Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การสิ้นสุดของการสมรส - Coggle Diagram
การสิ้นสุดของการสมรส
ค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพ
ค่าทดแทนกรณีสามีมีชู้ มาตรา ๑๕๒๓ เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตามมาตรา ๑๕๑๖ (๑) ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาและจากผู้ซึ่งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง หรือผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่านั้น
นอกจากสามีหรือภรรยานั้นอ้างเหตุฟ้องได้แล้ว ยังสามารถเรียกค่าทดแทนจากอีกฝ่ายได้ และยังเรียกเอาจากชู้ได้
กรณีเรียกร้องค่าทดแทนจากหญิงอื่นหรือผู็ล่วงเกินภริยาทำนองชู้สาว ม.1523 วรรคสอง สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้
กฎหมายกำหนดเฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่จะกระทำดังกล่าว ดังนั้นหากเป็นกรณีที่ฝ่ายหญิงกระทำการดังกล่าวกับภริยาคนอื่นไม่ถือเป็นการล่วงเกินทำนองชู้สาว
ค่าทดแทนกรณีสามีภริยามุ่งประสงค์ให้เกิดขึ้นอันอ้างฟ้องหย่า มาตรา ๑๕๒๔ ถ้าเหตุแห่งการหย่าตามมาตรา ๑๕๑๖ (๓) (๔) หรือ (๖) เกิดขึ้นเพราะฝ่ายผู้ต้องรับผิดชอบก่อให้เกิดขึ้นโดยมุ่งประสงค์ให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่อาจทนได้ จึงต้องฟ้องหย่า อีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากฝ่ายที่ต้องรับผิด
ต้องมีสามเหตุใดสาเหตุหนึ่งในมาตรา1516 อันนำมาซึ่งเหตุฟ้องหย่า อันจะถือว่าอีกฝ่ายก่อให้เกิดสาเหตุแห่งการหย่า อีกฝ่ายสามารถเรียกค่าทดแทนหรือค่าเลี้ยงชีพได้
การกำหนดค่าทดแทน
มาตรา ๑๕๒๕ ค่าทดแทนตามมาตรา ๑๕๒๓ และมาตรา ๑๕๒๔ นั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์ โดยศาลจะสั่งให้ชำระครั้งเดียวหรือแบ่งชำระเป็นงวด ๆ มีกำหนดเวลาตามที่ศาลจะเห็นสมควรก็ได้
การชำระค่าทดแทนตาม ม.1523 ม.1524 อาจเป็นสามีหรือภริยาหรือหญิงอื่นหรือชายชู้ชำระก็ได้ โดยให้ศาลพิจารณาตามควรแก่พฤติการณ์
มาตรา ๑๕๑๓ ถ้าปรากฏว่าคู่สมรสที่ถูกฟ้องเพิกถอนการสมรสได้รู้เห็นเป็นใจในเหตุแห่งโมฆียะกรรม คู่สมรสนั้นจะต้องรับผิดใช้ค่าทดแทนความเสียหายซึ่งคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งได้รับต่อกาย ชื่อเสียง หรือทรัพย์สิน เนื่องจากการสมรสนั้น และให้นำมาตรา ๑๕๒๕ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ค่าเลี้ยงชีพ
1.เกิดจากความผิดของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง(ฝ่ายเดียว) ตามมาตรา ๑๕๒๖ ในคดีหย่า ถ้าเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ฝ่ายเดียว และการหย่านั้นจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยากจนลง เพราะไม่มีรายได้พอจากทรัพย์สินหรือจากการงานตามที่เคยทำอยู่ระหว่างสมรส อีกฝ่ายหนึ่งนั้นจะขอให้ฝ่ายที่ต้องรับผิดจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้ได้ ค่าเลี้ยงชีพนี้ศาลอาจให้เพียงใดหรือไม่ให้ก็ได้ โดยคำนึงถึงความสามารถของผู้ให้และฐานะของผู้รับและให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๕๙๘/๓๙ มาตรา ๑๕๙๘/๔๐ และมาตรา ๑๕๙๘/๔๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ถ้าเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ฝ่ายเดียวแล้วอีกฝ่ายจะขอให้ฝ่ายที่ต้องรับผิดจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้ได้ ดังนั้นสามีต้องจ่าค่าอุปการะเลี้ยงดูตามฐนะของภริยาและความสามรถของสามีจนกว่าจะได้มีการสมรสใหม่ตามาตรา 1506 1528
