Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Hemopoietic and Lymphatic tissue, red blood cell (RBC) หรือ erythrocytes,…
Hemopoietic and Lymphatic tissue
Hemopoietic
เห็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดพิเศษ
การสร้างเเละการเจริญของเม็ดเลือด
Myeloid tissue: ไขกระดูก (bone marrow)
มี red bone marrow สร้างRBC
Lymphatic tissue: ต่อมน้ำเหลือง (lymph node)
ต้อมไทมัส (thymus gland) ม้าม(spleen)
เป็นเเหล่งที่WBCพัฒนาทำหน้าที่
Lymphatic system
Main function : protect the body สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย โดยการผลิต
: T lymphocyte = Cell-mediated immunity
: B lymphocyte = Humoral immunity
Primary or central lymphoid organs ปฐมภูมิ
Secondary or peripheral lymphoid tissue ทุติยภูมิ ด้านนอก
รักษาสมดุลของสารน้ําในร่างกาย
ลําเลียงสารอาหารประเภทไขมันและวิตามิน A D E
มีลักษณะคล้าย vein แต่มีผนังที่บางกว่า
มี semilunar valves ที่บังคับให้ lymph ไหลไปในทิศทางเดียว
มีจํานวนของ valve มากกว่า vein
ช้ันต่างๆของท่อน้ําเหลืองจะไม่แยกออกจากกันได้อย่างชัดเจน
Lymph vessels หรือ collecting lymph vessels
: ผนัง 3 ชั้น คล้าย vein ที่ขนาดใกล้เคียงแต่ผนังบางกว่า แยก ชั้นได้ไม่ชัดเจน
ชั้นใน (tunica intima) : บุด้วย endothelium 1 ชั้น มี semilunar valves ซึ่งเป็น fold ของชั้น tunica intima
ชั้นกลาง (tunica media) : smooth muscle และ elastic fiber
ชั้นนอก (tunica adventitia) : collagen fibers และ elastic fibers
Lymphatic trunk (duct)
: เป็น lymph vessel ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย โครงสร้างคล้าย vein ขนาดใหญ่ ผนังประกอบด้วย 3 ชั้น
Tunica intima : บุด้วย endothelium ส่วนของ basement mb ก็ยังไม่ชัดเจน อาจมี longitudinal fiber/smooth muscle ปนอยู่บ้างและ มีชั้น elastic fiber เรียกว่า internal elastic lamina
Tunica media : เป็นชั้นหนาที่สุด smooth muscle มีการเรียงตัวทั้งแบบ longitudinal and circular สลับกันโดยมี CNT แทรกอยู่
Tunica adventitia : เป็นชั้นนอกสุด ประกอบไปด้วย collagen fiber และ elastic fiber อาจมี smooth muscle ปนอยู่บ้าง แยกออก จาก CNT รอบนอกได้ยากและมีหลอดเลือดเล็กๆมาเลี้ยง เรียกว่า vasa vasorum
Lymphatic capillaries
: หลอดน้ําเหลืองฝอย
เล็กที่สุก
ปลาย 2 ด้าน โดยด้านหนึ่งเป็นท่อตันรับ lymph จาก interstitial fluid
อีกด้านเชื่อมต่อกับ capillaries อื่นเป็นร่างแห
พบได้ทั่วไปยกเว้นในส่วนของ inner ear, eye ball และ bone marrow
บุด้วย simple squamous epithelium ไม่มี basement mb /permeable BM
Endothelial junction หลวมๆ สารโมเลกุลใหญ่ผ่านเข้า-ออกได้
