Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
6.1.4 ความผิดปกติทางด้านจิตใจ, นางสาวกรรภิรมย์ อินธรรม รหัส 63121301004 -…
6.1.4 ความผิดปกติทางด้านจิตใจ
อัตตา (Self)
กระบวนการซึ่งบุคคลคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมของตนเองทั้งพฤติกรรมภายนอกและพฤติกรรมภายใน
ในฐานะที่เป็นโครงสร้างจะหมายถึงระบบช่องแนวคิดที่บุคคลใช้อธิบายเกี่ยวกับตนเอง
ผู้คลอดแต่ละคนจะแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับอัตตาจากประสบการณ์การคลอด บางคนจะรู้สึกว่าการคลอดเป็นสิ่งที่นำกลัว ในขณะที่บางคนจะรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่น่าปลาบปลื้ม ปิติยินดี ซึ่งผู้คลอดกลุ่มนี้จะมองว่าการคลอดเป็นสิ่งที่เพิ่มคุณค่าให้กับตนเอง
ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดความรู้สึกด้านบวกแก่ตนเอง
การมีความเห็นว่าการคลอดเป็นเหตุการณ์ที่มีความหมาย
การมองว่าการคลอดเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในชีวิตของลูกผู้หญิง การมองว่าบุตรเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับตนและครอบครัว เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้ผู้คลอดไม่เกิดความคับข้องใจ ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับตนเอง สัมพันธภาพกับสามี รวมทั้งบทบาทของการเป็นมารดา
ความคาดหวังและเป้าหมายเกี่ยวกับการคลอดเป็นความจริงและเป็นไปตามความคาดหวัง
มีการป้อนกลับในทางบวกต่อผู้คลอดตลอดกระบวนการของการคลอด สั่งช่วยให้ผู้คลอดรู้สึกว่าตนเองได้รับความสนใจตลอดเวลา ทำให้มีกำลังใจในการเผชิญกับความเจ็บปวดจากการคลอด
ปัจจัยที่มีผลทำให้เกิดความรู้สึกค้านลบต่อตนเอง
การให้ความหมายช่องการคลอดว่าเป็นประสบการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียดและเป็นอันตรายต่อตนเองและบุตร รวมทั้งถ้าผู้คลอดมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อบทบาททางเพศโดยเฉพาะบทบาทของการเป็นมารดา จะทำให้ผู้คลอดรู้สึกว่าการคลอดเป็นสิ่งที่คุกคามตนเองได้
ความคาดหวัง อุดมคติ และเป้าหมายเกี่ยวกับการคลอดไม่ตรงกับความเป็นจริง อาจทำให้ผู้คลอดรู้สึกผิดหวัง รู้สึกความมีคุณค่าของตนเองลดลง
ได้รับการป้อนกลับในทางลบหรือได้รับการป้อนกลับไม่เพียงพอ
ได้รับการตำหนิว่าไม่อดทน ควบคุมตนเองไม่ได้
ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการคลอดไม่เพียงพอ อาจทำให้ผู้ดลอดรู้สึกผิด วิตกกังวล หรือโกรธได้
ความวิตกกังวล (Anxiety)
เมื่อเริ่มต้นของการคลอด ผู้คลอดมักจะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการคลอด ความปลอดภัยของตนเองและบุตรในครรภ์
ความวิตกกังวลในระดับเล็กน้อยหรือปานกลางจะกระตุ้นให้ผู้คลอดมีการเตรียมความพร้อมมากขึ้นจนถึงมีการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมและต่อสู้กับอันตรายหรือสิ่งที่มาคุกคาม
ถ้ามีความวิตกกังวลเพิ่มขึ้นจนถึงระดับรุนแรง จะทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีเท่าที่ควร
ในขณะที่ความวิตกกังวลจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีสิ่งกระตุ้นที่ก่อให้เกิดความเครียดมากมาย
