Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษาที่ 4 มารดาที่มี่ภาวะตกเลือดหลังคลอดระยะหลัง - Coggle Diagram
กรณีศึกษาที่ 4 มารดาที่มี่ภาวะตกเลือดหลังคลอดระยะหลัง
วินิจฉัยภาวะที่เกิดขึ้น พร้อมอธิบายเหตุผล และข้อมูลประกอบ
ภาวะตกเลือดหลังคลอดระยะหลัง คือการตกเลือดภายหลังคลอด 24 ชั่วโมงหลังคลอดไปจนถึง 12 สัปดาห์หลังคลอด ซึ่งมารดาได้รับการผ่าตัดคลอดวันที่ 6 มกราคม 2555 ช่วงปลายเดือนน้ำคาวปลายังไม่หมดมีลักษณะเป็นสีน้ำตาล และในวันที่ 27 มกราคม 2555อ่อนแลเริ่มมีอาการปวดหน่วงท้องและมีเลือดสีแดงสดซึมออกมา ซึ่งเป็นเวลา 3 สัปดาห์จึงเป็นภาวะตกเลือดหลังคลอดระยะหลัง
วิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะผิดปกติขึ้น
มีก้อนเลือด หรือเศษรกค้างอยู่ภายในโพรงมดลูก
การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
ทารกมีน้ำหนักมากทารกตัวโตทำให้กล้ามเนื้อมดลูกขยายมากเกินไปมีการฉีกขาดของปากมดลูกและช่องคลอดส่งผลให้เสียเลือดมาก
แผนการพยาบาล
มารดาเสี่ยงต่อการเกิดภาวะช็อคเนื่องจากการเสียเลือด
การรวบรวมข้อมูล
(Assesment
S: มารดาบอกว่า “ได้รับการผ่าตัดคลอดวันที่ 6 มกราคม 2555 ผ่าตัดคลอดผ่านไปด้วยดี กลับมาพักฟื้นที่บ้าน ช่วงวันที่ 27 มกราคม 2555 ปวดท้องหน่วงมาก มีเลือดสีแดงสดซึมออกมา”
S: มารดาบอกว่า “ช่วงบ่ายวันนั้น รู้สึกเหมือนอะไรไหล่พรวดออกมา ก้มลงมองขาเห็นเลือดสดๆไหลทะลักออกมา เหมือนเวลาเปิดก็อกน้ำ ไหลอยู่แบบนั้นร่วม 10 นาที จนเริ่มหยุดเปลี่ยนไปเป็นปวดหน่วงอย่างรุนแรง”
S: มารดาบอกว่า “ระหว่างรอหมอเลือดก็ไหลทะลักออกมาอีกเป็นก้อน ก้อนใหญ่เท่ากำปั้น ผ่านไป15นาที เริ่มมีอาการแขนขาเริ่มชา แขนขาไม่มีแรง ใจสั่น หน้าเริ่มมืด”
การวินิจฉัยการพยาบาล
(Nursing Diagnosis)
มารดาเสี่ยงต่อการเกิดภาวะช็อคเนื่องจากการเสียเลือด
จุดมุ่งหมาย
ไม่เกิดภาวะช็อค
เกณฑ์การประเมิน
-สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
PR=60-100 ครั้ง/นาที
RR=16-24 ครั้ง/นาที
BP=90/60-140/90 mmHg
T=36.5-37.4องศาเซลเซียส
ไม่มีอาการแสดงของภาวะช็อก เหงื่อออกตัวเย็น ซีด
การพยาบาล
ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพทุก 15 นาที 4 ครั้ง 30 นาที 2 ครั้ง 1 ชั่วโมง 1 ครั้งจนมีอาการปกติ
จัดท่านอนให้เหมาะสม ให้ผู้คลอดนอนราบ ไม่ต้องใช้หมอนหนุนศีรษะเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้อย่างเดียวพอ ห่มผ้าให้ความอบอุ่น
สังเกตระดับความรู้สึกตัวและอาการผิดปกติ
ใส่สายสวนปัสสาวะ เพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่าง ไม่ขีดขวางการหดรัดตัวของมดลูก และบันทึกปริมาณปัสสาวะทุก 1 ชั่วโมง