ใน jejunum เรียกว่า Lacteal ลําเลียงสารอาหารพวกไขมัน
Right lymphatic duct 15 % รับจาก right side of head, neck, arm, thorax and upper limb
Left lymphatic duct (thoracic duct) 85%
Reticular connective tissue ประกอบด้วย
reticular cells : Stellate shape processes เยอะ , Ovoid fainted nucleus , สร้าง reticular fiber
reticular fibers : silver salts
: มี lymphocytes (chief cellular of lymphatic tissue) เป็นเซลล์หลัก และ APC cells (Antigen- presenting cells) เช่น dendritic cells, macrophages, Langerhans cells เป็นต้น
: ไม่มี capsule ห่อหุ้ม
: เป็นแหล่งผลิตเซลล์ต้ังต้นทางภูมิคุ้มกัน และเป็นบริเวณที่เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันเมื่อมีสิ่งแปลก ปลอมเข้าสู่ร่างกาย
Lymphatic tissue
กระจายอยู่ตามชั้น mucosa ที่เรียกว่า mucosal- associated lymphoid tissue (MALT) เช่น บริเวณทาง เดินอาหาร เรียก Gut-associated lymphoid tissue (GALT) ส่วนบริเวณทางเดินหายใจ เรียก Bronchial- associated lymphoid tissue (BALT)
Pattern of lymphoid tissue
Diffuse lymphoid tissues
lymphocyte กระจายตัวอยู่อย่างสม่ำเสมอ
ไม่มีขอบเขตแบ่งแยกชัดเจน
พบได้ตามชั้นใต้ผิวหนัง หรือ ตามเยื่อบุทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ และใน lymphoid organs
Lymph (lymphatic) follicles or nodules
lymphocyte รวมกลุ่มกันเป็นก้อนกลมๆมี ขอบเขตชัดเจน แบ่งได้เป็น 2 ชนิด
2.1 Solitary lymphoid follicle อยู่เป็นก้อนเดี่ยว เช่น ลําไส้ใหญ่ส่วน cecum และ ไส้ติ่ง (appendix)
2.2 Aggregated lymphoid follicle เป็นก้อนกลมที่อยู่รวม เป็นกลุ่มหลายๆ กลุ่ม พบได้ตาม lymph node, tonsil, spleen และ ลําไส้เล็กซึ่ง ส่วน ileum จะมีชื่อเฉพาะ คือ ‘Peyer’s patches’
Type of lymphoid follicle
Primary lymphoid follicle : เป็นกลุ่มของ lymphoid follicle ท่ียังไม่ถูกกระตุ่นด้วย antigen จะไม่พบ Germinal center (GC)
Secondary lymphoid : เป็นกลุ่มของ lymphoid follicles ทีถูกกกระตุ้นด้วย antigens โดยจะเกิดการเปลี่ยนแปลง (proliferating lymphoblasts) ที่บริเวณ ศูนย์กลางของ follicle นั้นๆ กลายเป็นบริเวณที่มีรูปร่างค่อนข้างกลมหรือรีที่มีสีจางกว่าส่วนขอบ เรียกว่า germinal center (GC)
Lymphatic organ
อวัยวะที่มี lymphatic tissue เป็นโครงสร้างพื้นฐาน โดยแตกต่างจาก lymphatic tissue ตรงที่มี capsule ห่อหุ้ม สามารถออก แยกจากเนื้อเยื่อ ข้างเคียงได้อย่างชัดเจน
อวัยวะนํ้าเหลืองขั้นปฐมภูมิ (primary lymphoid organs)
อวัยวะและเนื้อเยื่อน้าเหลืองขั้นทุติยภูมิ (secondary/effector lymphoid organs and tissues)
Type of lymphatic organs
Partially encapsulated lymphatic tissue
: lymphatic tissue ที่มี capsule มาหุ้มเพียงบางส่วน ไม่สมบูรณ์