การประเมินระดับความวิตกกังวล จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะใช้เป็นแนวทางในการให้การช่วยเหลือ
ป้องกันไม่ให้เกิดความเครียดรุนแรงมากขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได้ และเป็นสาเหตุทำให้ชัดขวางความก้าวหน้าของการคลอดและทำให้การคลอดล่าช้าได้
สาเหตุของความวิตกกังวลในระยะคลอด
สิ่งแวดล้อมในโรงพยาบาล
การที่ผู้คลอดมาอยู่ตามลำพังโดยปราศจากบุคคสใกล้ชิดในโรงพยาบาลที่มีสิ่งแวดล้อมแตกต่างจากที่บ้าน มีกฎ ระเบียบและการปฏิบัติกิจกรรมที่ยุ่งยากชับซ้อน บุคคลแปลกหน้า กลิ่นและเสียงที่ไม่คุ้นเคย
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งกระตุ้นทางกายภาพ (Physical stressors) ที่ก่อให้เกิดความเครียดแก่ผู้คลอดทั้งสิ้น
การคลอดไม่เป็นไปตามความคาดหวังหรือตามความต้องการ
มีการเจ็บครรภ์ก่อนหรือช้ากว่ากำหนด
ในผู้คลอดที่เจ็บครรภ์ก่อนกำหนดทำให้ไม่มีการเตรียมตัวคลอด
ในขณะที่ผู้คลอดที่เกินกำหนดอาจรู้สึกคับข้องใจหรือท้อแท้ใจได้
เหตุการณ์นระยะคลอดไม่เป็นไปตามความคาดหวัง
ตามที่เคยมีประสบการณ์จากการคลอดในอดีต เงื่อนไขทางวัฒนธรรมจากการบอกเล่าของบุคคลอื่น รวมทั้งการได้รับความรู้ผ่านทางสื่อต่าง ๆ
ซึ่งถ้าการคลอดไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ตามประสบการณ์ของผู้คลอด
อาจทำให้ผู้คลอดเกิดความวิตกกังวลได้
4.การขาดความรู้หรือความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องทำให้เกิดความคิดฝันไปต่างๆ นานา
ผู้คลอดอาจจะตีความหมายของกิจกรรมที่เป็นปกติในระยะคลอดว่าเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายการใช้ความรู้ที่ไม่เหมาะสม
ถ้าผู้คลอดได้รับความรู้และการเตรียมตัวคลอดมามาก อาจจะยึดมั่นว่าการคลอดจะเป็นไปตามความคาดหวัง ซึ่งถ้ามีความผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นอาจทำให้วิตกกังวลได้
ความกลัวในระยะคลอด
ความกลัวเกี่ยวกับตนเองและความกลัวเกี่ยวกับทารก
ความกลัวเกี่ยวกับตนเอง
กลัวว่าตนเองจะบาดเจ็บหรือตายจากการคลอด
สำหรับความกลัวเกี่ยวกับทารก เช่น กลัวว่าทารกจะบาดเจ็บ พิการ มีภาวะแทรกช้อนและเสียชีวิต
ซึ่งความกลัวเหล่านี้อาจแสดงออกได้จากการพูดหรือถามซ้ำ ๆ เกี่ยวกับความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับทารกในระยะคลอด
การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับความรู้สึก (Sensory Alteration)
การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับความรู้สึกในระยะคลอด
การมีความรู้สึกมากเกินไป (Sensory overload) เป็นผลมาจากการเพิ่มทั้งปริมาณ ความรุนแรง และความซับซ้อนของสิ่งเร้าที่มากระตุ้นความรู้สึกของผู้คลอดมากเกินไป
ซึ่งเกิดจากสาเหตุ
ปรากฏการณ์ทางสรีรวิทยา
การมีมูกเลือดออกทางช่องคลอด
ถุงน้ำคร่ำแตก
มดลูกหดรัดตัวบ่อยครั้งขึ้น
ความรู้สึกอยากเบ่ง
ความเจ็บปวดจากการคลอดที่รุนแรงมากขึ้น
สิ่งแวดล้อม
มีการเตรียมคลอด
การตรวจทางช่องคลอด
การย้ายเข้าห้องคลอด
การทำคลอด
บรรยากาศที่ตึงเครียดในขณะคลอด