สังเกตลักษณะ สี และจำนวนเลือดที่ออกทางช่องคลอด
ดูแลให้ได้รับเลือด(PRCประกอบด้วยเซลล์เม็ดเลือดแดงซึ่งอยกส่วนของพลาสมาออก)ตามแผนการรักษา
มารดาวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะสุขภาพของตนเอง
การรวบรวมข้อมูล
(Assesment)
S:มารดาบอกว่า``เลือดไหลได้ 10นาที มองเห็นเท้าตนเองเป็นสีเขียวคล้ำ ตอนนั้นกลัวตายมากๆเพราะเราไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน’’
S:มารดาบอกว่า “อยู่ในห้อง ICU 1คืน กลางคืนนอนไม่หลับเลย คิดถึงลูกมาก ห่วงลูกมาก มองไปเตียงข้างๆก็หดหู่ นอนไม่หลับ ร้องไห้ทั้งคืน รอแต่ว่าเมื่อไรจะเช้าซักที”
S: มารดาบอกว่า ‘เวลาบ่ายโมงของวันที่ 27 มกราคม2555ตอนที่เลือดก็ยังไหลไม่หยุด เราตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก เรา นั่งตัวสั่น มองเลือดที่ไหลเจิ่งนองเต็มพื้นแบบตกใจไม่รู้จะทำยังไง’’
จุดมุ่งหมายการพยาบาล
ลดความวิตกกังวลของมารดา
เกณฑ์การประเมิน
สีหน้าคลายความวิตกกังวล
มารดาสามารถนอนหลับพักผ่อนได้ และไม่ร้องไห้
ให้ความร่วมมือในการรักษา
กิจกรรมการพยาบาลและเหตุผล
(Nursing implementation and Rationale)
อธิบายให้ทราบถึงสาเหตุที่ต้องทำการรักษา
ให้การพยาบาลด้วยท่าทีที่เป็นมิตร และเต็มใจช่วยเหลือ
เปิดโอกาสให้มารดาแลครอบครัวซักถามข้อสงสัย ระบายความรู้สึก และรับฟังอย่างตั้งใจ
อธิบายให้มารดาและครอบครัวเข้าใจเกี่ยวกับการวางแผนให้การช่วยเหลือ
ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ระหว่างมารดาและบุตร
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาการและอาการแสดงที่ควรมาโรงพยาบาล
ตกเลือดและเสี่ยงติดเชื้อในระยะหลังคลอด
การรวบรวมข้อมูล
(Assesment)
S: มารดาบอกว่า “วันที่ 27 มกราคม 2555ช่วงบ่ายมีเลือดไหลทะลักสดออกทางช่องคลอดนาน 10 นาที”
S:มารดาบอกว่า “ปวดหน่วงบริเวณท้องท้องสลับกับเลือดไหลออกมาเป็นก้อนๆ”
S: มารดาบอกว่า “หมอกดตรงท้องน้อยช่วงมดลูก รู้สึกเจ็ยมาก ”
จุดมุ่งหมาย
ไม่เกิดการตกเลือดซ้ำและติดเชื้อในระยะหลังคลอด
เกณฑ์การประเมิน
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
BP =90/60-140/90 mmHg.
PR=60-100 /min
RR=16-24 /min
T36.5-37.4 องศาเซลเซียส
มดลูกหดรัดตัวดีกลมแข็งไม่นิ่ม
ไม่เกิดภาวะช็อคหลังการตกเลือด คือ ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตลดลง เหงื่อออก ตัวเย็น หน้ามืดใจสั่น ซีด กระสับกระส่าย
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการปกติ ได้แก่ HCT. 37-47% plt.count 140,000-450,000 cell/cu.mm.,
PTT น้อยกว่า 75 sec.และ TT น้อยกว่า 27 sec.