Palatine tonsil
Lingual tonsil
Pharyngeal tonsil
Tubal tonsil
Completely encapsulated lymphatic tissue
: lymphatic tissue ที่มี capsule มาหุ้มอย่าง สมบูรณ์โดยตลอด ได้แก่ Lymph node
Cervical lymph nodes : บริเวณคอ รับจากศีรษะและลําคอ
Axillary lymph nodes : รักแร้ รับนจากแขนและส่วนบนของ ทรวงอกรวมถึงเต้านม
Inguinallymphnodes:บริเวณขาหนีบรับขาและอวัยวะสืบพันธ์ุ ภายนอก
Non-encapsulated lymphatic tissue : lymphatic tissue ที่ไม่มี capsule มาหุ้ม ได้แก่ MALT
Hematopoietic stem cells
เซลล์ต้นกําเนิดเซลล์เม็ดเลือด เป็น pluripotent stem cells, self- renewal property, differentiate to hemopoietic cell line
Healthy person : 10^11 – 10^12 cells/day
ประกอบไปด้วยเซลล์ 2 ชนิด คือ
Myeloid cells : granulocyte, erythrocyte, monocyte, megakaryocyte
Lymphoid cell : lymphocytes โดยจะเคล่ือนที่ออกจากไขกระดูกไปพัฒนาเติบโตที่
thymus gland, lymph node และ spleen
Bone marrow
พบได้ในโพรงกระดูก (medullary cavity) ของระดูกยาวเเละในช่องว่างของ spongy bone ของ กระดูกเเบน
มีเซลล์ไขมัน, macrophage, reticular cell และ fibers
Red bone marrow : มีสีแดง ประกอบด้วย เลือดและเม็ดเลือด พบใน flat bone และส่วนปลายของ long bone เมื่อ อายุ 5 ปี - วัยผู้ใหญ่ จะถูกแทนที่ด้วยไขมัน สามารถพบได้ ที่ส่วนต้นของ humerus, femur, vertebral ribs, sternum, hip bone และ cranium
Yellow bone marrow : มีสีเหลืองเพราะมีไขมันมาก พบได้ที่ medullary cavity ในส่วนกลางของกระดูกยาว หากมีการ เสียเลือดรุนแรง สามารถเปลี่ยนกลับไปเป็น red bone marrow ได้
Hematopoiesis
BC เช่นเซลล์เม็ดเลือดเเดง เม็ดเลือดขาวเเละเกร็ดเลือด มีอายุจำกัด(RBC 100-120,WBC 13-20
platelets 8-9 days)
การสร้าง BC เริ่มที่ระยะ embryo
Yolk-sac phase:ครรภ์อายุ 3 weeks พบการสร้าง blood island ใน yolk sac ของตัวอ่อน
Hepatic phase: อาทิตย์ที่4-5ของการตั้งครรภ์ พบ erythroblasts,granulocytea,monocytes ในตับ
Bone marrow phase: สร้างเม็ดเลือดตั้งเเต่เดือนที่ 5 จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่
Thymus
อยู่หลังต่อกระดูกอก sternum
เเละด้านหน้าของหัวใจช่วงบน
เกี่ยวข้องกับ maturation ของT cell และ proliferation เมื่อถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเเปลกปลอม เป็นตัวกระตุ้นให้ B cell สร้างเเอนติบอดี้
Lymphatic tissue ชนิดแรกที่เกิดขึ้นในร่างกายและเจริญเติบโตดีที่สุดก่อนอายุ 2 ปี
เป็น primary lymphoid organ
Bilobed organ รูปร่างคล้ายสามเหลี่ยม หรือ รูปผีเสื้อ
โตขึ้นจะเริ่มฝ่อไป แทนที่ด้วยไขมันจึงเห็นเป็นสีเหลือง
Histology
Capsule หุ้มโดยรอบ (dense irregular collagenous CNT)