การไม่ได้รับการพักผ่อนแม้เมื่อมีการคลอดผ่นพ้นไปแล้ว เนื่องจากต้องได้รับการประเมินร่างกายอย่างต่อเนื่อง > เพื่อป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
การที่ไม่สามารถรับรู้ความหมายของสิ่งเร้า
มีสาเหตุมาจาก
การพูคคุยหรือสนทนาที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่
การพูดคุยโดยใช้ศัพท์ทางแพทย์ที่ผู้คลอดไม่เข้าใจ การพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาของผู้คลอดคนอื่น ๆ ซึ่งผู้คลอดเข้าใจว่าเป็นเรื่องของดนเอง ทำให้เกิดความวิตกกังวล เป็นต้น
วิธีการและเครื่องมือที่แปลกใหม
ผู้คลอดบางคนที่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือบางอย่าง เช่น เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสุขภาพช่องทารกในครรภ์ ซึ่งแม้ว่าแพทย์จะอธิบายถึงวัตถุประสงค์ของ
การใช้แล้วก็ตาม แต่ผู้คลอดก็อาจจะสับสนและไม่เข้าใจเครื่องมือที่ใช้กับตน
สิ่งเร้าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในผู้คลอดที่ได้รับการอธิบายเกี่ยวกับการดำเนินการคลอดและ
วิธีการคลอดที่ตนเองได้รับไว้อย่างหนึ่ง แต่เมื่อมีภาวะแทรกช้อนหรือการเปลี่ยนแปลงฉุกเฉินใด ๆ เกิดขึ้นที่ทำให้แผนการรักษาเปลี่ยนแปลงไป และจำเป็นต้องช่วยเหลืออย่างรีบด่วน สถานการณ์เหล่านี้อาจทำให้ผู้คลอดสับสนและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
2.การสูญเสียเกี่ยวกับการรับความรู้สึก (Sensory deprivation) เป็นภาวะที่ผู้คลอดสูญเสียหรี่อมีความรู้สึกว่าความต้องการของตนถูกขัดขวาง ซึ่งเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
การถูกกำจัดกิจกรรมที่ต้องการ
จะทำให้ผู้คลอกไม่ได้รับการตอบสนองตามความต้องการของตนเอง
การต้องนอนพักอยู่บนเตียง
การได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ
การไม่มีญาติมาเยี่ยม
การนอนไม่หลับ
การสูญเสียเอกลักษณ์ของตนเอง
การเข้ามาอยู่ในโรงพยาบาลจะทำให้ผู้คลอดสูญเสียดวามเป็นส่วนตัว
สูญเสียเอกลักษณ์แห่งตน ผู้คลอดรู้สึกว้าเหว่ หรือต่อต้านเกิดขึ้นได้
อาจถูกเรียกโดยใช้เบอร์เตียงแทนชื่อ ทำให้ผู้คลอดรู้สึกว่าถูกแยกจากสิ่งแวดล้อม ไม่ได้รับความสนใจจากผู้อื่น
การลดสิ่งกระตุ้นทางประสาทสัมผัส
การถูกจำกัดให้ได้รับสิ่งกระตุ้นเฉพาะแสง สี เสียง และกลิ่นเฉพาะที่อยู่ในห้องคลอด รวมทั้งสัมผัสจากเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ตรงตามความต้องการของผู้คลอด อาจทำให้เกิดความไม่สุขสบาย วิตกกังวลแก่ผู้คลอดได้
การถูกแยกจากสังคม
การอยู่ในห้องคลอดซึ่งเป็นสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย > ทำให้ผู้คลอดรู้สึกเหมือนถูกแยก โดดเดี่ยว ว้าเหว่เกิดขึ้นได้
ความรู้สึกสูญเสีย (Loss)
สูญเสียสิ่งของหรือบุคคลที่มีค่า
นระยะคลอดการสูญเสียบุคคลที่มีค่ามักเกี่ยวข้องกับการสูญเสียบุตรซึ่งจะเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้คลอดบางรายเท่านั้น
สูญเสียความคาดหวังหรือคุณค่า
คลอดมักมีความคาดหวังโดยมีการจินตนาการเกี่ยวกับเพศของบุตร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะคลอด รวมทั้งความคาดหวังเกี่ยวกับตนเองและผู้อื่น แต่เมื่อปรากฎว่าความคาดหวังนี้ไม่ตรงกับความเป็นจริง