2.ค่าเลี้ยงชีพจากการหย่าบางกรณี มาตรา ๑๕๒๗ ถ้าหย่าขาดจากกันเพราะเหตุวิกลจริตตามมาตรา ๑๕๑๖ (๗) หรือเพราะเหตุเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงตามมาตรา ๑๕๑๖ (๙) คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งต้องออกค่าเลี้ยงชีพให้แก่ฝ่ายที่วิกลจริตหรือฝ่ายที่เป็นโรคติดต่อนั้นโดยคำนวณค่าเลี้ยงชีพอนุโลมตามมาตรา ๑๕๒๖
กฎหมายกำหนดให้คู่สมรสที่ฟ้องหย่าต้องออกค่าเลี้ยงชีพอีกฝ่ายหนึ่งด้วย โดยคำนวณค่าเลี้ยงชีพโดยอนุโลมตาม ม.1526
แต่อย่างไรก็ดีหากผู้ได้รับค่าเลี้ยงชีพมีฐานะดีหรืออีกฝ่ายได้รับค่าเลี้ยงชีพให้ สิทธิรับค่าเลี้ยงชีพก็ย่อมหมดไปตาม มาตรา ๑๕๒๘ ถ้าฝ่ายที่รับค่าเลี้ยงชีพสมรสใหม่ สิทธิรับค่าเลี้ยงชีพย่อมหมดไป
-
ผลการฟ้องหย่า
ผลต่อการสมรสของสามีภรรยา
มาตรา ๑๕๓๑ การสมรสที่จดทะเบียนตามกฎหมายนั้น การหย่าโดยความยินยอมของคู่สมรสทั้งสองฝ่ายมีผลนับแต่เวลาจดทะเบียนการหย่าเป็นต้นไป การหย่าโดยคำพิพากษามีผลแต่เวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุด แต่จะอ้างเป็นเหตุเสื่อมสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตไม่ได้ เว้นแต่จะได้จดทะเบียนการหย่านั้นแล้ว
-
ผลต่อบุคคลภายนอก
มาตรา ๑๕๓๑ วรรคสอง การหย่าโดยคำพิพากษามีผลแต่เวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุด แต่จะอ้างเป็นเหตุเสื่อมสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตไม่ได้ เว้นแต่จะได้จดทะเบียนการหย่านั้นแล้ว
กฎหมายคุ้มครองบุคคลภายนอก เมื่อการสมรสสิ้นสุดลงเพราะการหย่านี้จะอ้างให้เป็นเหตุเสื่อมสิทธิของบุคคลภายนอกที่ทำการโดยสุจริตไม่ได้ เว้นแต่จะมีการจดทะเบียนหย่าไว้แล้วแม้บุคคลภายนอกจะสุจริตก็ไม่สามรถอ้างได้
ผลต่อบุตร
มาตรา ๑๕๒๐ ในกรณีหย่าโดยความยินยอม ให้สามีภริยาทำความตกลงเป็นหนังสือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ถ้ามิได้ตกลงกันหรือตกลงกันไม่ได้ ให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด
-
กรณีเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองซึ่งประพฤิตไม่สมควรได้ตาม มาตรา ๑๕๒๑ ถ้าปรากฏว่าผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองตามมาตรา ๑๕๒๐ ประพฤติตนไม่สมควร หรือภายหลังพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ศาลมีอำนาจสั่งเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองโดยคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรเป็นสำคัญ