Primary connective tissue septa
Trabeculae เข้าไปแบ่งเนื้อของ thymus ออกเป็น lobe แบบไม่
สมบูรณ์ (incomplete lobules)
Cortex
Medulla
Hassall’s corpuscles
หรือ thymic corpuscles
Blood
เป็นสารสื่อกลางระหว่างเซลล์ ขนส่งสารอาหาร ก๊าซและฮอร์โมนต่าง ๆ
ขนส่งของเสียและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเซลล์ไปกําจัดออก
รักษาสมดุลความเป็นกรด-ด่าง (pH)
การแข็งตัวของเลือด (coagulation)
ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย(thermoregulation)
ขนส่งสารบางชนิดและเซลล์ที่เก่ียวข้องกับภูมิคุ้มกัน
น้ำเลือด ( plasma) 55%
pH~7.4 ประกอบไปด้วยนํ้า 90% - Protein 7% ได้แก่ fibrinogen (การแข็งตัวของเลือด), albumin (รักษาปริมาตรเลือดและความ ดันเลือดให้คงที่) และ globulin หรือ antibody (ป้องกัน และกําจัดเชื้อโรค)
สารอินทรีย์อื่นๆ เช่น vitamin, glucose,amino acid รวมถึงมี erythrocytes ~ 0.9%
เม็ดเลือด (blood cells) 45%
Complete blood count (CBC) :
1.RBC 2. Hemoglobin 3. Hematocrit จํานวน RBC
4.WBC 5. Platelet (Plt)6. Reticulocyte: ~ 2%, immature RBC จะเห็นจุดสีเข้ม
ซึ่งเป็น rRNA ที่เหลือในเซลล์
เซลล์เเท้จริงมี nucleus and organelle
รูปร่างกล่ม ไม่มีสีเมื่ออยู่ในเลือด
รูปร่างไม่เเน่นอนเมื่อเคลื่อนที่ (amoebic movement) ผ่านผนัง capillary
การป้องกันเเละทำลายเชื้อ
รูปร่างกลมเเบนคล้ายโดนัท ตรงกลางทั้งสองด้านเว้าเข้าหากัน (biconcave disc)
เจริญเต็มที่ ไม่มี nucleus และorganelle
มีโปรตีน Hemoglobin จับกับO2 เเละเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงาน
มีอายุประมาณ 120 วัน โดย 90% จะถูกทําลาย
โดย macrophage ที่ตับ, bone marrow, spleen อีก 10% ถูกทําลายที่กระแสเลือด
ต้นกำเนิดในไขกระดูก
มีขนาดเล็ก ไม่มี nucleus ไม่จักเป็นcell
การเเข็งตัวของเลือด
เกิดจากการเเยกตัวของ megakaryocyte โดย plasma membrane ยื่นเข้ามาแบ่ง cytoplasm
ถูกทำลายที่ตับ เเละม้าม
Large multinucleated cell
มองเห็นได้ง่าย
Cytoplasm จะหลุดออกไปเป็น platelet
เเบ่งออกเป็น 2ชนิด
Granulocyte
Nucleus มี 2 lobes ติดกัน ติดสีน้ําเงินม่วงเข้ม
มี cytoplasmic granules มาก ลักษณะเป็นเม็ดหยาบๆ ขนาดใหญ่ ๆ ติดสีส้มแดง (eosinophilia)
พบ azurophilic granules
หลั่งเอนไซม์ หรือสาร histamine ภูมิแพ้
Nucleus มี 2 lobes
พบน้อยมากในกระแสเลือด (ในเนื้อเยื่อจะเรียกว่า mast cell)
Cytoplasmic granules ติดสีนํ้าเงินหรือสีม่วงแดง
(metachromasia) กลมกลืนไปกับ nucleus ขอบเขตเลยไม่ชัด
ภายใน granule พบ histamine หลอดเลือดขยายตัว และ
heparin ต่อต้านการแข็งตัวของเลือด
พบ azurophilic granule
มีบทบาทในการเกิดภูมิแพ้อย่างเฉียบพลัน histamine
Nucleus มี 2-4 lobes ติดสีน้ําเงินม่วงเข้ม