จะทำให้ผู้คลอดรู้สึกสูญเสียซึ่งจะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับระยะของการตั้งความหวัง และการให้คุณค่ากับสิ่งที่คาดหวัง
สูญเสียลักษณะบางอย่างที่เกี่ยวกับตนเอง
สูญเสียลักษณะบางอย่างของตนเองข้องกับภาพลักษณ์ ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง บทบาท แบบแผนการสื่อสาร และแบบแผนที่จะตอบสนองความต้องการด้านร่างกายของตนเอง
การสูญเสียบทบาท
ารสูญเสียอาจเกี่ยวข้องกับการที่ต้องถอดหรือวางบทบาทที่ผู้คลอดดำรงอยู่ออกไป ผู้คลอดบางคนอาจได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้คลอดคนอื่น " โดยไม่ได้คำนึงถึงบทบาทในอาชีพที่เคยดำรงอยู่ก่อนคลอด ผู้คลอดบางคนอาจรู้สึกสูญเสียความสำคัญหรือสิทธิพิเศษภายหลังคลอด เนื่องจากบุคคล
อื่น ๆ จะให้ความสนใจต่อบุตรมากกว่าตน
การสูญเสียแบบแผนการสื่อสารในระยะคลอด
ความวิตกกังวล ความเจ็บปวดและสิ่งเร้าหรืออื่น ๆ ล้วนเป็นอุปสรรคขัดขวางความสามารถในการสื่อสารและการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คลอดกับบุคคลอื่น ผู้คลอดอาจไม่สามารถบอกถึงความรู้สึก ความกังวลของตนเองแก่ผู้อื่นได้
พฤติกรรมบางอย่างของผู้คลอด > ร้องไห้หรือก้าวร้าว เนื่องจากไม่ได้รับความช่วยเหลือหรือคับข้องใจ
การสูญเสียแบบแผนที่จะคอยตอบสนองความต้องการด้านร่างกายของตนเอง ในระยะคลอด
แบบแผนการขับถ่าย/การรับประทานอาหาร/การนอนหลับมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก > หากผู้คลอดไม่สามารถตอบสนองความต้องการด้านร่างกายของตนตามแบบแผนเดิม อาจทำให้โดดเดี่ยวและเป็นทุกข์ใจ
การสูญเสียภาพลักษณ์ ในระยะคลอด
ผูู้คลอดจะรู้สึกสูญเสียภาพลักษณ์ได้จากการที่ไม่สามารถควบคุมการทำงนของร่างกาย
การมีปัสสาวะ อุจจาระออกมาด้วยในขณะเบ่ง อาจทำให้ผู้คลอดรู้สึก> สูญเสียการควบคุมการทำหน้าที่ของขับถ่ายได้
การไม่สามารถควบคุมแรงเบ่ง
การสูญเสียความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง ในระยะคลอด
ผู้คลอดมักจะรู้สึกสูญเสียความมั่นใจในตนเองและความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองได้
การไม่สามารถเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในระยะคลอด
เช่น ความเจ็บปวด ความวิตกกังวล
การได้รับการป้อนกลับทางลบหรือไม่ได้รับการป้อนกลับในการแสดงพฤติกรรมของผู้คลอด
ความคาดหวังไม่ตรงกับความเป็นจริง
ผลกระทบต่อผู้คลอดและทารก
ผลกระทบค่อผู้คลอด
ความกลัว ความวิตกกังวลที่มีมากกว่าปกติ
จะทำให้ปากมดลูกเปิดช้าลง ซึ่งทำให้กานคลอดล่าช้าและมีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้น
ยังมีผลทำให้เพิ่มฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด ได้แก่ เบตาเอ็นดอร์ฟิน อดรีโนคอร์ติโคโทรปิค ฮอร์โมนคอร์ติโซนและเอพิเนฟริน ซึ่งการเพิ่มระดับฮอร์โมนเหล่านี้ มีผลทำให้การคลอดล่าช้าและคลอดยาก
ผลกระทบต่อทารก
ผู้คลอดที่มีความวิตกกังวลสูงหรือตื่นกลัวจะทำให้หัวใจของทารกเต้นช้าลง
ทารกที่เกิดจากผู้คลอดที่มีความวิตกกังวลสูงจะมีค่าของคะแนน APGAR ต่ำกว่าทารกที่เกิดจากผู้คลอดที่มีความวิตกกังวลต่ำ
นางสาวกรรภิรมย์ อินธรรม รหัส 63121301004