กิจกรรมการพยาบาลและเหตุผล
(Nursing implementation and Rationale)
การตกเลือด
ประเมินสัญญาณชีพ ประเมินการหดรัดตัวของ
มดลูก และประเมินอาการแสดงของภาวะช็อก
ให้ออกซิเจนทางหน้ากาก 10 L/min เพื่อป้องกันการขาดออกซิเจน
ดูแลให้สารน้ำ ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัว ของมดลูกตามแผนการรักษา เช่น Oxytocin Methylergometrine
ใส่สายสวนปัสสาวะค้างไว้เพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่างและประเมินปริมาณปัสสาวะที่ออก
ติดตามสัญญาณชีพทุก 15 นาที ใน 1 ชั่วโมงแรก พร้อมประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและการ เสียเลือด เพื่อประเมินภาวะ Shock
ดูแลจัดให้นอนหงายราบ เพื่อให้เลือดจากส่วนต่างๆของร่างกายไหลกลับเข้าสู่หัวใจได้มากขึ้น เลือดจะไปเลี้ยงสมอง และอวัยวะส่วนต่างๆได้ง่ายไว้ให้พร้อม และดูแลอาการอย่างใกล้ชิด ขณะแพทย์ทำการขูดมดลูก และภายหลังขูดมดลูกแล้ว
เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม สำหรับการหยุดเลือดด้วย Condom balloon tamponade
ประเมินผลค่า hematocrit และติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
บันทึกปริมาณน้ำเข้าและออกจากร่างกายตลอด 24 ชั่วโมง ตามแผนการรักษา เพื่อประเมินการเสียเลือดและการขาดน้ำ
ดูแลความสุขสบายทั่วๆไป ให้ความอบอุ่นและป้องกันการสูญเสียความร้อนของร่างกาย
งดอาหารและน้ำทางปาก เตรียมความพร้อมกรณีจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดมดลูก
การติดเชื้อ
การให้คำแนะนำในการรักษาสุขภาพสุขวิทยาส่วนบุคคล
การทำคลอดที่ถูกวิธีและเทคนิคที่ถูกต้อง
ประเมินอาการของการติดเชื้อ คือ การมีไข้หลังคลอด อุณหภูมิสูง 38 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่าติดต่อกัน 2 วัน ในช่วง 10 วันแรก ไม่นับ 24ชั่วโมงแรกหลังคลอด
ตรวจดูแลแผลฝีเย็บ ว่ามีอาการบวมเลือดแผลฝีเย็บบวม แดง ร้อน มีหนอง กดเจ็บรอบ ๆ แผล
ปวดมากขณะถ่ายปัสสาวะหรือไม่
ตรวจดูลักษณะของน้ำคาวปลา ว่ามีกลิ่นเหม็น น้ำคาวปลาไม่เปลี่ยนสี มีสีน้ำตาลแดง หรือเป็นหนอง
มีอาการปวดท้องรุนแรง กดเจ็บ หน้าท้องแข็งตึง มดลูกมีขนาดใหญ่
อาการไข้สูง อ่อนเพลีย หนาวสั่น หายใจเร็ว อาเจียน เบื่ออาหาร
ทำแผลระบายหนอง รายที่มีแผลอักเสบ
ดูแลแก้ไขอาการไม่สุขสบายต่างๆ เช่นอาการปวด มีไข้ การส่งเสริมการไหลของน้ำคาวปลา
โดย จัดให้นอนท่า Fowler's position เป็นต้น
ข้อมูลกรณีศึกษา
6/1/55ผ่าคลอดเนื่องจากทารกตัวใหญ่
ทารกแข็งแรกสุขภาพดี
เดือนแรกเลี้ยงลูกตามปกติ
27/1/55 ระยะเวลา 3 สัปดาห์ ตั้งแต่วันผ่าคลอด น้ำคาวปลายังไม่หมด เป็นสีน้ำตาลอ่อน
ช่วงตี 4 เริ่มปวดหน่วงมากบริเวณท้องน้อย
เลือดสีแดงสดซึมออกเหมือนประจำเดือน
บ่ายโมง
เลือดสดทะลักไหลออกนาน 10 นาที จนเริ่มหยุดเปลี่ยนเป็นอาการปวดหน่วง
เท้าเริ่มเขียวคล้ำ
มาโรงพยาบาล
เลือดทะลักออกมาเป็นก้อนสลับกับปวดหน่วง
หมอวินิจฉัย เลือดเก่าตกค้าง
15 นาทีต่อมา เริ่มเเขน ขา ชา ไม่มีแรงใจสั่น หายใจลำบาก หมอกดช่วงมดลูก เจ็บมากพร้อมกับเลือดทะลัก
คนไข้กำลังจะช็อค
ทำการรักษา ขูดมดลูก
แนวทางป้องกันภาวะผิดปกติ
แนะนำให้มารดานำลูกดูดนมจากเต้า เพราะขณะที่ลูกดูดนมจากเต้าโดยตรงจะมีการหลั่งฮอร์โมน oxytocin ทำให้มดลูกมีการหดรัดตัว ช่วยป้องกันการตกเลือดหลังคลอดได้
แนะนำให้สังเกต น้ำคาวปลา ได้แก่ กลิ่นสี ปริมาณ ลักษณะ