(polymorphonuclear leukocyte)
หญิงจะพบติ่งเล็กๆ ยื่นออกจาก nucleus เรียกว่า bar body/
drumstick (inactive X chromosome)
Cytoplasmic granules มี 3 ชนิด
ชนิดที่ 1 มีขนาดเล็กมาก มองไม่เห็นด้วยกล้อง Light Microscope
ชนิดที่ 2 เป็น azurophilic granule ติดสีม่วง
เข้มกว่า ขนาดใหญ่ ภายในมี lysosomal acid hydrolase, defensin สาหรับกําจัดสิ่งแปลกปลอม
ชนิดที่ 3 มี enzyme phosphatase, gelatinase, collagenase ช่วยในการเคลื่อนที่
Agranulocyte
Nucleus รูปร่างเหมือนเม็ดถั่ว ไต หรือ เกือกม้า
ลักษณะ eccentric nucleus
ทําหน้าที่ในการจับกินสิ่งแปลกปลอม โดยจะมีชื่อเฉพาะเมื่ออยู่ในเนื้อเยื่อที่ต่างกัน
Macrophage ใน CNT, spleen, lymph node
Osteoclast ใน กระดูก
Kuffer cell ใน ตับ
Aveolar macrophage (dust cell) ใน ปอด
nucleus กลมเกือบเต็มเซลล์ มีส่วนของ cytoplasm granules น้อยมาก
ติดสีน้ําเงินม่วง จะแบ่งตามหน้าที่ได้ 3 ชนิด
T-lymphocyte (T cell) กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และ cell- mediated immunity
Natural killer cell (NK cell) มีบทบาทในการกําจัดเชื้อไวรัสและเซลล์มะเร็ง
B-lymphocyte (B cell) สร้าง antibody โดยเปลี่ยนไป เป็น plasma cell
Plasma cell
รูปร่างกลม ติดสีน้ำเงิน
nucleus รูปร่างรี ขนาดเล็ก accantric nucleus
chromatin granule เรียงตัวคล้ายกงล้อ หรือ หน้าปัดนาฬิกา
มีอายุประมาณ 2-3 weeks ทำหน้าที่ สร้าง antibody
พบมากในบริเวณที่มีการอักเสบ ทางเดินอาหาร
Spleen
อวัยวะน้ำเหลือที่ใหญ่ที่สุด
กรอเลือด phagocytosis
สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เเละเป็นเเหล่งสร้าง RBC (hematopoietic)
ทำลาย RBC และplatelet ที่หมดอายุ-ไม่สมบูรณ์
เก็บสํารองเลือดไว้ใช้ (blood reservoir) และสามารถขับเลือดออกสู่ระบบไหลเวียนได้รวดเร็ว
Histology
White pulp (WP) บริเวณที่ติดสีเข้ม
Red pulp (RP) บริเวณที่ติดสีจางๆ ล้อมรอบ white pulp
Splenic cord ประกอบด้วย reticular cells and fiber
Venous sinuses ซึ่งเป็น space ระหว่าง cord เป็นช่องทางเดินของ venous blood บุด้วย endothelial cells
Capsule : dense irregularly arranged collagenous CNT มี trabeculae
ยื่นเข้า ไปแบ่งเนื้อของม้ามเป็น compartment
Parenchyma of spleen เรียกว่า splenic
red blood cell (RBC) หรือ erythrocytes
ประกอบด้วย
หน้าที่
White blood cell (WBC) หรือ Leukocytes
เกล็ดเลือด (platelet หรือ thrombocyte)
Megakaryocyte
Neutrophil ขนาดใหญ่กว่า RBC
Eosinophil ขนาดใกล้เคียงกับ neutrophil
Basophil
Lymphocyte มีขนาดใกล้เคียงกับ RBC *แยกชนิดของ lymphocyte ด้วยการย้อม H&E ไม่ได้
Monocyte มีขนาดใหญ่ท่ีสุด
หน้าที่
Lymphatic vessels
Lymphatic tissue
ตำเเหน่ง
หน้าที่หลัก