มาตรา ๑๕๒๐วรรคสอง ในกรณีหย่าโดยคำพิพากษาของศาล ให้ศาลซึ่งพิจารณาคดีฟ้องหย่านั้นชี้ขาดด้วยว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ในการพิจารณาชี้ขาดถ้าศาลเห็นว่ามีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสนั้นได้ตามมาตรา ๑๕๘๒ ศาลจะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสและสั่งให้บุคคลภายนอกเป็นผู้ปกครองก็ได้ ทั้งนี้ ให้ศาลคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรนั้นเป็นสำคัญ
เป็นกรณีที่หย่าโดยคำพิพากษาศาลให้ศาลพิจารณาว่าฝ่ายใดจะเป็นผู็ใช้อำนาจปกครอง โดยคำนึงถึงความผาสุขและประโยชน์ของบุตร
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
มาตรา ๑๕๒๒ ถ้าสามีภริยาหย่าโดยความยินยอม ให้ทำความตกลงกันไว้ในสัญญาหย่าว่าสามีภริยาทั้งสองฝ่าย หรือสามีหรือภริยาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะออกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นจำนวนเงินเท่าใด ถ้าหย่าโดยคำพิพากษาของศาลหรือในกรณีที่สัญญาหย่ามิได้กำหนดเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรไว้ ให้ศาลเป็นผู้กำหนด
กรณีที่1 สามีภรรยายินยอมกันเองให้ทำการตกลงกันเองโโยทำเป็นข้อตกลงว่าใครจะเป็นผู้ออกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดู กรณีที่2หย่าโดยคำพิพากษา ศาลจะเป็นผู้พิจารณาค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรโดยคำนึงถึงฐานะความรับผิดชอบ
ผลต่อทรัพย์สิน
การจัดการแบ่งทรัพย์สิน
มาตรา ๑๕๓๒ เมื่อหย่ากันแล้วให้จัดการแบ่งทรัพย์สินของสามีภริยา แต่ในระหว่างสามีภริยา (ก) ถ้าเป็นการหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย ให้จัดการแบ่งทรัพย์สินของสามีภริยาตามที่มีอยู่ในเวลาจดทะเบียนการหย่า (ข) ถ้าเป็นการหย่าโดยคำพิพากษาของศาล คำพิพากษาส่วนที่บังคับทรัพย์สินระหว่างสามีภริยานั้น มีผลย้อนหลังไปถึงวันฟ้องหย่า
กรณีจัดการทรัพย์สินโดยไม่สุจริตตาม มาตรา ๑๕๓๔ สินสมรสที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจำหน่ายไปเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียวก็ดี จำหน่ายไปโดยเจตนาทำให้คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งเสียหายก็ดี จำหน่ายไปโดยมิได้รับความยินยอมของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งในกรณีที่กฎหมายบังคับว่าการจำหน่ายนั้นจะต้องได้รับความยินยอมของอีกฝ่ายหนึ่งด้วยก็ดี จงใจทำลายให้สูญหายไปก็ดี ให้ถือเสมือนว่าทรัพย์สินนั้นยังคงมีอยู่เพื่อจัดแบ่งสินสมรสตามมาตรา ๑๕๓๓ และถ้าคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งได้รับส่วนแบ่งสินสมรสไม่ครบตามจำนวนที่ควรจะได้ ให้คู่สมรสฝ่ายที่ได้จำหน่ายหรือจงใจทำลายสินสมรสนั้นชดใช้จากสินสมรสส่วนของตนหรือสินส่วนตัว
แบ่งเป็น 2 กรณีคือ1.คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำเพื่อประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว 2.เพื่อให้คู่สมรสอีกฝ่ายเสียหาย 3.คู่สมรสอีกฝ่ายกระทำไปโดยไม่ได้รับความยินยอมคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง 4.คู่สมรสอีกฝ่ายจงใจทำลายให้สูญหายไป
-
-
ผลในเรื่องอื่นๆ
