น Amoxicillin, Cotrimoxazole หรือ
        Erythromycin
        
        ในเด็กที่มีอาการชักควรให้ยากันชัก หากอาการดีขึ้นใน 2-3 วัน ควรให้ยาปฏิชีวนะจน
        ครบ 10 วัน หากไม่ดีขึ้นควรส่งพบแพทย์
        
        Chronic
        
        จะมีอาการหูน้ำหนวกเป็น ๆ หาย ๆ หูอื้อ หูตึง
        
        จะเกิดขึ้นเวลาเป็นหวัด
        เจ็บคอ หรือหลังจากการเล่นน้ำ
        
        บางรายมีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ส่วนมากจะไม่มีไข้หรือเจ็บปวดในรูหู
        
        Treatment
        
        ให้ใช้ไม้พันสำลีเช็ดหูให้แห้ง แล้วใช้ยาหยอดหูที่เป็นยาปฏิชีวนะ วันละ 3-4 ครั้ง จนกว่าหนองแห้ง
        ก่อนหยอดยาทุกครั้งควรเช็ดหนองออกให้แห้ง
        
        หากมีอาการอักเสบกำเริบเฉียบพลัน ให้
        ยาปฏิขีวนะ นาน 10 วัน ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ควรส่งพบแพทย์
    - - หูชั้นในอักเสบ (Otitis interna)
        
        อาการและอาการแสดง
        
        มีอาการวิงเวียน เห็นพื้นบ้านหรือเพดานหมุน
        
        N/V suddenly when มีการเคลื่อนไหวศีรษะ เช่น ลุกจากเตียงนอน ล้มตัวลงนอน ก้ม/เงยศีรษะ หันหน้าเร็ว ๆ
        
        อาการวิงเวียนศีรษะมักจะเป็นอยู่เพียงไม่กี่
        วินาที เมื่อศีรษะอยู่นิ่งๆ จะหาย
        
        บางรายีอาการตากระตุก เดินเซ, จมีอาการวิงเวียนมาก
        
        อาการจะเป็นอยู่ ไม่กี่วันก็ค่อยๆทุเลาและหายได้เอง แต่บางรายอาจมีอาการเป็นสัปดาห์ๆ แต่จะหายขาดภายใน 3 สัปดาห์ โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน
        
        การรักษาพยาบาลโรคและคำแนะนำเบื้องต้น
        
        หากมีอาการวิงเวียนมาก
        
        ให้นอนพักนิ่ง ๆ และหลับตา อย่าลุกแบบเฉียบพลัน ไม่เคลื่อนไหวศีรษะไปในทิศทางที่ทำให้เกิดอาการวิงเวียน
        
        ทำการทดสอบโดยให้ผู้ป่วยก้มเงยศีรษะขึ้นลง
        และหันซ้าย-ขวาไปมาอย่างละ 2-3 เที่ยว เพื่อดูว่าจะมีอาการวิงเวียนเวลาเคลื่อนไหวไปทิศทางใด
        
        ให้ยาแก้อาเจียน
        
        Dimenhydrinate ครั้งละ 1-2 เม็ด ซ้ำได้ทุก 6 ชม.
        
        หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ หรือมีหูอื้อ เดินเซ ตากระตุก แขนขาอ่อนแรง ความดัน
        โลหิตสูง หรืออาเจียนรุนแรงควรส่งพบแพทย์
- - - - ไข้สูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ครั่นเนื้อครั่นตัว หนาวสะท้าน เจ็บคอมาก
      - เด็กเล็กอาจมีอาเจียน ไอ ปวดท้องหรือท้องเดินร่วมด้วย เสียงแห้ง บางคนอาจมีไข้สูงจนชัก ร้องกวนไม่ยอมนอน
      - อาจมีต่อมน้ำเหลืองอักเสบที่บริเวณใต้คางข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
    - - เจ็บคอบ่อย เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ไอแห้งๆ มีเสมหะเล็กน้อย มักไม่มีไข้ หรืออาจมี ไข้ต่ำๆ เสียงแห้ง
  - - - ให้ยาปฏิชีวนะ
        
        Amoxicillin 500 มก. วันละ 4 ครั้งหลังอาหารและก่อนนอน
        
        หรือ Erythromycin 500 มก. ทุก 6 ชม.
        
        หากอาการดีขึ้นให้ทานต่อจนครบ 10 วัน หากไม่ดีขึ้นใน 3 วันหรือทานยาไม่ได้ หรือมีโรคแทรกซ้อนรุนแรงหรือเป็นเรื้อรังให้ส่งพบแพทย์
- - - - อาการ และอาการแสดง
        
        เป็นหวัด คัดจมูก จามบ่อย น้ำมูกใส ๆ คันในจมูก คันคอ คันตา น้ำตาไหล แสบคอ หรือไอแห้งๆ ระคายคอ
        
        มักเกิดประจำช่วงตอนเช้าหรือเวลา
        อากาศเย็น หรือที่มีฝุ่นละออง หรือสารแพ้อื่นๆ เยื่อจมูกบวมและซีด
        
        บางรายอาจมีอาการปวดตื้อตรงบริเวณหน้าผากหรือหัวคิ้ว
        
        บางรายอาจพบเยื่อตาขาวแดงเล็กน้อย
      - คำแนะนำ
        
        แนะนำให้สังเกตว่าแพ้สิ่งใดและให้หลีกเลี่ยง
        
        ถ้ามีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลมาก หรือไอมาก ให้
        ยาแก้แพ้ เช่น Chlorpheniramine
        
        หากอาการไม่ดีขึ้น หรือเป็นเรื้อรังนาน ๆ ควรแนะนำให้พบแพทย์
    - - อาการ และอาการแสดง
        
        เยื่อบุจมูกบวมแดง คอแดงเล็กน้อย ถ้าเคาะหรือกดแรงๆ ตรงบริเวณหัวตา หน้าผากหรือใต้ตาจะ
        รู้สึกเจ็บ อาจมีไข้ในรายที่เป็นเฉียบพลัน
      - รักษาตามอาการ
        
        มีไข้ให้ยาแก้ปวดลดไข้ คัดจมูกให้ยาแก้คัดจมูก ไม่ควรให้ยาแก้แพ้เพราะอาจทำให้น้ำเมือกในโพรงไซนัสเหนียว ยกเว้นในรายที่มีภูมิแพ้ อาจให้เพียง 2-3 วัน
        
        หากเกิดการติด
        เชื้อให้ยาปฏิชีวนะ
        
        Amoxicillin, Erythromycin หรือ Cotrimoxazole ติดต่อกัน 10-14 วัน
        
        หากไม่ดีขึ้นควรส่งต่อเพื่อพบแพทย์
    - - อาการ และอาการแสดง
        
        มีเลือดสดๆ ไหลออกทางรูจมูก
      - ให้ผู้ป่วยเงยหน้าขึ้น/ก้มหน้าลงมาก ๆ ให้นิ้วมือบีบจมูกทั้ง 2 ข้างให้แน่น 5-10 นาที
        ให้ผู้ป่วยหายใจทางปาก ทำซ้ำนาน 10 นาที