กรณีเหตุฟ้องหย่าที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนวิกลจริต มาตรา ๑๕๑๙ ในกรณีที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนวิกลจริตและมีเหตุหย่าเกิดขึ้นไม่ว่าเหตุนั้นจะได้เกิดขึ้นก่อนหรือภายหลังการเป็นคนวิกลจริต ให้บุคคลซึ่งอาจร้องขอต่อศาลให้สั่งให้บุคคลวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถตามมาตรา ๒๘ มีอำนาจฟ้องคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งขอให้ศาลพิพากษาให้หย่าขาดจากกันและแบ่งทรัพย์สินได้ ในกรณีเช่นว่านี้ ถ้ายังมิได้มีคำสั่งของศาลแสดงว่าคู่สมรสซึ่งวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถก็ให้บุคคลดังกล่าวขอร้องขอต่อศาลในคดีเดียวกันนั้นให้ศาลมีคำสั่งว่าคู่สมรสซึ่งวิกลจริตนั้นเป็นคนไร้ความสามารถ
คือคู่สมรสฝ่ายหนึี่งเป็นคนวิกลจริตอันเป็นเหตุแห่งการฟ้องหย่า สำหรับฟ้องหย่าจะเกิดเมื่อใดก็ได้อาจเกิดก่อนวิกลจริตหรือระหว่างวิกลจริตก็ได้
กรณีร้องขอให้ศาลมีคำสั่งชั่วคราวในเรื่องสินสมรส การพักอาศัย การอุปการะ และการเลี้ยงดูบุตร ตาม มาตรา ๑๕๓๐ ขณะคดีฟ้องหย่าอยู่ในระหว่างพิจารณา ถ้าฝ่ายใดร้องขอ ศาลอาจสั่งชั่วคราวให้จัดการตามที่เห็นสมควร เช่น ในเรื่องสินสมรส ที่พักอาศัย การอุปการะเลี้ยงดูสามีภริยาและการพิทักษ์อุปการะเลี้ยงดูบุตร
เช่นสามีไม่ใส่ใจเลี้ยงดูภริยาที่วิกลจริต บุคคที่สามารถดำเนอนการก็อาจร้องขอให้ศาลมีคำสั่งศาลชั่วคราวให้สามีจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูและจัดการที่พักอาศัยให้เหมาะสมได้
อายุความ
มาตรา ๑๕๒๙ สิทธิฟ้องร้องโดยอาศัยเหตุในมาตรา ๑๕๑๖ (๑) (๒) (๓) หรือ (๖) หรือมาตรา ๑๕๒๓ ย่อมระงับไปเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันผู้กล่าวอ้างรู้หรือควรรู้ความจริงซึ่งตนอาจยกขึ้นกล่าวอ้าง เหตุอันจะยกขึ้นฟ้องหย่าไม่ได้แล้วนั้น อาจนำสืบสนับสนุนคดีฟ้องหย่าซึ่งอาศัยเหตุอย่างอื่น
อายุความ 1ปี เฉพาะเหตุหย่าที่สามีุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่น หรือภริยามีชู้ หรือสามีหรือภริยาประพฤติชั่ว หรือทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทเหยียดหยามอีกฝ่ายหรือบุพการีอีกฝ่าย หรือไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายตามมควร หรือทำการปฎิปักษ์ต่อสามีหรือภริยาอย่างร้ายแรง สิทธิจะฟ้องย่อมระงับเมื่อพ้น 1 ปี
-
-
การหย่า
การหย่าโดยความยินยอม
มาตรา ๑๕๑๔ การหย่านั้นจะทำได้แต่โดยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายหรือโดยคำพิพากษาของศาล การหย่าโดยความยินยอมต้องทำเป็นหนังสือและมีพยานลงลายมือชื่ออย่างน้อยสองคน
-
มาตรา ๑๕๑๕ เมื่อได้จดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายนี้ การหย่าโดยความยินยอมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อสามีและภริยาได้จดทะเบียนการหย่านั้นแล้ว
กฎหมายกำหนดให้ทำการจดทะเบียนการหย่าสำหรับกรณีการสมรสที่ได้จดทะเบียนสมรส หากคู่สมรสใดทำการสมรสตามกฎหมายอื่นจึงไม่จำต้องจดทะะเบียนหย่า เช่่นกฎหมายช่วงลักษณะผัวเมีย
-